พบผลลัพธ์ทั้งหมด 79 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4105/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทอย่างร้ายแรงของบุตรต่อมารดา เป็นเหตุให้ถอนคืนการให้ได้
โจทก์พูดห้ามปรามมิให้จำเลยขายที่ดินที่โจทก์ยกให้ จำเลยชี้หน้าด่าโจทก์ด้วยเสียงอันดังว่า "อีเฒ่า หน้าด้าน อีเฒ่า หน้าหมาอีเฒ่า หมาแม่ ไม่นับถือว่ามึงเป็นแม่กูหรอกจะไปตายที่ไหนก็ไปกูบ่ เลี้ยงมึงแล้ว กูจะขายมึงอยากได้ให้ไปฟ้องเอา" การกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(2) อันเป็นการประพฤติเนรคุณที่โจทก์จะเรียกถอนคืนการให้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 697/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคืนการให้เนื่องจากจำเลยประพฤติเนรคุณหมิ่นประมาทและขับไล่โจทก์
โจทก์ยกที่ดินให้จำเลยซึ่งเป็นหลานและอาศัยอยู่กับจำเลยต่อมาโจทก์ทราบว่าจำเลยเป็นภริยาน้อยผู้อื่นจึงได้พูดจาตักเตือนจำเลย จำเลยโกรธและพูดว่า 'ข้าวน้ำมึงไม่ต้องกิน ไอ้แก่หัวหงอก มึงอยู่ที่ไหนได้ก็ให้ไป' การที่จำเลยพูดกับโจทก์ด้วยถ้อยคำดังกล่าวและขับไล่โจทก์นั้นถือได้ว่าเป็นการประพฤติเนรคุณโดยการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง โจทก์ย่อมฟ้องขอให้ถอนคืนการให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 697/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคืนการให้ทรัพย์สินเนื่องจากจำเลยประพฤติเนรคุณหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง
โจทก์ยกที่ดินให้จำเลยซึ่งเป็นหลานและอาศัยอยู่กับจำเลยต่อมาโจทก์ทราบว่าจำเลยเป็นภริยาน้อยผู้อื่นจึงได้พูดจาตักเตือนจำเลย จำเลยโกรธและพูดว่า "ข้าวน้ำมึงไม่ต้องกิน ไอ้แก่หัวหงอกมึงอยู่ที่ไหนได้ก็ให้ไป" การที่จำเลยพูดกับโจทก์ด้วยถ้อยคำดังกล่าและขับไล่โจทก์นั้นถือได้ว่าเป็นการประพฤติเนรคุณโดยการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง โจทก์ย่อมฟ้องขอให้ถอนคืนการให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 697/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินให้หลานแล้วถูกขับไล่ ถือเป็นการประพฤติเนรคุณและหมิ่นประมาท โจทก์มีสิทธิขอถอนคืน
โจทก์ยกที่ดินให้จำเลยซึ่งเป็นหลานและอาศัยอยู่กับจำเลยต่อมาโจทก์ทราบว่าจำเลยเป็นภริยาน้อยผู้อื่นจึงได้พูดจาตักเตือนจำเลย จำเลยโกรธและพูดว่า 'ข้าวน้ำมึงไม่ต้องกินไอ้แก่หัวหงอก มึงอยู่ที่ไหนได้ก็ให้ไป' การที่จำเลยพูดกับโจทก์ด้วยถ้อยคำดังกล่าวและขับไล่โจทก์นั้นถือได้ว่าเป็นการประพฤติเนรคุณโดยการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง โจทก์ย่อมฟ้องขอให้ถอนคืนการให้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการให้ทรัพย์สินเนื่องจากประพฤติเนรคุณ การด่าบิดาด้วยถ้อยคำดูหมิ่นเป็นเหตุให้เพิกถอนได้
