พบผลลัพธ์ทั้งหมด 72 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 335/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับเหมาและผู้ว่าจ้างต่อความเสียหายจากงานก่อสร้างที่ไม่มีสัญญาณเตือน
จำเลยที่ ๑ รับเหมาก่อสร้างปรับปรุงถนน ขณะถนน กำลังก่อสร้างจำเลยที่ ๑ ไม่จัดให้มีสัญญาณไฟเตือน ทั้ง ๆ ที่มีข้อสัญญากับ กรุงเทพมหานคร จำเลยที่ ๒ ผู้ว่าจ้างไว้ และจำเลยที่ ๒ ได้ เตือนหลายครั้งแล้ว จำเลยที่ ๑ ย่อมคาดได้ ว่าหากไม่มีสัญญาณไฟเตือนให้เห็นอย่างชัดเจนก็อาจเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายได้การที่ อ. ไม่เห็นเกาะกลางถนนที่กำลังก่อสร้างและขับรถยนต์ขนเกาะกลางถนนจึงเกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ ๑
กรุงเทพมหานคร จำเลยที่ ๒ ในฐานะ ผู้ดูแลถนน ในเขต กรุงเทพมหานคร ย่อมมีหน้าที่ควบคุมจัดให้มีเครื่องหมายและสัญญาณจราจรในบริเวณก่อสร้างหรือซ่อมแซม ถนน แม้จะจัดให้จำเลยที่ ๑รับเหมาก่อสร้างไปแล้ว จำเลยที่ ๒ ก็ยังมีหน้าที่ติดตั้ง เครื่องหมายเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่การจราจร เมื่อจำเลยที่ ๒ ควบคุมแล้วยังมีข้อบกพร่อง จำเลยที่ ๒ ก็ต้อง รับผิดเช่นเดียวกับจำเลยที่ ๑
ความเสียหายอันเกิดจากการละเมิดคราวเดียวกัน เมื่อจัดซ่อมไปแล้วหากตรวจ พบภายหลังว่ายังมีส่วนชำรุด ที่ยังมิได้ซ่อมหลงเหลืออยู่ ก็ยังจัดซ่อมต่อไปอีกได้ จะอ้างว่ามีสิทธิซ่อมเพียงครั้งเดียวไม่ว่าซ่อมแล้วจะดี ดัง เดิม หรือไม่ก็ตามหาได้ไม่.
กรุงเทพมหานคร จำเลยที่ ๒ ในฐานะ ผู้ดูแลถนน ในเขต กรุงเทพมหานคร ย่อมมีหน้าที่ควบคุมจัดให้มีเครื่องหมายและสัญญาณจราจรในบริเวณก่อสร้างหรือซ่อมแซม ถนน แม้จะจัดให้จำเลยที่ ๑รับเหมาก่อสร้างไปแล้ว จำเลยที่ ๒ ก็ยังมีหน้าที่ติดตั้ง เครื่องหมายเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่การจราจร เมื่อจำเลยที่ ๒ ควบคุมแล้วยังมีข้อบกพร่อง จำเลยที่ ๒ ก็ต้อง รับผิดเช่นเดียวกับจำเลยที่ ๑
ความเสียหายอันเกิดจากการละเมิดคราวเดียวกัน เมื่อจัดซ่อมไปแล้วหากตรวจ พบภายหลังว่ายังมีส่วนชำรุด ที่ยังมิได้ซ่อมหลงเหลืออยู่ ก็ยังจัดซ่อมต่อไปอีกได้ จะอ้างว่ามีสิทธิซ่อมเพียงครั้งเดียวไม่ว่าซ่อมแล้วจะดี ดัง เดิม หรือไม่ก็ตามหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 984/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ว่าจ้างต้องรับผิดต่อความเสียหายจากการตอกเสาเข็ม แม้จะเลือกวิธีประหยัดค่าใช้จ่ายแต่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อข้างเคียง
จำเลยจ้าง น. ตอกเสาเข็มเพื่อสร้างอาคารชุดโดยจำเลยเลือกจ้างให้ผู้รับจ้างฝังเสาเข็มโดยวิธีตอกเพราะเห็นว่าเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าวิธีเจาะทั้ง ๆ ที่ตระหนักดีว่าการตอกเสาเข็มจะทำให้ที่ดินข้างเคียงถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง อันเป็นเหตุให้อาคารโจทก์และผู้อื่นในบริเวณใกล้เคียงเสียหาย แต่จำเลยก็ไม่สนใจ ถือได้ว่าจำเลยผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำจึงต้องรับผิดในความเสียหายดังกล่าวต่อโจทก์
