พบผลลัพธ์ทั้งหมด 560 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7488/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจโจทก์ร่วมในการอุทธรณ์คดีจราจร และการพิจารณาโทษฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ ส. มารดาของผู้ตาย และเป็นยายของเด็กชาย ก. ผู้ตาย เข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการเฉพาะความผิดตาม ป.อ. มาตรา 291 โจทก์ร่วมจึงไม่มีอำนาจอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยสถานหนักและไม่รอการลงโทษในความผิดฐานหลบหนีไม่แจ้งเหตุตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78 การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษของจำเลยในความผิดฐานหลบหนีไม่แจ้งเหตุตามที่โจทก์ร่วมอุทธรณ์ จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องโดยถือว่าโทษของจำเลยในความผิดฐานหลบหนีไม่แจ้งเหตุเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7285/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจอดรถในที่มืดโดยประมาทและการหลบหนีหลังเกิดอุบัติเหตุ ไม่ผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก แต่ยังคงมีความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 (4) และมาตรา 78 วรรคหนึ่ง ประสงค์ที่จะลงโทษผู้ขับขี่ซึ่งขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน และลงโทษผู้ขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นแล้วไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือตามสมควร และพร้อมทั้งแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที หาใช่กรณีผู้ขับรถที่จอดรถอยู่ไม่
จำเลยกระทำโดยประมาทจอดรถยนต์บนถนนในที่มืดโดยไม่เปิดสัญญาณไฟและไม่ทำสัญญาณแสดงว่ามี รถยนต์จอดอยู่ เป็นเหตุให้ผู้ตายทั้งสองซึ่งขับรถจักรยานยนต์นั่งซ้อนท้ายกันมาชนท้ายรถยนต์ของจำเลย แล้วจำเลยหลบหนีไป การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 (4), 78 วรรคหนึ่ง ตามที่โจทก์ฟ้อง แม้จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความยกขึ้นอ้าง ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วย มาตรา 225
จำเลยกระทำโดยประมาทจอดรถยนต์บนถนนในที่มืดโดยไม่เปิดสัญญาณไฟและไม่ทำสัญญาณแสดงว่ามี รถยนต์จอดอยู่ เป็นเหตุให้ผู้ตายทั้งสองซึ่งขับรถจักรยานยนต์นั่งซ้อนท้ายกันมาชนท้ายรถยนต์ของจำเลย แล้วจำเลยหลบหนีไป การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 (4), 78 วรรคหนึ่ง ตามที่โจทก์ฟ้อง แม้จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความยกขึ้นอ้าง ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วย มาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7285/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจอดรถในที่มืดโดยไม่เปิดสัญญาณไฟ และหลบหนีหลังเกิดเหตุ ไม่ผิดตาม พ.ร.บ.จราจร แต่ยังคงมีความผิดฐานประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(4) และมาตรา 78 วรรคหนึ่ง ประสงค์ที่จะลงโทษผู้ขับขี่ขณะขับรถมิใช่กรณีจอดรถอยู่ การที่จำเลยกระทำโดยประมาทจอดรถยนต์บนถนนในมืดโดยไม่เปิดสัญญาไฟและไม่ทำสัญญาณแสดงว่ามีรถยนต์จอดอยู่ เป็นเหตุให้ผู้ตายซึ่งขับรถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมาชนท้ายรถยนต์ของจำเลย แล้วจำเลยหลบหนีไป จึงไม่เป็นความผิดตาม มาตรา 43(4),78 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7282/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถบรรทุกที่บรรทุกของยื่นเกินความยาวตัวรถ และการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัย
รถบรรทุกคันที่จำเลยขับเป็นรถที่บรรทุกอ้อยยื่นเกินความยาวของตัวรถขณะที่อยู่ในทางเดินรถ และถนนที่เกิดเหตุมีแสงสว่างเพียงพอที่จะทำให้มองเห็นรถจำเลยได้โดยชัดแจ้งภายในระยะไม่น้อยกว่า 150 เมตร จำเลยซึ่งเป็น ผู้ขับรถในทางต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 11 มาตรา 15 กฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2522) และข้อกำหนดกรมตำรวจ คือต้องใช้หรือมีโคมไฟแสงแดงติดไว้ที่ปลายสุดของต้นอ้อยส่วนที่ยื่นล้ำออกนอกท้ายรถจำเลยโดยให้ไฟสัญญาณแสงแดงส่องออกท้ายรถให้สามารถเห็นแสงไฟได้ชัดเจนในระยะไม่น้อยกว่า 150 เมตร
การที่จำเลยขับรถบรรทุกคันเกิดเหตุซึ่งเป็นรถที่บรรทุกต้นอ้อยยื่นล้ำออกนอกตัวรถโดยไม่มีโคมไฟแสงแดง ติดไว้ที่ปลายสุดของต้นอ้อยส่วนที่ยื่นออกไปด้วย ทำให้รถยนต์ที่ ถ. ขับตามหลังมาไม่สามารถมองเห็นรถจำเลยหรือแสงไฟได้ชัดเจนในระยะไม่น้อยกว่า 150 เมตร การกระทำของจำเลยเป็นการขับรถโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 11 มาตรา 15 กฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2522 ) และข้อกำหนดกรมตำรวจ ซึ่งเป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นเพื่อความปลอดภัยในการขับรถ และการกระทำดังกล่าวเป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้รถยนต์ ที่ ถ. ขับพุ่งชนท้ายรถบรรทุกที่จำเลยขับ จนเป็นเหตุให้ ถ. ได้รับบาดเจ็บสาหัสถือได้ว่าจำเลยขับรถโดยประมาท ส่วนที่ ถ. ขับรถโดยประมาทด้วย ก็หาทำให้การกระทำของจำเลยที่เป็นการกระทำโดยประมาทกลับเป็นไม่ประมาทไปได้ไม่
