พบผลลัพธ์ทั้งหมด 72 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 345-346/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีของผู้เช่าซื้อ: ผู้เช่าซื้อโดยชอบมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิดต่อรถยนต์ที่เช่าซื้อ
โจทก์เช่าซื้อรถยนต์ต่อจาก ม. และการเช่าซื้อดังกล่าวอยู่ในความยินยอมของบริษัท ส. ผู้ให้เช่าซื้อเดิม ดังนี้โจทก์เป็นผู้เช่าซื้อโดยชอบและครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวตามสัญญา จึงมีอำนาจฟ้องผู้ทำละเมิดให้รถที่เช่าซื้อนั้นเสียหายได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2019/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ: สิทธิเลิกสัญญาของผู้เช่าซื้อเมื่อผู้ให้เช่าซื้อผิดสัญญา และการหักค่าเช่าออกจากเงินค่าเช่าซื้อที่ต้องคืน
แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 573 จะเป็นบทบัญญัติให้สิทธิผู้เช่าซื้อเลิกสัญญาในกรณีที่ไม่มีการผิดนัดผิดสัญญา แต่เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าซื้อผิดสัญญาเพราะไม่จัดการแก้ไขให้ทรัพย์ที่ให้เช่าซื้ออยู่ในสภาพที่ใช้งานได้จำเลยก็มีสิทธิเลิกสัญญา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 387 ได้
เมื่อจำเลยผู้เช่าซื้อใช้สิทธิเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 387 แล้ว การชำระหนี้อันเกิดแต่การเลิกสัญญา มาตรา 392 บัญญัติให้เป็นไปตามมาตรา 369 และคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจึงต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งกลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมตามมาตรา 391 โจทก์ต้องคืนเงินค่าเช่าซื้อที่ได้รับคืนให้แก่จำเลยแต่เงินค่าเช่าซื้อมิใช่ราคาทรัพย์อย่างเดียว หากแต่เป็นค่าเช่ารวมอยู่ด้วย ซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับค่าเช่าในระหว่างที่จำเลยครอบครองและใช้ประโยชน์ในทรัพย์ที่เช่าซื้ออยู่จึงต้องหักค่าเช่าออกจากจำนวนค่าเช่าซื้อที่ต้องคืนจำเลยให้โจทก์เสียก่อน.
เมื่อจำเลยผู้เช่าซื้อใช้สิทธิเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 387 แล้ว การชำระหนี้อันเกิดแต่การเลิกสัญญา มาตรา 392 บัญญัติให้เป็นไปตามมาตรา 369 และคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจึงต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งกลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมตามมาตรา 391 โจทก์ต้องคืนเงินค่าเช่าซื้อที่ได้รับคืนให้แก่จำเลยแต่เงินค่าเช่าซื้อมิใช่ราคาทรัพย์อย่างเดียว หากแต่เป็นค่าเช่ารวมอยู่ด้วย ซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับค่าเช่าในระหว่างที่จำเลยครอบครองและใช้ประโยชน์ในทรัพย์ที่เช่าซื้ออยู่จึงต้องหักค่าเช่าออกจากจำนวนค่าเช่าซื้อที่ต้องคืนจำเลยให้โจทก์เสียก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6007/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้เช่าซื้อทายาทและการยักยอกทรัพย์: การพิสูจน์ความเสียหายและอายุความ
แม้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ที่เช่าซื้อยังอยู่กับผู้ให้เช่าซื้อ แต่ผู้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิครอบครองใช้ประโยชน์จากรถยนต์ที่เช่าซื้อนั้นและมีหน้าที่ต้องส่งคืนรถยนต์ที่เช่าซื้อใน สภาพเรียบร้อยแก่ผู้ให้เช่าซื้อหากมีกรณีต้องคืน เมื่อบุตรโจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อถึงแก่กรรม สิทธิและหน้าที่ดังกล่าวย่อมตกทอดมายังโจทก์ในฐานะทายาทคนหนึ่ง เมื่อจำเลยได้ยักยอกทรัพย์นั้นไปจากโจทก์ โจทก์ย่อมได้รับความเสียหาย จึงเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้อง