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เสียหายอย่างไร โดยแยกเป็นรายการและคำนวณค่าซ่อมรวมไว้ ซึ่งสามัญชนทั่ว ๆ ไปพอจะเข้าใจถึงสภาพของความเสียหายและค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับแล้ว ทั้งจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้คดี ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ เป็นเรื่องที่โจทก์จะได้นำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เสียหายอย่างไร โดยแยกเป็นรายการและคำนวณค่าซ่อมรวมไว้ ซึ่งสามัญชนทั่ว ๆ ไปพอจะเข้าใจถึงสภาพของความเสียหายและค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับแล้ว ทั้งจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้คดี ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ เป็นเรื่องที่โจทก์จะได้นำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 984/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ว่าจ้างต้องรับผิดต่อความเสียหายจากการเลือกวิธีตอกเสาเข็มที่ก่อผลกระทบต่ออาคารข้างเคียง แม้จะประหยัดกว่าวิธีอื่น
จำเลยจ้าง น.ตอกเสาเข็มเพื่อสร้างอาคารชุดโดยจำเลยเลือกจ้างให้ผู้รับจ้างฝังเสาเข็มโดยวิธีตอกเพราะเห็นว่าเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าวิธีเจาะทั้ง ๆ ที่ตระหนักดีว่าการตอกเสาเข็มจะทำให้ที่ดินข้างเคียงถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง อันเป็นเหตุให้อาคารโจทก์และผู้อื่นในบริเวณใกล้เคียงเสียหาย แต่จำเลยก็ไม่สนใจ ถือได้ว่าจำเลยผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำจึงต้องรับผิดในความเสียหายดังกล่าวต่อโจทก์ โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เสียหายอย่างไร โดยแยกเป็นรายการและคำนวณค่าซ่อมรวมไว้ ซึ่งสามัญชนทั่ว ๆ ไปพอจะเข้าใจถึงสภาพของความเสียหายและค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับแล้ว ทั้งจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้คดี ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ เป็นเรื่องที่โจทก์จะได้นำสืบในชั้นพิจารณาฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 984/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ว่าจ้างต้องรับผิดต่อความเสียหายจากการตอกเสาเข็ม แม้จะเลือกวิธีประหยัดค่าใช้จ่ายแต่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อข้างเคียง
จำเลยจ้าง น. ตอกเสาเข็มเพื่อสร้างอาคารชุดโดยจำเลยเลือกจ้างให้ผู้รับจ้างฝังเสาเข็มโดยวิธีตอกเพราะเห็นว่าเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าวิธีเจาะทั้ง ๆ ที่ตระหนักดีว่าการตอกเสาเข็มจะทำให้ที่ดินข้างเคียงถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง อันเป็นเหตุให้อาคารโจทก์และผู้อื่นในบริเวณใกล้เคียงเสียหาย แต่จำเลยก็ไม่สนใจ ถือได้ว่าจำเลยผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำจึงต้องรับผิดในความเสียหายดังกล่าวต่อโจทก์
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เสียหายอย่างไร โดยแยกเป็นรายการและคำนวณค่าซ่อมรวมไว้ ซึ่งสามัญชนทั่ว ๆ ไปพอจะเข้าใจถึงสภาพของความเสียหายและค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับแล้ว ทั้งจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้คดี ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ เป็นเรื่องที่โจทก์จะได้นำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172.