การที่จำเลยขับรถบรรทุกคันเกิดเหตุซึ่งเป็นรถที่บรรทุกต้นอ้อยยื่นล้ำออกนอกตัวรถโดยไม่มีโคมไฟแสงแดง ติดไว้ที่ปลายสุดของต้นอ้อยส่วนที่ยื่นออกไปด้วย ทำให้รถยนต์ที่ ถ. ขับตามหลังมาไม่สามารถมองเห็นรถจำเลยหรือแสงไฟได้ชัดเจนในระยะไม่น้อยกว่า 150 เมตร การกระทำของจำเลยเป็นการขับรถโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 11 มาตรา 15 กฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2522 ) และข้อกำหนดกรมตำรวจ ซึ่งเป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นเพื่อความปลอดภัยในการขับรถ และการกระทำดังกล่าวเป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้รถยนต์ ที่ ถ. ขับพุ่งชนท้ายรถบรรทุกที่จำเลยขับ จนเป็นเหตุให้ ถ. ได้รับบาดเจ็บสาหัสถือได้ว่าจำเลยขับรถโดยประมาท ส่วนที่ ถ. ขับรถโดยประมาทด้วย ก็หาทำให้การกระทำของจำเลยที่เป็นการกระทำโดยประมาทกลับเป็นไม่ประมาทไปได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 396/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชนกันระหว่างรถยนต์: ผู้ขับขี่ต้องพิสูจน์ความประมาทของอีกฝ่าย
เหตุรถชนเกิดขึ้นจากรถยนต์ของโจทก์และจำเลยซึ่งเป็นยานพาหนะอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลทั้งสองฝ่ายแล่นชนกัน จึงมิใช่กรณีตาม ป.พ.พ. มาตรา 437 โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบว่าจำเลยเป็นฝ่ายประมาท เพราะโจทก์เป็นผู้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงนี้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 84
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1656/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินความประมาทในการขับรถจักรยานยนต์ และการพิจารณาโทษที่เหมาะสมตามพฤติการณ์
ปัญหาว่าศาลล่างทั้งสองลงโทษจำคุกจำเลยมาเหมาะสมแก่พฤติการณ์การกระทำความผิดของจำเลยแล้วหรือไม่ แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อนี้มา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 ที่บัญญัติให้ศาลลงโทษ จำเลยตามสภาพความผิด ประกอบด้วยมาตรา 215 และ 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทในการขับรถ ชนแล้วรถยังแล่นต่อไป ศาลฎีกายืนประมาท แต่ให้รอลงโทษ
แม้จำเลยที่ 1 ขับรถมาในทางโทโดยไม่ปฏิบัติตามกฎจราจรคือ หยุดรถดูความปลอดภัยตามสัญญาณป้ายจราจรก่อนที่ขับผ่านเข้าไปในสี่แยก จำเลยที่ 2 ซึ่งขับรถมาในทางเอกก็ต้องชะลอรถลงแล้วดูความปลอดภัยก่อนด้วยเช่นกัน การที่จำเลยที่ 2 ขับรถไปชนบริเวณล้อหลังด้านขวาของรถคันที่จำเลยที่ 1 ขับมาแม้ชนแล้วรถบรรทุกสิบล้อยังแล่นต่อไปอีกเป็นระยะทางยาวถึง 7 เมตร แสดงว่าจำเลยที่ 2 ขับรถมาด้วยความเร็วสูงจนไม่อาจหยุดรถทัน ไม่มีการชะลอก่อนถึงสี่แยกที่เกิดเหตุ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการกระทำโดยประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8992/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทขับรถขณะเมาสุรา-ชนผู้อื่นถึงแก่ความตาย-ไม่รอการลงโทษ-ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนน้อยเกินไป
จำเลยขับรถจักรยานยนต์ขณะที่เมาสุรา มีคนทัดทานแล้วแต่จำเลยไม่เชื่อและขับรถไปเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายขับสวนทางมา โดยจำเลยขับรถแซงรถที่แล่นอยู่ข้างหน้าบริเวณทางโค้งล้ำเข้าไปในทางเดินรถสวน ถือว่าจำเลยประมาทอย่างมาก ตามพฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง แม้จำเลยจะได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ญาติผู้ตายแล้ว แต่ยังไม่เท่ากับจำนวนเงินที่ญาติผู้ตายเรียกร้องจำนวน 80,000 บาทซึ่งถือว่าเป็นจำนวนไม่มาก หากเทียบกับความสูญเสียที่ญาติผู้ตายได้รับที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษนั้นเหมาะสมแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1116/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขับรถบรรทุกโดยไม่ประมาท ไม่ต้องรับผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก
จำเลยมิได้ขับรถยนต์บรรทุกโดยประมาทจนเป็นเหตุให้รถยนต์บรรทุกที่จำเลยขับเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายขับ จำเลยจึงมิได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินในอันที่ผู้ก่อจะต้องหยุดช่วยเหลือหรือแสดงตัว และแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที จำเลยไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1116/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขับรถโดยประมาทและการไม่ช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ จำเลยไม่มีความผิดเนื่องจากไม่พบหลักฐานการประมาทและการชน
จำเลยมิได้ขับรถยนต์บรรทุกโดยประมาทจนเป็นเหตุให้รถยนต์บรรทุกที่จำเลยขับเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายขับ จำเลยจึงมิได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินในอันที่ผู้ก่อจะต้องหยุดช่วยเหลือแสดงตัว และแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที จำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 78 วรรคหนึ่ง