คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ประเด็นใหม่

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 178 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ vs. ประเด็นใหม่: ค่าเสียหายจากสินค้าสูญหายหลังศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
จำเลยทั้งหกเคยฟ้องฟ้องเรียกค่าชดเชยสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและเงินจำนวนอื่นจากโจทก์แม้โจทก์จะให้การต่อสู้คดีว่าโจทก์ไม่ต้องรับผิดเพราะโจทก์เลิกจ้างจำเลยทั้งหกเนื่องจากจำเลยทั้งหกกระทำผิดโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้สินจ้างของโจทก์สูญหายไปประเด็นต้องวินิจฉัยในคดีก่อนก็มีเพียงว่าจำเลยทั้งหกฟ้องเรียกค่าชดเชยสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและเงินจำนวนอื่นได้เพียงใดหรือไม่ไม่มีประเด็นว่าจำเลยทั้งหกต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่ทำให้สินค้าของโจทก์สูญหายไปให้โจทก์เพียงใดหรือไม่การที่โจทก์มาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งหกโดยกล่าวอ้างว่าจำเลยทั้งหกได้กระทำละเมิดโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อให้สินค้าของโจทก์สูญหายไปจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ คดีก่อนศาลมีคำ พิพากษาถึงที่สุดว่าโจทก์เลิกจ้างจำเลยทั้งหกโดยจำเลยทั้งหกไม่ได้กระทำผิดจำเลยทั้งหกไม่ได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้สินค้าของโจทก์สูญหายไปดังที่โจทก์ให้การต่อสู้คดีในคดีก่อน คำพิพากษาดังกล่าวย่อม ผูกพันโจทก์ โจทก์จึงมาฟ้องคดีเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งหกโดยอ้างว่าจำเลยทั้งหกกระทำละเมิดโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้สินค้าของโจทก์สูญหายไปไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7016/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิประทานบัตรทำเหมืองแร่ และสิทธิในที่ดิน การขาดนัดยื่นคำให้การทำให้จำเลยไม่อาจยกประเด็นใหม่ได้
เมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การประเด็นข้อพิพาทคงเกิดจากข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามฟ้องโจทก์เท่านั้นจำเลยไม่มีสิทธิ์อ้างข้อเท็จจริงเป็นประเด็นขึ้นมาใหม่คงมีสิทธิเพียงสาบานตนให้การเป็นพยานเองและถามค้านพยานโจทก์เพื่อที่จะหักล้างพยานหลักฐานโจทก์เท่านั้นการเบิกความของจำเลยในข้อที่ไม่ได้เป็นประเด็นในคดีจึงรับฟังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6025/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งอุทธรณ์มีผลเสมือนมิได้อุทธรณ์ และข้อจำกัดการฎีกาในประเด็นใหม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าอาคารให้แก่จำเลยมีกำหนด 20 ปี นับแต่วันที่ทำสัญญาจองอาคาร จำเลยอุทธรณ์แต่ทิ้งอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำหน่ายคดีสำหรับอุทธรณ์ของจำเลยออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ จำเลยฎีกาขอให้ศาลอุทธรณ์ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ศาลฎีกาพิพากษายืน การทิ้งอุทธรณ์ของจำเลยมีผลเสมือนหนึ่งว่าจำเลยมิได้ยื่นอุทธรณ์นั้นเลยคงมีแต่โจทก์ฝ่ายเดียวที่อุทธรณ์ ข้ออ้างที่จำเลยฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองจึงเป็นอันยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า ระยะเวลาการเช่าจะเริ่มนับแต่วันทำสัญญาเช่าไม่ได้ และคดีในส่วนที่โจทก์อุทธรณ์นั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ที่จำเลยฎีกาว่า สัญญาเช่ามีกำหนด 20 ปี จะต้องเริ่มนับตั้งแต่วันทำสัญญาเช่า ไม่ใช่วันทำสัญญาจอง และคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น จึงเป็นฎีกาในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6025/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: การฎีกาในประเด็นที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันในศาลอุทธรณ์ แม้ศาลชั้นต้นรับฎีกาไว้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าอาคารให้แก่จำเลยมีกำหนด 20 ปี นับแต่วันที่ทำสัญญาจองอาคารจำเลยอุทธรณ์แต่ทิ้งอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำหน่ายคดีสำหรับอุทธรณ์ของจำเลยออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ จำเลยฎีกาขอให้ศาลอุทธรณ์ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ศาลฎีกาพิพากษายืน การทิ้งอุทธรณ์ของจำเลยมีผลเสมือนหนึ่งว่าจำเลยมิได้ยื่นอุทธรณ์นั้นเลยคงมีแต่โจทก์ฝ่ายเดียวที่อุทธรณ์ข้ออ้างที่จำเลยฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองจึงเป็นอันยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นวา