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เสียหายอย่างไร โดยแยกเป็นรายการและคำนวณค่าซ่อมรวมไว้ ซึ่งสามัญชนทั่ว ๆ ไปพอจะเข้าใจถึงสภาพของความเสียหายและค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับแล้ว ทั้งจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้คดี ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ เป็นเรื่องที่โจทก์จะได้นำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2885/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การว่าจ้างผ่านตัวแทนเชิด: จำเลยต้องรับผิดในฐานะผู้ว่าจ้าง แม้ไม่ใช่ผู้สั่งจ้างโดยตรง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยว่าจ้างโจทก์ให้ทำงานให้จำเลย เมื่อโจทก์ทำงานเสร็จแล้วจำเลยไม่ชำระค่าจ้างตามสัญญา จำเลยให้การแต่เพียงว่าจำเลยไม่ได้ว่าจ้างโจทก์จึงไม่ต้องรับผิดชำระเงินให้โจทก์ ประเด็นจึงมีว่าจำเลยได้ว่าจ้างโจทก์ให้ทำงานตามฟ้องหรือไม่เท่านั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยว่าจ้างโจทก์จริงและยังไม่ได้ชำระค่าจ้างให้แก่โจทก์ตามฟ้อง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย ไม่จำเป็นต้องกำหนดประเด็นว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่ ทั้งไม่จำเป็นต้องกำหนดประเด็นว่าจำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นเงินมากน้อยเพียงใด เพราะจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ในเรื่องค่าจ้างว่าไม่ถูกต้องและความจริงเป็นจำนวนเท่าใด
ส. เป็นตัวแทนเชิดของจำเลยจ้างโจทก์ให้ทำงานตามฟ้องก็เสมือนจำเลยเป็นผู้ว่าจ้างโจทก์ จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยว่าจ้างโจทก์ให้ทำงานและนำสืบเรื่องตัวแทนเชิดได้ไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น
การนำสืบเรื่องตัวแทนเชิดไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือในการตั้งตัวแทนเชิด เพราะการเป็นตัวแทนเชิดนั้นมิได้เป็นโดยตั้งแต่งแสดงออกชัดแต่เป็นการตั้งแต่งโดยปริยาย.
ส. เป็นตัวแทนเชิดของจำเลยจ้างโจทก์ให้ทำงานตามฟ้องก็เสมือนจำเลยเป็นผู้ว่าจ้างโจทก์ จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยว่าจ้างโจทก์ให้ทำงานและนำสืบเรื่องตัวแทนเชิดได้ไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น
การนำสืบเรื่องตัวแทนเชิดไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือในการตั้งตัวแทนเชิด เพราะการเป็นตัวแทนเชิดนั้นมิได้เป็นโดยตั้งแต่งแสดงออกชัดแต่เป็นการตั้งแต่งโดยปริยาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3429/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับมอบงานชำรุด ผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิด หากผู้ว่าจ้างไม่โต้แย้ง และอำนาจฟ้องคดีโดยไม่ต้องตั้งอนุญาโตตุลาการ
จำเลยผู้ว่าจ้างรับมอบงานและจ่ายค่าจ้างงานทั้งหมดให้โจทก์ผู้รับจ้างโดยมิได้โต้แย้งคัดค้านงานที่โจทก์ทำชำรุดบกพร่องโดยชัดแจ้ง ย่อมถือว่าจำเลยรับมอบงานที่ทำนั้นแล้วทั้งชำรุดบกพร่องมิได้อิดเอื้อน โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดสำหรับงานที่ทำชำรุดบกพร่อง จำเลยจะกล่าวอ้างว่าต้องรับมอบงานเพราะมีความจำเป็นไม่ได้
สัญญาว่าจ้างมีข้อความว่า หากมีการตั้งอนุญาโตตุลาการกันขึ้นให้กระทำในกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ดังนั้น ตามสัญญาดังกล่าวหาได้บังคับว่าหากมีข้อพิพาทคู่สัญญาจะต้องตั้งอนุญาโตตุลาการเสียก่อนไม่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้โดยมิต้องมีการตั้งอนุญาโตตุลาการก่อน.