ฎีกาของจำเลยที่ว่า โจทก์มอบรถยนต์คันพิพาทให้จำเลยซ่อมเป็นเวลานานถึง 8 เดือนเศษ จำเลยไม่ได้แจ้งราคาซ่อมให้โจทก์ทราบ โจทก์น่าจะทราบได้ในขณะนั้นหรือช่วงเวลานั้นแล้วว่าจำเลยเบียดบังเอารถยนต์คันพิพาทเป็นของตนเอง โจทก์นำคดีมาฟ้องเกินระยะเวลา 3 เดือน พ้นกำหนดอายุความเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาของจำเลยที่ว่า โจทก์มอบรถยนต์คันพิพาทให้จำเลยซ่อมเป็นเวลานานถึง 8 เดือนเศษ จำเลยไม่ได้แจ้งราคาซ่อมให้โจทก์ทราบ โจทก์น่าจะทราบได้ในขณะนั้นหรือช่วงเวลานั้นแล้วว่าจำเลยเบียดบังเอารถยนต์คันพิพาทเป็นของตนเอง โจทก์นำคดีมาฟ้องเกินระยะเวลา 3 เดือน พ้นกำหนดอายุความเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3836/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกันภัยรถยนต์: ความรับผิดของผู้รับประกันภัยในกรณีที่ผู้เช่าซื้อรถทำละเมิด และบทบาทของประกันภัยค้ำจุน
จำเลยที่ 3 รับประกันภัยรถยนต์ไว้จากห้างหุ้นส่วนจำกัด น.ห้าง ฯ ดังกล่าวได้ให้จำเลยที่ 2 เช่าซื้อรถนั้นไปในขณะเกิดเหตุ ห้าง ฯ มิได้เป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 ที่จำเลยที่ 1ทำละเมิดต่อโจทก์ ห้าง ฯ หาต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดในผลแห่งละเมิดนั้นไม่ จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยไว้กับห้างฯ ในลักษณะประกันภัยค้ำจุน จึงไม่ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดเช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3337/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ: ผู้เช่าซื้อต้องรับผิดตามสัญญาแม้ทรัพย์สินสูญหายจากโจรภัย หากค่าสินไหมทดแทนยังไม่ครบตามจำนวนหนี้
ตามสัญญาเช่าซื้อจำเลยที่ 1 ต้องชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ให้โจทก์ 208,272 บาท และในสัญญาระบุว่า ถ้าทรัพย์สินที่เช่าซื้อถูกโจรภัย สูญหายไม่ว่าโดยเหตุสุดวิสัย หรือโดยเหตุใด ๆ ผู้เช่าซื้อยอมรับผิดฝ่ายเดียว และยอมชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาจนครบ โจทก์ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยตามจำนวน 170,000 บาท แม้จะเกินจำนวนเงินที่โจทก์จ่ายให้บริษัทที่โจทก์ซื้อรถยนต์มาให้จำเลยที่ 1 เช่าซื้อต่อแต่ก็ยังไม่ครบจำนวนตามสัญญษเช่าซื้อที่จำเลยที่ 1 ทำไว้กับโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกเงินที่ยังขาดอยู่จากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3337/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ: ผู้เช่าซื้อต้องรับผิดชอบค่าเช่าซื้อแม้รถสูญหายจากโจรภัย ตามข้อตกลงในสัญญา
ตามสัญญาเช่าซื้อจำเลยที่ 1 ต้องชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ให้โจทก์208,272 บาท และในสัญญาระบุว่า ถ้าทรัพย์สินที่เช่าซื้อถูกโจรภัยสูญหายไม่ว่าโดยเหตุสุดวิสัย หรือโดยเหตุใดๆผู้เช่าซื้อยอมรับผิดฝ่ายเดียวและยอมชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาจนครบโจทก์ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยตามจำนวน 170,000 บาทแม้จะเกินจำนวนเงินที่โจทก์จ่ายให้บริษัทที่โจทก์ซื้อรถยนต์มาให้จำเลยที่ 1 เช่าซื้อต่อแต่ก็ยังไม่ครบจำนวนตามสัญญษเช่าซื้อที่จำเลยที่ 1 ทำไว้กับโจทก์โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกเงินที่ยังขาดอยู่จากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3360/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้เช่าซื้อในการฟ้องละเมิดจากการยึดทรัพย์โดยไม่ชอบ แม้ผู้ให้เช่าซื้อจะยึดทรัพย์คืนไปแล้ว
ผู้เช่าซื้อมีสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อในอันที่จะใช้ประโยชน์จากทรัพย์สิน ที่ตนเช่าซื้อมาย่อมมีสิทธิฟ้องผู้ที่มายึดทรัพย์สินนั้นจากตนโดยละเมิดได้ แม้ภายหลังผู้ให้เช่าซื้อจะยึดทรัพย์สินคืนไป ก็ไม่ทำให้ผลการละเมิดที่กระทำไว้ก่อนระงับตามไปด้วย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 424 บัญญัติว่า ในการพิพากษาคดีข้อความรับผิดเพื่อละเมิด และกำหนดค่าสินไหมทดแทนนั้น ศาลไม่จำต้องดำเนินตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายลักษณะอาญา อันว่าด้วยการที่จะต้องรับโทษและไม่จำต้องพิเคราะห์ถึงการที่ ผู้กระทำละเมิดต้องคำพิพากษาลงโทษทางอาญาหรือไม่ฉะนั้นการที่ศาลเคยพิพากษาในคดีอาญาว่า จำเลยไม่มีเจตนาลักทรัพย์และ ยกฟ้องโจทก์ ก็ไม่จำต้อง ฟังว่าจำเลยไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์เพราะจำเลยอาจกระทำผิดกฎหมายอย่างอื่นเช่นกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่บัญญัติถึงอำนาจหน้าที่ในการยึดทรัพย์ของลูกหนี้ไว้แล้วก็ ได้ จึงต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่
