พบผลลัพธ์ทั้งหมด 77 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงลายมือชื่อหลังเช็คของผู้ถือ ถือเป็นการอาวัลจำเลยที่ 1 ผู้ทรงมีสิทธิเรียกร้องเงินจากผู้ลงลายมือชื่อ
จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อไว้ด้านหลังเช็คที่สั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือย่อมเป็นการสลักหลังเป็นประกัน (อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921, 989 จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดต่อผู้ทรงอย่างเดียวกับผู้สั่งจ่าย
โจทก์ฟ้องคดีในฐานะเป็นหัวหน้าวงแชร์ใช้เงินตามเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ แทนลูกวงแชร์และได้รับเช็คคืนมาไว้ในครอบครอง โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงจำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์
โจทก์ฟ้องคดีในฐานะเป็นหัวหน้าวงแชร์ใช้เงินตามเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ แทนลูกวงแชร์และได้รับเช็คคืนมาไว้ในครอบครอง โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงจำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3567/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คสลักหลัง-สัญญาซื้อขายลดเช็ค: การรับผิดของผู้อ้างสลักหลังและผู้สลักหลังต่อผู้ทรง
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังเช็คที่จำเลยที่ 1 นำมาทำสัญญาขายลดรับเงินสดจากโจทก์ จำเลยทั้งสองไม่ได้ให้การปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ในข้อนี้จึงต้องฟังข้อเท็จจริงว่าเช็คดังกล่าวจำเลยที่ 2 ได้ลงลายมือชื่อสลักหลังไว้ดังโจทก์ฟ้อง
จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีเพียงว่ามีเหตุไม่ต้องรับผิดเสียดอกเบี้ยแก่โจทก์ หาได้ต่อสู้ในข้อไม่ต้องรับผิดในต้นเงินด้วยไม่ ฉะนั้นปัญหาว่าจำเลยจะต้องรับผิดในต้นเงินหรือไม่ จึงไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
จำเลยที่ 1 นำเช็คซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังมาทำสัญญาขายลดรับเงินสดจากโจทก์ โดยสัญญาว่าหากเช็คดังกล่าวถึงกำหนดชำระเงิน โจทก์ไม่ได้รับชำระเงินตามเช็ค จำเลยที่ 1 ยอมชำระเงินตามเช็คพร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีแก่โจทก์เมื่อได้ความว่าโจทก์ไม่ได้รับชำระหนี้ตามเช็ค จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีส่วนจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 วรรคหนึ่ง
เช็คคือหนังสือตราสารซึ่งผู้สั่งจ่ายสั่งธนาคารให้ใช้เงินจำนวนหนึ่งเมื่อทวงถามให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งหรือให้ใช้ ตามคำสั่งของบุคคลอีกคนหนึ่งอันเรียกว่าผู้รับเงิน จึงเป็นทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 99 ซึ่งอาจโอนกรรมสิทธิ์กันได้ตามมาตรา 904, 917 และ 989 โจทก์จึงทำสัญญาซื้อขายลดเช็คอันเป็นสัญญาต่างตอบแทนประเภทหนึ่งซึ่งมีมูลหนี้อยู่ และนำสัญญาดังกล่าวมาฟ้องบังคับได้ และปัญหาว่าโจทก์จะใช้สิทธิฟ้องบังคับตามสัญญาขายลดเช็คได้หรือไม่ เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ข้อที่จำเลยอุทธรณ์ว่า ภาพถ่ายเช็คท้ายฟ้องจะมีต้นฉบับอยู่หรือไม่โจทก์ได้รับเงินตามเช็คจากผู้สั่งจ่ายแล้วหรือไม่จำเลยไม่ทราบ และตามภาพถ่ายเช็คท้ายฟ้องไม่ปรากฏว่าจำเลยลงลายมือชื่อสลักหลังไว้โจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ทั้งโจทก์ไม่เคยบอกกล่าวให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์โจทก์ยังไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามฟ้องนั้นไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยอำนาจฟ้องของโจทก์ เพราะไม่มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิเป็นคู่ความได้หรือไม่เมื่อจำเลยไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้นจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225
จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีเพียงว่ามีเหตุไม่ต้องรับผิดเสียดอกเบี้ยแก่โจทก์ หาได้ต่อสู้ในข้อไม่ต้องรับผิดในต้นเงินด้วยไม่ ฉะนั้นปัญหาว่าจำเลยจะต้องรับผิดในต้นเงินหรือไม่ จึงไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
จำเลยที่ 1 นำเช็คซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังมาทำสัญญาขายลดรับเงินสดจากโจทก์ โดยสัญญาว่าหากเช็คดังกล่าวถึงกำหนดชำระเงิน โจทก์ไม่ได้รับชำระเงินตามเช็ค จำเลยที่ 1 ยอมชำระเงินตามเช็คพร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีแก่โจทก์เมื่อได้ความว่าโจทก์ไม่ได้รับชำระหนี้ตามเช็ค จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีส่วนจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 วรรคหนึ่ง
เช็คคือหนังสือตราสารซึ่งผู้สั่งจ่ายสั่งธนาคารให้ใช้เงินจำนวนหนึ่งเมื่อทวงถามให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งหรือให้ใช้ ตามคำสั่งของบุคคลอีกคนหนึ่งอันเรียกว่าผู้รับเงิน จึงเป็นทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 99 ซึ่งอาจโอนกรรมสิทธิ์กันได้ตามมาตรา 904, 917 และ 989 โจทก์จึงทำสัญญาซื้อขายลดเช็คอันเป็นสัญญาต่างตอบแทนประเภทหนึ่งซึ่งมีมูลหนี้อยู่ และนำสัญญาดังกล่าวมาฟ้องบังคับได้ และปัญหาว่าโจทก์จะใช้สิทธิฟ้องบังคับตามสัญญาขายลดเช็คได้หรือไม่ เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ข้อที่จำเลยอุทธรณ์ว่า ภาพถ่ายเช็คท้ายฟ้องจะมีต้นฉบับอยู่หรือไม่โจทก์ได้รับเงินตามเช็คจากผู้สั่งจ่ายแล้วหรือไม่จำเลยไม่ทราบ และตามภาพถ่ายเช็คท้ายฟ้องไม่ปรากฏว่าจำเลยลงลายมือชื่อสลักหลังไว้โจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ทั้งโจทก์ไม่เคยบอกกล่าวให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์โจทก์ยังไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามฟ้องนั้นไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยอำนาจฟ้องของโจทก์ เพราะไม่มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิเป็นคู่ความได้หรือไม่เมื่อจำเลยไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้นจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3503/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายต้องได้รับการชำระหนี้ แม้จำเลยอ้างถูกหลอกลวง
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือซึ่งจำเลยรับว่าตนเป็นผู้สั่งจ่าย เมื่อปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย และจำเลยนำสืบรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับเช็คพิพาทมาโดยคบคิดกันฉ้อฉลกับ บ. ผู้ทรงคนก่อนผู้ซึ่งจำเลยอ้างว่าออกเช็คให้เพราะจำเลยถูกหลอกลวงจำเลยจึงไม่อาจยกเหตุดังกล่าวขึ้นต่อสู้โจทก์ โดยอาศัยความเกี่ยวพันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับ บ. ได้ จำเลยย่อมต้องรับผิดชำระเงินให้แก่โจทก์ผู้ทรงตามเนื้อความในเช็คพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 วรรคแรก, 914
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2742/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คห้ามเปลี่ยนมือ: ผู้รับเช็คไม่มีสิทธิอ้างเป็นผู้ทรงหากเช็คระบุให้เข้าบัญชีผู้รับโดยเฉพาะ
จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คให้แก่จำเลยที่ 2 โดยระบุชื่อจำเลยที่ 2และขีดฆ่าคำว่า 'หรือผู้ถือ' ออกแล้วขีดคร่อมและเขียนข้อความว่า "PAYEE ONLY" ซึ่งมีความหมายทำนองเดียวกับ "เปลี่ยนมือไม่ได้" หรือ "ห้ามเปลี่ยนมือ" เช็คดังกล่าวจึงเป็นเช็คที่จะต้องนำเข้าบัญชีของจำเลยที่ 2 เท่านั้น จะเปลี่ยนมือไม่ได้ ดังนั้น โจทก์จึงมิใช่ผู้รับเงินจะอ้างว่าเป็นผู้ทรงโดยการรับเช็คดังกล่าวจากจำเลยที่ 2 หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2742/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คห้ามเปลี่ยนมือ: ผู้รับเช็คไม่มีสิทธิอ้างเป็นผู้ทรงเมื่อเช็คถูกสลักหลังให้ผู้อื่น
จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คให้แก่จำเลยที่ 2 โดยระบุชื่อจำเลยที่ 2 และขีดฆ่าคำว่า 'หรือผู้ถือ' ออกแล้วขีดคร่อมและเขียนข้อความว่า 'PAYEEONLY' ซึ่งมีความหมายทำนองเดียวกับ 'เปลี่ยนมือไม่ได้' หรือ'ห้ามเปลี่ยนมือ' เช็คดังกล่าวจึงเป็นเช็คที่จะต้องนำเข้าบัญชีของจำเลยที่ 2 เท่านั้น จะเปลี่ยนมือไม่ได้ ดังนั้น โจทก์จึงมิใช่ผู้รับเงินจะอ้างว่าเป็นผู้ทรงโดยการรับเช็คดังกล่าวจากจำเลยที่ 2 หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1560/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ทรงเช็คมีอำนาจฟ้องคดีเช็คแม้จะมอบหมายให้ผู้อื่นเรียกเก็บเงิน
จำเลยออกเช็คชำระหนี้ให้โจทก์ การที่โจทก์เพียงแต่นำเช็คพิพาทฝากเข้าบัญชีธนาคารของ ท. บุตรโจทก์ เพื่อให้เรียกเก็บเงินตามเช็คแทนไม่ทำให้ฐานะการเป็นผู้ทรงของโจทก์เปลี่ยนแปลงไป เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องจำเลยตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1410/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงวันที่เช็คโดยผู้ทรง และอายุความฟ้องร้องตั๋วเงิน
จำเลยออกเช็คพิพาทชำระหนี้เงินกู้ให้แก่ ค.โดยไม่ได้ลงวันที่ออกเช็คต่อมาจำเลยยอมให้ ค. ลงวันที่ในเช็คตามที่จำเลยบอก แล้ว ค.นำเช็คพิพาทไปชำระหนี้แก่โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินจากธนาคาร ดังนี้ ถือไม่ได้ว่า ค. สมคบกับโจทก์ฉ้อฉลจำเลย
การที่จำเลยยอมให้ ค.ลงวันที่ในเช็คตามวันที่ที่จำเลยบอก ย่อมถือได้ว่าวันที่ที่ลงในเช็คดังกล่าวเป็นวันที่ถูกต้องแท้จริง เพราะ ค. ซึ่งเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายในขณะนั้น ย่อมมีสิทธิที่จะลงวันที่ที่ถูกต้องแท้จริงได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 910, 989 ถือได้ว่าเช็คพิพาทได้ลงวันออกเช็คถูกต้องแล้ว
วันกำหนดชำระเงินตามเช็คก็คือวันที่ลงในเช็ค เมื่อโจทก์ฟ้องคดีไม่เกินหนึ่งปีแต่วันที่ลงในเช็ค คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
การที่จำเลยยอมให้ ค.ลงวันที่ในเช็คตามวันที่ที่จำเลยบอก ย่อมถือได้ว่าวันที่ที่ลงในเช็คดังกล่าวเป็นวันที่ถูกต้องแท้จริง เพราะ ค. ซึ่งเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายในขณะนั้น ย่อมมีสิทธิที่จะลงวันที่ที่ถูกต้องแท้จริงได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 910, 989 ถือได้ว่าเช็คพิพาทได้ลงวันออกเช็คถูกต้องแล้ว
วันกำหนดชำระเงินตามเช็คก็คือวันที่ลงในเช็ค เมื่อโจทก์ฟ้องคดีไม่เกินหนึ่งปีแต่วันที่ลงในเช็ค คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3083/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็ค: ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดต่อผู้ทรง แม้มีข้อพิพาทกับผู้ทรงคนก่อน หากไม่มีเจตนาฉ้อฉล
จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาท ย่อมจะต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 914ประกอบกับมาตรา 989 จำเลยจะต่อสู้โจทก์ด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนๆ นั้นหาได้ไม่เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล
แม้จะฟังว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้ ช. เกี่ยวกับหนี้การพนัน แต่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงก็ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องด้วย และฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทมาโดยคบคิดกับ ช. เพื่อฉ้อฉลจำเลย ดังนี้ ย่อมไม่มีทางที่จำเลยจะปฏิเสธความรับผิดต่อโจทก์
การคำนวณนับระยะเวลาในการคิดดอกเบี้ยนั้นอยู่ในบังคับของหลักทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 158 ซึ่งห้ามมิให้นับวันแรกแห่งระยะเวลารวมคำนวณเข้าด้วย ย่อมจะเริ่มนับหนึ่งในวันรุ่งขึ้น โดยไม่นับวันฟ้องรวมคำนวณเข้าด้วยอยู่แล้ว จึงใช้ว่านับแต่วันฟ้อง ไม่จำเป็นต้องใช้ถ้อยคำว่า ให้คิดดอกเบี้ยนับแต่วันถัดจากวันฟ้อง