จำเลยด่าโจทก์ซึ่งเป็นบิดาว่า'บักเฒ่าหัวหงอกบักเฒ่าตาบอดบักเฒ่าหูหนวกเฒ่าหนังยานเฒ่าหนังเหี่ยวหนีไปไหนก็ไปกูไม่เลี้ยงมึงดอกไปอยู่กับหมาโน่น'ทำให้โจทก์ได้รับความอับอายถือเป็นเหตุประพฤติเนรคุณโจทก์ถอนคืนการให้ได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1014/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินให้บุตรเขยโดยเสน่หา ประพฤติเนรคุณเรียกคืนได้ หากมีการหมิ่นประมาท
ที่ดินที่โจทก์ยกให้จำเลยโดยเสน่หาเป็นที่ดินมือเปล่าซึ่งโจทก์มีเพียงสิทธิครอบครองเมื่อโจทก์ยกให้จำเลยจึงเป็นการสละเจตนาครอบครองการครอบครองของโจทก์ผู้ให้สิ้นสุดลงจำเลยผู้รับให้ย่อมได้ไปซึ่งสิทธิครอบครองแต่โจทก์มีสิทธิเรียกที่ดินคืนได้เมื่อจำเลยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ข้อที่ว่าจำเลยไม่ช่วยเหลือเลี้ยงดูโจทก์นั้นเมื่อไม่ได้ความว่าโจทก์อยู่ในฐานะยากไร้เพียงแต่ยากจนลงเพราะชราทำมาหากินไม่ค่อยไหวเท่านั้นแม้จำเลยไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูโจทก์ก็ยังถือไม่ได้ว่าประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ จำเลยด่าโจทก์ว่า"อ้ายชาติหมาหัวหงอกเหมือนขนหมาแล้วหน้าด้านเหมือนถนนลาดยาง"ด่านางอุ่นภรรยาโจทก์ว่า"อีสัตว์อีเหี้ยอีแก่มึงไม่ต้องมาพูดกับกู"และยังกล่าวหาโจทก์ว่าจะเอาหลานสาวทำเป็นเมียคำด่าดังกล่าวเป็นคำหยาบแสดงถึงความดูหมิ่นเหยียดหยามถือว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์ผู้ให้อย่างร้ายแรงโจทก์เรียกถอนคืนการให้ได้. จำเลยกับบุตรสาวของโจทก์แต่งงานกันมาเป็นเวลานานแล้วโจทก์เพิ่งยกที่ดินให้จำเลยและภรรยาในภายหลังในขณะที่จำเลยและภรรยามีอาชีพและครอบครัวเป็นหลักฐานไม่อยู่ในสภาพที่โจทก์ผู้เป็นบิดามีหน้าที่ตามธรรมจรรยาที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูและที่ดินก็มีราคาสูงจึงมิใช่เป็นการให้เนื่องในการสมรสโดยหน้าที่ธรรมจรรยา จำเลยอ้างว่าได้จ่ายเงิน500บาทเป็นค่าที่ดินให้โจทก์แต่จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นประเด็นต่อสู้ไว้ในคำให้การจึงไม่เป็นเรื่องที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1014/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้โดยเสน่หาที่ดินมือเปล่า & สิทธิเรียกคืนเมื่อผู้รับประพฤติเนรคุณ & การหมิ่นประมาท
ที่ดินที่โจทก์ยกให้จำเลยโดยเสน่หาเป็นที่ดินมื่อเปล่าซึ่งโจทก์มีเพียงสิทธิครอบครองเมื่อโจทก์ยกให้จำเลยจึงเป็นการสละเจตนาครอบครองการครอบครองของโจทก์ผู้ให้สิ้นสุดลงจำเลยผู้รับให้ย่อมได้ไปซึ่งสิทธิครอบครองแต่โจทก์มีสิทธิเรียกที่ดินคืนได้เมื่อจำเลยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ตามที่กฎหมายกำหนดไว้. ข้อที่ว่าจำเลยไม่ช่วยเหลือเลี้ยงดูโจทก์นั้นเมื่อไม่ได้ความว่าโจทก์อยู่ในฐานะยากไร้เพียงแต่ยากจนลงเพราะชราทำมาหากินไม่ค่อยไหวเท่านั้นแม้จำเลยไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูโจทก์ก็ยังถือไม่ได้ว่าประพฤติเนรคุณต่อโจทก์. จำเลยด่าโจทก์ว่า'อ้ายชาติหมาหัวหงอกเหมือนขนหมาแล้วหน้าด้านเหมือนถนนลาดยาง'ด่านางอุ่นภรรยาโจทก์ว่า'อีสัตว์อีเหี้ยอีแก่มึงไม่ต้องมาพูดกับกู'และยังกล่าวหาโจทก์ว่าจะเอาหลานสาวทำเป็นเมียคำด่าดังกล่าวเป็นคำหยาบแสดงถึงความดูหมิ่นเหยียดหยามถือว