คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ประชาชน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 67 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2746/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงประชาชนด้วยการอ้างความศักดิ์สิทธิ์ของเด็กและหลอกลวงให้หลงเชื่อในน้ำมนต์เพื่อหวังผลประโยชน์
จำเลยทั้งสองหลอกลวงว่าเด็กชาย ว. บุตรของตน เทพให้มาเกิดได้รับยกย่อง ว่าเป็นอาจารย์น้อย เป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์ รักษาโรคต่าง ๆได้ประชาชนที่ไปรับการรักษาต้องนำเงิน 12 บาทพร้อมด้วยดอกไม้ธูป เทียนใส่จานไปยื่นให้จำเลย โดยนำไปวางไว้ที่ขันน้ำจำนวน 6 ใบแล้วจำเลยที่ 1 จะจุดเทียนหยด น้ำตา เทียนในขันและบอกว่าน้ำดังกล่าวเป็นน้ำมนต์ใช้รักษาโรคได้ ซึ่งมีจำเลยที่ 2 คอยช่วย ตัก น้ำเพื่อใช้ทำน้ำมนต์ จำเลยที่ 1 จะเป็นผู้หยิบเอาดอกไม้ธูป เทียนและเงิน 12 บาทไป การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำให้ปรากฏแก่สายตา ประชาชนและเป็นการร่วมกันโดยทุจริตโดยกระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง มีความผิดฐานฉ้อโกงตาม ป.อ. มาตรา 343.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2746/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงประชาชนด้วยการอ้างน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์รักษาโรค และเรียกเก็บค่าครู
จำเลยทั้งสองทำน้ำมันมนต์ให้แก่ประชาชนโดยอ้างว่ารักษาโรคได้และเก็บเงินจากประชาชนที่มารับน้ำมนต์ไปคนละ 12 บาทเป็นค่าครู ซึ่งจำเลยทั้งสองก็รู้ว่าน้ำมนต์นั้นไม่ใช่ยารักษาโรค แต่จำเลยทั้งสองกลับอวดอ้างว่าเด็กชาย ว. บุตรของจำเลยทั้งสองเป็นอาจารย์น้อย เป็นคนมีบุญ เทพให้มาเกิดทำนองว่าเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์ ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าน้ำมนต์นั้นศักดิ์สิทธิรักษาโรคได้อันเป็นการหลอกลวงประชาชนเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สิน การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน
เมื่อศาลล่างปรับบทลงโทษจำเลยโดยไม่ระบุว่าเป็นความผิดตามวรรคใดในมาตราที่ลงโทษ ศาลฎีกาจึงระบุเสียให้ถูกต้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2744/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดร่วมกันในคดีฉ้อโกง แม้เงินไม่ได้ผ่านจำเลยโดยตรง
จำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชน แม้จำเลยเพียงบางคนเป็นผู้รับเงินจากผู้เสียหาย จำเลยทุกคนก็ต้องร่วมกันรับผิดชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหายทุกคน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฉ้อโกงประชาชน vs. ฉ้อโกงรายบุคคล, การลงโทษหลายกรรม, และการนับโทษต่อ
จำเลยกล่าวหลอกลวงส. ที่บ้านของส. แล้วในวันต่อมาไปกล่าวหลอกลวงว. ที่บ้านของว. ขณะที่จำเลยกล่าวหลอกลวงว. มีผู้เสียหายและชาวบ้านอื่นอยู่ด้วยแต่ไม่ได้ความว่าจำเลยกล่าวหลอกลวงผู้เสียหายและชาวบ้านเหล่านั้นจึงต้องฟังข้อเท็จจริงเป็นประโยชน์แก่จำเลยว่าเป็นเรื่องที่จำเลยกล่าวแก่ว.แล้วผู้เสียหายอื่นไปได้ยินเข้าเองแล้วเชื่อและชำระเงินให้จำเลยถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะกล่าวหลอกลวงผู้เสียหายอื่นและชาวบ้านไม่เป็นการหลอกลวงประชาชน แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าจำเลยฉ้อโกงผู้เสียหายหลายครั้งต่างกรรมต่างวาระกันแต่ฟ้องโจทก์มิได้บรรยายรายละเอียดให้เห็นว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษทุกกรรมดังนี้ศาลจะลงโทษจำเลยแต่ละกรรมนอกเหนือจากฟ้องหาได้ไม่ โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาอีกเรื่องหนึ่งไว้แล้วแต่ศาลล่างทั้งสองนับโทษต่อให้ไม่ได้เพราะคดีนั้นศาลยังมิได้มีคำพิพากษาโจทก์ฎีกาขอให้นับโทษต่อโดยอ้างว่าคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาแล้วโดยระบุหมายเลขคดีแดงมาด้วยเมื่อจำเลยมิได้แก้ฎีกาปฏิเสธข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงฟังได้ว่าคดีดังกล่าวศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแล้วจริงศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้นับโทษต่อกันได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงรายบุคคล vs. ฉ้อโกงประชาชน, การนับโทษต่อคดีอาญาอื่น
ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยฉ้อโกงผู้เสียหายทั้งห้าหลายครั้งต่างกรรมต่างวาระกันแต่ฟ้องโจทก์มิได้บรรยายรายละเอียดการกระทำของจำเลยให้ปรากฏพอที่จะให้เห็นว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษทุกกรรมดังที่ได้ความตามทางพิจารณาศาลจะลงโทษจำเลยแต่ละกรรมนอกเหนือจากฟ้องหาได้ไม่. จำเลยกล่าวหลอกลวงว.ผู้เสียหายที่บ้านว.ขณะนั้นมีย.ม.ป.ผู้เสียหายและชาวบ้านอื่นอยู่ด้วยเป็นเรื่องที่จำเลยกล่าวแก่ว.แล้วผู้เสียหายอื่นไปได้ยินเข้าเองถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะกล่าวหลอกลวงผู้เสียหายอื่นและชาวบ้านหากแต่ผู้เสียหายอื่นได้ยินแล้วเชื่อและชำระเงินให้จำเลยถือได้ว่าจำเลยหลอกลวงผู้เสียหายเป็นรายบุคคลมิได้หลอกลวงประชาชนจึงมีความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา341. คดีนี้โจทก์ได้มีคำขอท้ายฟ้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาหมายเลชดำที่3672/2526ของศาลชั้นต้นไว้แล้วแต่ศาลล่างทั้งสองนับโทษต่อจากคดีดังกล่าวไม่ได้เพราะคดีนั้นศาลยังมิได้มีคำพิพากษาโจทก์ฎีกาขอให้นับโทษจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่2672/2526หมายเลขแดงที่3332/2526ของศาลชั้นต้นโดยอ้างว่าคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาแล้วจำเลยมิได้แก้ฎีกาปฏิเสธข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงฟังได้ว่าคดีดังกล่าวศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแล้วจริงศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้นับโทษต่อกันได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2486/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลอกลวงเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเงิน โดยการโฆษณาชักชวนทำงานต่างประเทศแต่ไม่พาไปจริง ถือเป็นความผิดฐานหลอกลวงประชาชน
จำเลยที่ 1 ประกาศรับสมัครคนงานไปทำงานในต่างประเทศจนผู้เสียหายกลุ่มหนึ่งรวม 7 คนหลงเชื่อไปสมัครเพื่อทำงาน ตามที่จำเลยประกาศจำเลยกับพวกรับเงินผู้เสียหายไว้เป็นจำนวนมาก แต่ผู้เสียหายไม่ได้ไปทำงานยังต่างประเทศตามที่ จำเลยกับพวกประกาศชักชวน ดังนี้การกระทำของจำเลยที่1 ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 โดยทุจริตหลอกลวงประชาชนรวม ทั้งผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ และโดยการหลอกลวงได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้เสียหายจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2486/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงประชาชนเพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน โดยแสดงข้อความเท็จและยักยอกทรัพย์สิน
จำเลยที่ 1 ประกาศรับสมัครคนงานไปทำงานในต่างประเทศจนผู้เสียหายกลุ่มหนึ่งรวม 7 คนหลงเชื่อไปสมัครเพื่อทำงาน ตามที่จำเลยประกาศจำเลยกับพวกรับเงินผู้เสียหายไว้เป็นจำนวนมาก แต่ผู้เสียหายไม่ได้ไปทำงานยังต่างประเทศตามที่ จำเลยกับพวกประกาศชักชวนดังนี้การกระทำของจำเลยที่1ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 โดยทุจริตหลอกลวงประชาชนรวม ทั้งผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ และโดยการ หลอกลวงได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้เสียหายจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2645/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานหลอกลวงประชาชนเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเข้าข่ายความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานพัฒนาชุมชน มีหน้าที่ด้านพัฒนาชุมชนโดยเป็นผู้วางแผนหรือวางโครงการพัฒนาท้องถิ่นร่วมกับราษฎรและติดต่อประสานงานระหว่างราษฎรกับทางราชการ จำเลยเป็น ผู้วางโครงการจัดสร้างทำนบฝายน้ำล้นตามความต้องการของราษฎร เพื่อเสนอให้ พ. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนำไปชี้แจงขอรับ เงินจัดสรร จากรัฐบาล การที่จำเลยหลอกลวงเอาเงินราษฎรที่ เข้าร่วมประชุมด้วยการเสนอข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งโดยอ้างว่าเพื่อจะนำไปมอบ ให้ พ.เป็นค่าใช้จ่ายในการวิ่งเต้นขอจัดสรรเงินจากทางราชการ และเอาเงินนั้นไว้เป็นของตนจึงเป็นการ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แต่การกระทำของจำเลยดังกล่าวมิได้ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบแม้จะเป็นการจูงใจ ให้ราษฎรที่ประชุมมอบเงินหรือทรัพย์สินให้แก่จำเลยก็ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148
การกระทำอันจะเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 นั้น ถือเอาเจตนาแสดง ข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนหรือปกปิดความจริงซึ่งควรบอก ให้แจ้งแก่ประชาชนเป็นข้อสำคัญ มิได้ถือเอาจำนวนผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงมากหรือน้อยเป็นเกณฑ์ การที่ จำเลยหลอกลวงเอาเงินจากราษฎรที่มาประชุมจัดสร้างทำนบ ฝายน้ำล้นแม้บุคคลที่ถูกจำเลยหลอกลวงจะมีหลายคน ก็ถือ ไม่ได้ว่าเป็นการหลอกลวงประชาชน ตามมาตรา 343
คดีที่โจทก์ฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222แต่ข้อเท็จจริง ที่ศาลอุทธรณ์ฟังมานั้นไม่พอแก่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานใน สำนวนเพิ่มเติมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 709/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงประชาชน: การหลอกลวงเจ้าหนี้เฉพาะกลุ่ม ไม่ถือว่าเป็นการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 เป็นเรื่องฉ้อโกงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน คำว่า "ประชาชน" มิได้มีคำจำกัดความไว้ในประมวลกฎหมายอาญา แต่ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานหมายถึง "บรรดาพลเมือง" และคำว่า "พลเมือง" มีความหมายถึง "ชาวเมืองทั้งหลาย"
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งหกหลอกลวงโจทก์และประชาชนที่เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 4 ประมาณ 30 คน จึงเป็นการหลอกลวงเฉพาะบุคคลที่เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 4 ซึ่งมีจำนวนมากเท่านั้น มิใช่เป็นการหลอกลวงประชาชนโดยทั่ว ๆ ไป ฟ้องดังกล่าวจึงไม่มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 709/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงประชาชน: การหลอกลวงเจ้าหนี้เฉพาะกลุ่ม ไม่ถือเป็นการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343เป็นเรื่องฉ้อโกงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน คำว่า'ประชาชน' มิได้มีคำจำกัดความไว้ในประมวลกฎหมายอาญา แต่ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานหมายถึง 'บรรดาพลเมือง' และคำว่า 'พลเมือง' มีความหมายถึง 'ชาวเมืองทั้งหลาย'
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งหกหลอกลวงโจทก์และประชาชนที่เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 4 ประมาณ 30 คน จึงเป็นการหลอกลวงเฉพาะบุคคลที่เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 4 ซึ่งมีจำนวนมากเท่านั้น มิใช่เป็นการหลอกลวงประชาชนโดยทั่ว ๆ ไป ฟ้องดังกล่าวจึงไม่มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343
of 7