คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้ขับขี่

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 182 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2447/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดเมื่อผู้ขับขี่ซึ่งได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยประมาทก่อให้เกิดความเสียหาย
จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันที่จำเลยที่ 3 รับประกันภัยไว้โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยด้วยความประมาทเลินเล่อชนรถยนต์ของโจทก์ ถือว่าจำเลยที่ 1 เป็นเสมือนผู้เอาประกันภัยเองตามข้อกำหนดในกรมธรรม์ประกันภัย ผู้รับประกันจึงต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์ด้วยส่วนการที่ผู้ต้องเสียหายไม่ได้ฟ้องหรือเรียกตัวผู้เอาประกันภัยเข้ามาสู้คดีด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 887 วรรคสอง นั้นก็มีผลเพียงทำให้ผู้ต้องเสียหายไม่อาจเรียกค่าสินไหมทดแทนส่วนที่ยังขาดจากผู้เอาประกันภัยได้เท่านั้น ไม่มีผลทำให้ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดต่อผู้ต้องเสียหายและทำให้ผู้รับประกันภัยหลุดพ้นความรับผิดไปด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1988/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อยกเว้นความรับผิดในประกันภัยค้ำจุนกรณีผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาตหรือใบอนุญาตขาดอายุเกิน 180 วัน
การ ประกันภัยค้ำจุนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา887เป็นการประกันความเสียหายอันเกิดจากรถยนต์ที่เอาประกันภัยไปก่อความเสียหายแก่บุคคลอื่นในเมื่อผู้เอาประกันภัยขับหรือยินยอมให้ผู้อื่นขับดังนั้นการประกันภัยค้ำจุนจึงมุ่งที่ตัวบุคคลผู้ขับรถยนต์ที่เอาประกันภัยในขณะเกิดเหตุเป็นสาระสำคัญยิ่งกว่าตัวบุคคลผู้เอาประกันภัยเมื่อกรมธรรม์ของจำเลยที่2มีข้อความยกเว้นความรับผิดของจำเลยที่2ไว้ว่าผู้รับประกันจะไม่รับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอกอันเกิดจากการขับโดยบุคคลที่มีใบอนุญาตขับรถยนต์แต่ ขาดการต่ออายุเกินกว่า180วันจำเลยที่2จึงยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้เพื่อปฏิเสธความรับผิดต่อโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9347/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเพียงพอของฟ้องคดีประกันภัยรถยนต์: โจทก์ไม่ต้องบรรยายรายละเอียดความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับขี่กับผู้เอาประกันภัย หรือความเร็วของจำเลย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน 6 ฉ - 6649 กรุงเทพมหานคร ไว้จากห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. พ.ขับรถยนต์คันดังกล่าวโดยได้รับความยินยอมจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ไปตามถนนในช่องเดินรถช่องขวาสุดจากจังหวัดกาญจนบุรี มุ่งหน้าไปกรุงเทพมหานคร เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุบริเวณหน้าโรงงานน้ำตาล จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน น - 8185กาญจนบุรี แล่นออกจากโรงงานน้ำตาลด้วยความประมาทเลินเล่อโดยจะต้องหยุดรถให้รถยนต์ของ พ.แล่นผ่านไปก่อน แต่จำเลยที่ 1 หาได้ปฏิบัติไม่ จำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์เข้าสู่ถนนโดยกะทันหันตัดหน้ารถยนต์ที่ พ.ขับ เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนกันจึงได้รับความเสียหาย โจทก์ผู้รับประกันภัยได้ชำระค่าเสียหายแล้วจึงสวมสิทธิที่จะเรียกร้องเอาแก่จำเลยได้ เช่นนี้ คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายเพียงพอที่จะทำให้จำเลยที่ 1เข้าใจได้ดีแล้ว เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องไว้แล้วว่า พ. ขับรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยโดยได้รับความยินยอมของห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ผู้เอาประกันภัยแล้ว โจทก์ก็หาจำต้องบรรยายฟ้องว่า พ. มีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ผู้เอาประกันภัยไม่ เพราะไม่ว่า พ. จะมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับผู้เอาประกันภัยหรือไม่ ก็มิใช่ข้อที่จำเลยที่ 1 จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ได้ ทั้งโจทก์ได้กล่าวในฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ขับรถออกจากโรงงานโดยไม่ระมัดระวังไม่หยุดรถก่อนจะออกสู่ถนนและตัดหน้ารถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัย เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนกันเช่นนี้ โจทก์จึงหาจำต้องบรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขับรถด้วยความเร็วเท่าใดไม่ ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 744/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องผู้รับประกันภัยต้องแสดงนิติสัมพันธ์ของผู้ขับขี่กับผู้เอาประกันภัย
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดในฐานะที่เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุที่จำเลยที่ 1 ขับ แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1ขับรถยนต์คันดังกล่าวในฐานะอะไร หรือมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับผู้เอาประกันอันจะเป็นเหตุให้ผู้เอาประกันภัยต้องร่วมรับผิดในการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 เมื่อฟ้องโจทก์มิได้บรรยายถึงเหตุที่จะให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดเช่นนี้แล้วเท่ากับคำฟ้องโจทก์มิได้บรรยายข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาที่จะให้ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดเป็นคำฟ้องที่ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง จำเลยที่ 2ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนที่จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ จึงไม่ต้องรับผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6607/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องเคลือบคลุมในคดีประกันภัย: จำเป็นต้องระบุความสัมพันธ์ของผู้เอาประกันกับผู้ขับขี่
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยผู้รับประกันภัยค้ำจุนรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ แต่ตาม ป.พ.พ. มาตรา 887 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่อเป็นความวินาศภัยซึ่งผู้เอาประกันจะต้องรับผิดชอบ เมื่อโจทก์กล่าวบรรยายฟ้องเพียงว่าจำเลยเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์คันที่ อ.ขับประมาทชนรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหาย โดยโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้ชัดเจนว่า ผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันที่จำเลยรับประภันภัยไว้คือใคร และ อ.ขับรถยนต์คันนั้นในฐานะอะไร หรือมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับผู้เอาประกันภัย อันจะเป็นเหตุให้ผู้เอาประกันภัยต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการทำละเมิดของ อ. จำเลยผู้รับประกันภัยค้ำจุนย่อมไม่มีโอกาสทราบได้เลยว่าผู้เอาประกันภัยต้องร่วมรับผิดกับ อ.ด้วยข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาอย่างไร และย่อมไม่อาจให้การต่อสู้คดีของโจทก์ได้ คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคำฟ้องเคลือบคลุม ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 172 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5940/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองไม้สักแปรรูปโดยผู้ขับขี่รถบรรทุก แม้มีผู้อ้างเป็นเจ้าของ
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อ ได้ขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อรับจ้างบรรทุกไม้สักแปรรูปของกลางจากต่างจังหวัดมุ่งหน้าจะเข้ากรุงเทพมหานคร โดยมีบุคคลที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าเป็นเจ้าของไม้ขับรถยนต์เก๋งนำทาง แต่จำเลยที่ 1 ถูกจับกุมระหว่างทาง พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยที่ 1เป็นผู้ครอบครองไม้สักแปรรูปของกลาง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5915/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยขยายไปถึงผู้ขับขี่ที่ได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัย
ตามกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งจำเลยที่ 3 ออกให้จำเลยที่ 2ระบุว่า การคุ้มครองผู้ขับขี่ บริษัทจะถือว่าบุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเอง ซึ่งหมายความว่านอกจากรับผิดในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยทำละเมิดต่อผู้อื่นแล้ว จำเลยที่ 3 ยอมรับผิดในกรณีที่จำเลยที่ 2 ผู้เอาประกันภัยมิได้เป็นผู้ทำละเมิดเองแต่ผู้อื่นเป็นผู้ทำละเมิด โดยผู้นั้นได้ขับขี่รถยนต์คันที่จำเลยที่ 3 รับประกันภัยไว้โดยความยินยอมของจำเลยที่ 2 ผู้เอาประกันภัยด้วย เมื่อจำเลยที่ 2 ผู้เอาประกันภัยยินยอมให้จำเลยที่ 1 ขับขี่รถยนต์คันเกิดเหตุ จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามกรมธรรม์ประกันภัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5915/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประกันภัยรถยนต์: ผู้ขับขี่โดยความยินยอมของผู้เอาประกันภัย ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดตามกรมธรรม์
ตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ซึ่งจำเลยที่ 3 ออกให้จำเลยที่ 2 ระบุว่า การคุ้มครองผู้ขับขี่ บริษัทจะถือว่า บุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเองซึ่งหมายความว่านอกจากรับผิดในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยทำละเมิดต่อผู้อื่นแล้วจำเลยที่ 3 ยอมรับผิดในกรณีที่จำเลยที่ 2 ผู้เอาประกันภัยมิได้เป็นผู้ทำละเมิดเองแต่ผู้อื่นเป็นผู้ทำละเมิด โดยผู้นั้นได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวโดยความยินยอมของจำเลยที่2 ด้วยเมื่อจำเลยที่ 2 ยินยอมให้จำเลยที่ 1 ขับขี่รถยนต์ไปชนรถยนต์โจทก์เสียหาย จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามกรมธรรม์ประกันภัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5915/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับประกันภัยรถยนต์: ความรับผิดของผู้รับประกันภัยเมื่อผู้เอาประกันภัยยินยอมให้ผู้อื่นขับขี่
ตามกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งจำเลยที่3ออกให้จำเลยที่2ระบุว่าการคุ้มครองผู้ขับขี่บริษัทจะถือว่าบุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเองซึ่งหมายความว่านอกจากรับผิดในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยทำละเมิดต่อผู้อื่นแล้วจำเลยที่3ยอมรับผิดในกรณีที่จำเลยที่2ผู้เอาประกันภัยมิได้เป็นผู้ทำละเมิดเองแต่ผู้อื่นเป็นผู้ทำละเมิดโดยผู้นั้นได้ขับขี่รถยนต์คันที่จำเลยที่3รับประกันภัยไว้โดยความยินยอมของจำเลยที่2ผู้เอาประกันภัยด้วยเมื่อจำเลยที่2ผู้เอาประกันภัยยินยอมให้จำเลยที่1ขับขี่รถยนต์คันเกิดเหตุจำเลยที่3ผู้รับประกันภัยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามกรมธรรม์ประกันภัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5910/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับผิดในสัญญาประกันภัย: ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับขี่ ผู้เอาประกันภัย และผู้รับประกันภัย จำเป็นต้องมีการบรรยายฟ้องและนำสืบอย่างชัดเจน
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดในฐานะที่เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์คันเกิดเหตุ แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องและนำสืบว่าจำเลยที่ 1ขับรถยนต์คันดังกล่าวในฐานะอะไรหรือมีความสัมพันธ์อย่างไรกับ บ. ผู้เอาประกันภัย จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของ บ. บ. จึงไม่ต้องร่วมรับผิดในการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่อ บ. ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ เมื่อ บ. ไม่ต้องรับผิด จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดด้วย
ปัญหาว่าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกตามกรมธรรม์ประกันภัยแม้ว่าผู้ขับรถยนต์จะไม่ใช่ผู้เอาประกันภัยแต่เป็นผู้ที่ขับรถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัย และกรมธรรม์ประกันภัยยังให้ความคุ้มครองถึงนายจ้างซึ่งมิใช่ผู้เอาประกันภัยเมื่อนายจ้างจะต้องรับผิดจากการใช้รถยนต์คันที่เอาประกันภัยโดยลูกจ้างในทางการที่จ้างหรือไม่นั้น เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องตั้งประเด็นมาเช่นนี้ ฎีกาของโจทก์ในปัญหานี้จึงเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็นเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 19