สามีโจทก์กับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เสียหายได้ยอมความกันใน คดีอาญาโดยสามีโจทก์ตกลงผ่อนชำระหนี้ศาลสั่งจำหน่ายคดี เมื่อโจทก์ผิดนัด จำเลยที่ 1 ชอบที่จะ ฟ้องคดีต่อศาลบังคับให้ สามีโจทก์ชำระหนี้จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์ซึ่งอยู่ในความครอบครองของ โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241และการยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา เป็นอำนาจของศาลและของ เจ้าพนักงานบังคับคดีโดยเฉพาะ ดังนั้น การที่จำเลยที่1และทหารพรานยึดรถยนต์ที่อยู่ใน ความครอบครอง ของ โจทก์ไป อ้างว่าเป็นรถยนต์ผิดกฎหมาย นำส่งพนักงานสอบสวน โดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายจึงเป็น การกระทำ โดยละเมิดต่อโจทก์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 424 บัญญัติว่า ในการพิพากษาคดีข้อความรับผิดเพื่อละเมิด และกำหนดค่าสินไหมทดแทนนั้น ศาลไม่จำต้องดำเนินตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายลักษณะอาญา อันว่าด้วยการที่จะต้องรับโทษและไม่จำต้องพิเคราะห์ถึงการที่ ผู้กระทำละเมิดต้องคำพิพากษาลงโทษทางอาญาหรือไม่ฉะนั้นการที่ศาลเคยพิพากษาในคดีอาญาว่า จำเลยไม่มีเจตนาลักทรัพย์และ ยกฟ้องโจทก์ ก็ไม่จำต้อง ฟังว่าจำเลยไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์เพราะจำเลยอาจกระทำผิดกฎหมายอย่างอื่นเช่นกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่บัญญัติถึงอำนาจหน้าที่ในการยึดทรัพย์ของลูกหนี้ไว้แล้วก็ ได้ จึงต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่
สามีโจทก์กับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เสียหายได้ยอมความกันใน คดีอาญาโดยสามีโจทก์ตกลงผ่อนชำระหนี้ศาลสั่งจำหน่ายคดี เมื่อโจทก์ผิดนัด จำเลยที่ 1 ชอบที่จะ ฟ้องคดีต่อศาลบังคับให้ สามีโจทก์ชำระหนี้จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์ซึ่งอยู่ในความครอบครองของ โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241และการยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา เป็นอำนาจของศาลและของ เจ้าพนักงานบังคับคดีโดยเฉพาะ ดังนั้น การที่จำเลยที่1และทหารพรานยึดรถยนต์ที่อยู่ใน ความครอบครอง ของ โจทก์ไป อ้างว่าเป็นรถยนต์ผิดกฎหมาย นำส่งพนักงานสอบสวน โดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายจึงเป็น การกระทำ โดยละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้เช่าซื้อรถยนต์ไม่ใช่ผู้เอาประกันภัยตามสัญญาประกันภัยรถยนต์
ห้าง ศ. เป็นคู่สัญญาเอาประกันภัยรถยนต์ไว้แก่จำเลยที่ 2 โดยมีจำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้อรถดังกล่าวจากห้าง ศ. เป็นผู้ออกเบี้ยประกันภัยตามข้อตกลงในสัญญาเช่าซื้อจำเลยที่ 1 จึงหาใช่ผู้เอาประกันภัยตามความหมายของมาตรา 862 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อันจะทำให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนร่วมกับจำเลยที่ 1ตามมาตรา 887 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้เช่าซื้อ ผู้เอาประกันภัยมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเหตุรถคว่ำ แม้เกิดจากความขัดข้องของรถ
โจทก์ในฐานะผู้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิที่จะยึดถือครอบครองและใช้ประโยชน์ในรถยนต์คันพิพาท ตลอดจนมีหน้าที่ดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยและใช้การได้ดี เมื่อรถยนต์เกิดความเสียหายขึ้นไม่ว่าในกรณีใด ๆ โจทก์ต้องรับผิดชดใช้เงินค่าเช่าซื้อที่ยังค้างชำระจนครบ เมื่อได้ใช้เงินให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อครบถ้วนตามสัญญาเช่าซื้อแล้ว รถยนต์ก็ย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่โจทก์ทั้งโจทก์เป็นผู้เอาประกันภัยไว้แก่จำเลยโดยตรง โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