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์ผู้ให้อย่างร้ายแรงโจทก์เรียกถอนคืนการให้ได้. จำเลยกับบุตรสาวของโจทก์แต่งงานกันมาเป็นเวลานานแล้วโจทก์เพิ่งยกที่ดินให้จำเลยและภรรยาในภายหลังในขณะที่จำเลยและภรรยามีอาชีพและครอบครัวเป็นหลักฐานไม่อยู่ในสภาพที่โจทก์ผู้เป็นบิดามีหน้าที่ตามธรรมจรรยาที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูและที่ดินก็มีราคาสูงจึงมิใช่เป็นการให้เนื่องในการสมรสโดยหน้าที่ธรรมจรรยา จำเลยอ้างว่าได้จ่ายเงิน500บาทเป็นค่าที่ดินให้โจทก์แต่จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นประเด็นต่อสู้ไว้ในคำให้การจึงไม่เป็นเรื่องที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4356/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการให้ (การให้โดยเสน่หา) และอายุความฟ้องร้องกรณีประพฤติเนรคุณ
โจทก์เป็นย่าจำเลย ได้รับจำเลยมาอยู่ร่วมบ้าน เมื่อแต่งงานแล้วจำเลยและสามีก็อยู่ที่บ้านโจทก์ โจทก์ให้ที่นาที่อยู่อาศัยพร้อมบ้านแก่จำเลยการที่โจทก์ออกจากบ้านตั้งแต่ต้นปี 2525 เพราะจำเลยไม่เลี้ยงดู ด่าและไล่โจทก์ออกจากบ้าน. ซึ่งเป็นเวลาที่โจทก์ทราบถึงการประพฤติเนรคุณของจำเลย เมื่อนับถึงวันที่ 3 มีนาคม 2526ที่โจทก์ฟ้องจึงเกิน 6 เดือน โจทก์หาอาจจะถอนคืนการให้ได้ไม่ ฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 533
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 412/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการให้เนื่องจากประพฤติเนรคุณ การทำร้ายร่างกายผู้ให้ถือเป็นเนรคุณร้ายแรง
การที่จำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์ผู้เป็นมารดาจนได้รับอันตรายแก่กาย ย่อมเป็นการแสดงว่าจำเลยขาดความกตัญญู แม้โจทก์จะได้รับบาดเจ็บไม่ถึงสาหัสก็ถือได้ว่าจำเลยได้ประพฤติเนรคุณโดยประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดฐานอาญาอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(1) แล้ว โจทก์จึงเรียกถอนคืนการให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2509/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเรียกทรัพย์คืนฐานประพฤติเนรคุณขัดแย้งกับฐานเจ้าของทรัพย์ ศาลไม่รับฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องอ้างว่าจำเลยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ และเอาทรัพย์ที่โจทก์มอบให้จำเลยครอบครองทำกินเพื่อเลี้ยงดู โจทก์ไปทำหลักฐานเป็นชื่อของจำเลยขอให้จำเลยคืนทรัพย์สินดังกล่าวให้โจทก์ฟ้องโจทก์ดังกล่าว เป็นการฟ้องเรียกทรัพย์คืนจากจำเลยในฐานะที่โจทก์เป็นเจ้าของทรัพย์แต่โจทก์กลับไปอ้างว่าจำเลยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าตามคำบรรยายฟ้องและตามทางนำสืบของโจทก์มิได้ปรากฏว่าโจทก์ได้ยกทรัพย์พิพาทให้จำเลยจะบังคับ ตามคำฟ้องของโจทก์ให้จำเลยคืนทรัพย์ให้โจทก์ฐานประพฤติเนรคุณ มิได้เพราะสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาขัดกัน คำวินิจฉัยดังกล่าวจึงมิใช่เป็นการ ฟังข้อเท็จจริงผิดพลาด