สัญญาว่าจ้างมีข้อความว่า หากมีการตั้งอนุญาโตตุลาการกันขึ้นให้กระทำในกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ดังนั้น ตามสัญญาดังกล่าวหาได้บังคับว่าหากมีข้อพิพาทคู่สัญญาจะต้องตั้งอนุญาโตตุลาการเสียก่อนไม่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้โดยมิต้องมีการตั้งอนุญาโตตุลาการก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2448/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างทำของล่าช้า ผู้ว่าจ้างมีสิทธิลดค่าจ้างได้
โจทก์ว่าจ้างจำเลยให้ขอใบอนุญาตแสดงดนตรีเกินสองชิ้นในสถานบริการแก่โจทก์ในราคาสินจ้าง 70,000 บาท จำเลยรับสินจ้างไปล่วงหน้าแล้วกำหนดจะมอบใบอนุญาตหรือคืนเงินให้โจทก์ภายในวันที่ 10 เมษายน 2525 จำเลยได้ปฏิบัติตามสัญญาจ้างด้วยความรู้ความสามารถของจำเลย แต่ผลงานของจำเลยสำเร็จล่าช้าไม่ทันเวลาที่ได้กำหนดไว้ในสัญญา ดังนี้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างชอบที่จะได้ลดสินจ้างลง มิใช่รับสินจ้างคืนทั้งหมด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3099/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้อง: การระบุตัวผู้ว่าจ้างในนามนิติบุคคลเพียงพอแล้ว แม้ไม่ได้ระบุตัวบุคคล
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นนิติบุคคล เมื่อประมาณกลางปี พ.ศ. 2523 จำเลยโดยโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง ว่าจ้างโจทก์เข้าปกหนังสือรวม 10 ครั้ง ซึ่งหมายความถึงว่าทางโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหงว่าจ้างโจทก์ในนามของจำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคล หาจำเป็นต้องบรรยายไม่ว่าตัวบุคคลของโรงพิมพ์ที่ว่าจ้างนี้เป็น ใครส่วนเวลาที่จ้างก็ระบุในฟ้องแล้ว แม้ไม่ได้บรรยายว่าตัวบุคคลผู้ว่าจ้างนั้นเป็นใคร วันเวลาจ้างทั้ง 10 ครั้งตามฟ้องเป็นวันเวลาใดบ้างก็เป็นเพียงรายละเอียดที่จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ดังนี้ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา คำขอบังคับรวมทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาสมบูรณ์ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3099/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้อง: การระบุตัวผู้กระทำผิดไม่จำเป็นหากระบุตัวนิติบุคคลผู้ว่าจ้างชัดเจน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นนิติบุคคลเมื่อประมาณกลางปีพ.ศ.2523จำเลยโดยโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหงว่าจ้างโจทก์เข้าปกหนังสือรวม10ครั้งซึ่งหมายความถึงว่าทางโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหงว่าจ้างโจทก์ในนามของจำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคลหาจำเป็นต้องบรรยายไม่ว่าตัวบุคคลของโรงพิมพ์ที่ว่าจ้างนี้เป็นใครส่วนเวลาที่จ้างก็ระบุในฟ้องแล้วแม้ไม่ได้บรรยายว่าตัวบุคคลผู้ว่าจ้างนั้นเป็นใครวันเวลาจ้างทั้ง10ครั้งตามฟ้องเป็นวันเวลาใดบ้างก็เป็นเพียงรายละเอียดที่จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณาดังนี้ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาคำขอบังคับรวมทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาสมบูรณ์ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา172แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 118/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ว่าจ้างไม่ต้องรับผิดต่อความเสียหายจากการตอกเสาเข็ม หากเป็นงานที่ผู้รับเหมามีหน้าที่ใช้วิชาการและความระมัดระวังเอง
จำเลยทั้งสองผู้ว่าจ้างสั่งให้จำเลยร่วมผู้รับจ้างตอกเสาเข็มตามแผนผังในแบบแปลนที่กรุงเทพมหานครอนุญาต โดยจำเลยทั้งสองไม่มีหน้าที่เข้าควบคุมการตอกเสาเข็มของจำเลยร่วม ถือว่าเป็นคำสั่งให้จำเลยร่วมปฏิบัติตามสัญญา มิใช่คำสั่งเกี่ยวกับการตอกเสาเข็มซึ่งเป็นหน้าที่ของจำเลยร่วมที่จะ ต้องใช้วิชาการและความระมัดระวังมิให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด เมื่อการตอกเสาเข็มของจำเลยร่วมก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำหรือในคำสั่งที่ให้ไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 428