กรมธรรม์ประกันภัยมีข้อความว่า "การชน : บริษัทจะใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างระยะเวลาประกันภัยต่อรถยนต์รวมทั้งอุปกรณ์ติดประจำเนื่องจาก : การชนหรือคว่ำหรือไฟไหม้อันเกิดจากการชนหรือคว่ำ" ย่อมคุ้มครองถึงอุบัติเหตุที่เกิดจากรถคว่ำด้วย โดยไม่ได้จำกัดว่าการคว่ำนั้นเกิดเพราะเหตุใด เมื่อปรากฏว่ารถยนต์คันพิพาทเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำจำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์
กรมธรรม์ประกันภัยมีข้อความว่า "การชน : บริษัทจะใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างระยะเวลาประกันภัยต่อรถยนต์รวมทั้งอุปกรณ์ติดประจำเนื่องจาก : การชนหรือคว่ำหรือไฟไหม้อันเกิดจากการชนหรือคว่ำ" ย่อมคุ้มครองถึงอุบัติเหตุที่เกิดจากรถคว่ำด้วย โดยไม่ได้จำกัดว่าการคว่ำนั้นเกิดเพราะเหตุใด เมื่อปรากฏว่ารถยนต์คันพิพาทเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำจำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกันภัย-ผู้เช่าซื้อรถยนต์: สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายและค่าเสื่อมราคา แม้ไม่มีหลักฐานสัญญาประกันภัยและกรรมสิทธิ์ยังไม่โอน
การประกันภัยเป็นนิติกรรมในลักษณะประเภทของสัญญาอย่างหนึ่งเรียกว่าสัญญาประกันภัย ซึ่งเป็นผลให้เกิดนิติสัมพันธ์อันพึงต้องปฏิบัติระหว่างกันของคู่สัญญา แม้ตามกฎหมายจะบังคับว่า การทำสัญญาประกันภัยต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือก็เป็นเพียงบทบัญญัติใช้บังคับเฉพาะแก่คู่สัญญาที่ได้มีการทำกันขึ้นเท่านั้นหามีผลผูกพันให้ใช้แก่บุคคลภายนอกไม่ พ. เป็นผู้เสียหายและเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้เป็นคู่สัญญา จึงไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งบทกฎหมายที่ต้องนำพยานเอกสารมาแสดง
ผู้เช่าซื้อรถยนต์ที่ชำระค่าเช่าซื้อยังไม่ครบและกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ยังไม่โอนมาเป็นของผู้เช่าซื้อในขณะนั้นก็ตามแต่ผู้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิที่จะใช้รถยนต์ดังกล่าวหาประโยชน์ได้โดยชอบอีกทั้งยังมีหน้าที่ต้องดูแลรักษารถยนต์ดังกล่าวให้อยู่ในสภาพให้ใช้การได้ดีตลอดไปเมื่อได้ชำระเงินค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้วกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ย่อมตกมาเป็นของผู้เช่าซื้อ หรือถ้าหากมีการเลิกสัญญาผู้เช่าซื้อก็มีหน้าที่ต้องส่งมอบรถยนต์คืนให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อในสภาพเดิมเมื่อมีการทำละเมิดเกิดความเสียหายแก่รถยนต์ดังกล่าวผู้เช่าซื้อจึงอยู่ในฐานะที่จะต้องเรียกค่าสินไหมทดแทน รวมทั้งค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ได้ด้วย
ผู้เช่าซื้อรถยนต์ที่ชำระค่าเช่าซื้อยังไม่ครบและกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ยังไม่โอนมาเป็นของผู้เช่าซื้อในขณะนั้นก็ตามแต่ผู้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิที่จะใช้รถยนต์ดังกล่าวหาประโยชน์ได้โดยชอบอีกทั้งยังมีหน้าที่ต้องดูแลรักษารถยนต์ดังกล่าวให้อยู่ในสภาพให้ใช้การได้ดีตลอดไปเมื่อได้ชำระเงินค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้วกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ย่อมตกมาเป็นของผู้เช่าซื้อ หรือถ้าหากมีการเลิกสัญญาผู้เช่าซื้อก็มีหน้าที่ต้องส่งมอบรถยนต์คืนให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อในสภาพเดิมเมื่อมีการทำละเมิดเกิดความเสียหายแก่รถยนต์ดังกล่าวผู้เช่าซื้อจึงอยู่ในฐานะที่จะต้องเรียกค่าสินไหมทดแทน รวมทั้งค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ได้ด้วย