ระยะเวลาการเช่าจะเริ่มนับแต่วันทำสัญญาเช่าไม่ได้ และคดีในส่วนที่โจทก์อุทธรณ์นั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ที่จำเลยฎีกาว่า สัญญาเช่ามีกำหนด20 ปี จะต้องเริ่มนับตั้งแต่วันทำสัญญาเช่า ไม่ใช่วันทำสัญญาจอง และคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น จึงเป็นฎีกาในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6025/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งอุทธรณ์มีผลเสมือนมิได้ยื่น และข้อจำกัดในการฎีกาประเด็นใหม่ที่ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้พิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าอาคารให้แก่จำเลยมีกำหนด20ปีนับแต่วันที่ทำสัญญาจองอาคารจำเลยอุทธรณ์แต่ทิ้งอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำหน่ายคดีสำหรับอุทธรณ์ของจำเลยออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์จำเลยฎีกาขอให้ศาลอุทธรณ์ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปศาลฎีกาพิพากษายืนการทิ้งอุทธรณ์ของจำเลยมีผลเสมือนหนึ่งว่าจำเลยมิได้ยื่นอุทธรณ์นั้นเลยคงมีแต่โจทก์ฝ่ายเดียวที่อุทธรณ์ข้ออ้างที่จำเลยฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองจึงเป็นอันยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นวาระยะเวลาการเช่าจะเริ่มนับแต่วันทำสัญญาเช่าไม่ได้และคดีในส่วนที่โจทก์อุทธรณ์นั้นศาลอุทธรณ์พิพากษายืนที่จำเลยฎีกาว่าสัญญาเช่ามีกำหนด20ปีจะต้องเริ่มนับตั้งแต่วันทำสัญญาเช่าไม่ใช่วันทำสัญญาจองและคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นจึงเป็นฎีกาในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5906/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: ประเด็นใหม่ & ไม่ชัดเจน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากมิได้ยกขึ้นว่ากันในศาลล่าง และข้อฎีกาไม่ชัดเจน
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทว่าจำเลยขายที่พิพาทให้แก่โจทก์จริงหรือไม่ จำเลยมิได้โต้แย้งว่าศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นไม่ถูกต้อง และศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า จำเลยขายที่พิพาทซึ่งเป็นส่วนของจำเลยพร้อมทั้งมอบสิทธิการครอบครองให้แก่โจทก์จริง มิใช่จำเลยกู้ยืมจากโจทก์แล้วมอบที่พิพาทให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ยดังที่จำเลยต่อสู้ จำเลยมิได้ฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงดังกล่าวการที่จำเลยฎีกาว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินมรดกของบิดาจำเลยซึ่งมีบุตร 6 คน จำเลยจึงไม่มีอำนาจขายที่พิพาทให้แก่โจทก์ หากจำเลยขายที่พิพาทก็จะต้องถูกกำจัดไม่ให้ได้รับมรดก และนายใหญ่ อาจสูงเนิน เป็นผู้ครอบครองที่พิพาท โจทก์ไม่มีสิทธิในที่พิพาทไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยนั้น เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นกรณีที่ไม่อาจรับรองให้ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ที่จำเลยฎีกาข้อกฎหมายว่า ที่พิพาทมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นหลักฐานทางทะเบียน จำเลยขายให้โจทก์โดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การซื้อขายตกเป็นโมฆะนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 1 มิได้วินิจฉัยถึงเรื่องที่จำเลยยกขึ้นฎีกาดังกล่าว ฎีกาจำเลยจึงมิได้โต้แย้งว่าที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1ไม่วินิจฉัยปัญหาที่จำเลยยกขึ้นฎีกานั้นไม่ชอบเพราะเหตุ และจะมีผลอย่างไร เป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5187/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับพิจารณาประเด็นใหม่ในชั้นฎีกา หากจำเลยมิได้ยกขึ้นในคำให้การและชั้นอุทธรณ์
แม้ศาลชั้นต้นจะกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้และโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากจำเลยที่3โดยคบคิดกันฉ้อฉลหรือไม่เนื่องจากจำเลยที่1ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การและจำเลยที่2ได้อุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นไว้ในชั้นอุทธรณ์แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่2ว่าจำเลยที่2มิได้ยกประเด็นดังกล่าวขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การจึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวมาใสศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้จำเลยมิได้ฎีกาโต้แย้งว่าที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยนั้นเป็นการไม่ชอบอย่างไรคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวจึงมีผลเท่ากับว่าจำเลยที่2ไม่ได้อุทธรณ์ประเด็นที่ว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลและโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากจำเลยที่3โดยคบคิดกันฉ้อฉลในชั้นอุทธรณ์ต้องถือว่าประเด็นข้างต้นที่จำเลยที่2ยกขึ้นอ้างอิงในชั้นฎีกานั้นเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาที่ไม่ขอบที่จะรับไว้พิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4970/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาประเด็นใหม่ที่ไม่เคยอุทธรณ์ในชั้นอุทธรณ์ เป็นการไม่ชอบตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำเลยให้การรับสารภาพ และศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยอุทธรณ์เพียงขอให้ลงโทษสถานเบา ข้อที่ว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำเลยมิได้อุทธรณ์ การที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อเสพ เป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่เป็นการไม่ชอบ ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 15 แห่ง ป.วิ.อ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4834/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งต้องเกี่ยวข้องกับคำฟ้องเดิม หากไม่เกี่ยว ศาลไม่รับพิจารณา
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำการก่อสร้างห้องครัวโดยใช้ผนังอาคารพาณิชย์ของโจทก์โดยโจทก์ไม่อนุญาต ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างส่วนที่ติดกับผนังอาคารพาณิชย์ของโจทก์ จำเลยให้การว่า จำเลยได้ก่อสร้างผนังห้องครัวขึ้นใหม่ มิได้ใช้ผนังอาคารพาณิชย์ของโจทก์ ประเด็นจึงมีอยู่ว่า จำเลยได้ใช้ผนังอาคารพาณิชย์ของโจทก์เป็นผนังห้องครัวตามฟ้องหรือไม่ เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธเรื่องการใช้ผนังอาคารพาณิชย์ของโจทก์เพราะเหตุได้ก่อผนังห้องครัวขึ้นใหม่ แต่จำเลยกลับกล่าวหาว่าโจทก์ไปเจาะผนังอาคารพาณิชย์ของโจทก์ทำเป็นช่องหน้าต่างติดกระจกบานเกล็ด กับเหล็กดักและฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์รื้อถอนเหล็กดัด ที่รุกล้ำที่ดินจำเลยออกไป เป็นการตั้งประเด็นขึ้นใหม่อันเป็นคนละเรื่องกับที่โจทก์ฟ้อง ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3176/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ vs. ประเด็นใหม่: ความรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินและหนังสือรับรองการขาย
คดีเดิมโจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินในฐานะที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินและจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับอาวัล ศาลพิพากษายกฟ้องเพราะคดีขาดอายุความ แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดตามหนังสือรับรองการขายตั๋วสัญญาใช้เงิน ซึ่งเป็นการเรียกร้องให้รับผิดตามสัญญาอีกฉบับหนึ่งต่างหากจากตั๋วสัญญาใช้เงิน จึงเป็นคนละประเด็นกับที่โจทก์และจำเลยที่ 1 พิพาทกันในคดีเดิม ฟ้องโจทก์ส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงอันเกี่ยวกับความรับผิดตามสัญญาที่จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีนี้ จึงต้องย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงเช่นว่านั้นเสียก่อนแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
สำหรับฟ้องของโจทก์ส่วนที่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 2 นั้น ตามหนังสือรับรองการขายตั๋วสัญญาใช้เงินมีข้อความระบุถึงจำเลยที่ 2 เพียงว่า จำเลยที่ 2 ผู้รับอาวัลได้ทราบข้อตกลงในการที่จำเลยที่ 1 ได้นำตั๋วสัญญาใช้เงินมาขายให้แก่โจทก์ดังกล่าวข้างต้นแล้วทุกประการ จำเลยที่ 2 ยินยอมรับอาวัล และลงลายมือชื่อในฐานะผู้รับอาวัล ไม่ปรากฎว่ามีข้อความอื่นใดในลักษณะเป็นการค้ำประกันคงระบุแต่เพียงว่าเป็นผู้รับอาวัล แม้จะระบุถึงเรื่องการผ่อนเวลาไว้ก็คงเป็นการกล่าวถึงความรับผิดของจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้รับอาวัลซึ่งต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกับบุคคลที่ตนประกันตาม ป.พ.พ. มาตรา 940 โดยไม่อาจอ้างเรื่องการผ่อนเวลาตามหลักค้ำประกันทั่วไปในมาตรา 700 ขึ้นต่อสู้ได้ ฟ้องโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 คดีนี้จึงเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงิน อันเป็นประเด็นข้อวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีเดิม และเมื่อคดีเดิมถึงที่สุดแล้วฟ้องของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำ
of 18