แม้จะฟังว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้ ช. เกี่ยวกับหนี้การพนัน แต่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงก็ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องด้วย และฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทมาโดยคบคิดกับ ช. เพื่อฉ้อฉลจำเลย ดังนี้ ย่อมไม่มีทางที่จำเลยจะปฏิเสธความรับผิดต่อโจทก์
การคำนวณนับระยะเวลาในการคิดดอกเบี้ยนั้นอยู่ในบังคับของหลักทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 158 ซึ่งห้ามมิให้นับวันแรกแห่งระยะเวลารวมคำนวณเข้าด้วย ย่อมจะเริ่มนับหนึ่งในวันรุ่งขึ้น โดยไม่นับวันฟ้องรวมคำนวณเข้าด้วยอยู่แล้ว จึงใช้ว่านับแต่วันฟ้อง ไม่จำเป็นต้องใช้ถ้อยคำว่า ให้คิดดอกเบี้ยนับแต่วันถัดจากวันฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3083/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็ค: ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดต่อผู้ทรง แม้มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้สั่งจ่ายกับผู้ทรงคนก่อน
จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาท ย่อมจะต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 914ประกอบกับมาตรา 989 จำเลยจะต่อสู้โจทก์ด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนๆ นั้นหาได้ไม่เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล
แม้จะฟังว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้ ช. เกี่ยวกับหนี้การพนัน แต่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงก็ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องด้วย และฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทมาโดยคบคิดกับ ช. เพื่อฉ้อฉลจำเลย ดังนี้ ย่อมไม่มีทางที่จำเลยจะปฏิเสธความรับผิดต่อโจทก์
การคำนวณนับระยะเวลาในการคิดดอกเบี้ยนั้นอยู่ในบังคับของหลักทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 158 ซึ่งห้ามมิให้นับวันแรกแห่งระยะเวลารวมคำนวณเข้าด้วย ย่อมจะเริ่มนับหนึ่งในวันรุ่งขึ้น โดยไม่นับวันฟ้องรวมคำนวณเข้าด้วยอยู่แล้ว จึงใช้ว่านับแต่วันฟ้อง ไม่จำเป็นต้องใช้ถ้อยคำว่า ให้คิดดอกเบี้ยนับแต่วันถัดจากวันฟ้อง
แม้จะฟังว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้ ช. เกี่ยวกับหนี้การพนัน แต่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงก็ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องด้วย และฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทมาโดยคบคิดกับ ช. เพื่อฉ้อฉลจำเลย ดังนี้ ย่อมไม่มีทางที่จำเลยจะปฏิเสธความรับผิดต่อโจทก์
การคำนวณนับระยะเวลาในการคิดดอกเบี้ยนั้นอยู่ในบังคับของหลักทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 158 ซึ่งห้ามมิให้นับวันแรกแห่งระยะเวลารวมคำนวณเข้าด้วย ย่อมจะเริ่มนับหนึ่งในวันรุ่งขึ้น โดยไม่นับวันฟ้องรวมคำนวณเข้าด้วยอยู่แล้ว จึงใช้ว่านับแต่วันฟ้อง ไม่จำเป็นต้องใช้ถ้อยคำว่า ให้คิดดอกเบี้ยนับแต่วันถัดจากวันฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2616/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้สั่งจ่ายเช็คต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็ค แม้ไม่มีนิติสัมพันธ์โดยตรง หากไม่ได้ต่อสู้ว่าการโอนเช็คเป็นการฉ้อฉล
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่าย จำเลยให้การว่าโจทก์กับจำเลยไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ต่อกัน แต่มิได้ต่อสู้ว่าผู้ทรงคนก่อนโอนเช็คพิพาทให้โจทก์โดยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลย ฉะนั้น จำเลยจะอ้างเรื่องการเล่นแชร์ระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนและโจทก์มาใช้ยันโจทก์ไม่ได้ เมื่อจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทจำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คพิพาท