คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้เอาประกันภัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 125 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 361/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุมของผู้รับประกันภัยค้ำจุน: จำเป็นต้องระบุความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับ ผู้เอาประกันภัย และผู้รับประกันภัย
เฉพาะจำเลยที่1ที่ให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมโดยจำเลยที่2มิได้ยกเรื่องดังกล่าวขึ้นต่อสู้ด้วยการที่ศาลวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่2เคลือบคลุมด้วยจึงไม่ชอบถือว่าเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างต้องห้ามมิให้ฎีกาแต่เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่2รับผิดในฐานะเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนโดยมิได้บรรยายฟ้องว่าใครเป็นผู้เอาประกันภัยรถคันที่จำเลยที่2เป็นผู้รับประกันภัยและมิได้บรรยายฟ้องว่าผู้ขับรถคันนี้มีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับผู้เอาประกันภัยซึ่งผู้เอาประกันภัยต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดด้วยฟ้องโจทก์จึงขาดสาระสำคัญที่ทำให้จำเลยที่2ต้องรับผิดและเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ส่วนจำเลยที่1ซึ่งโจทก์ก็ฟ้องให้รับผิดฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนเช่นกันแต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าผู้ขับรถคันดังกล่าวขับรถคันนั้นในฐานะใดหรือมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับผู้เอาประกันภัยรถคันนั้นอันเป็นเหตุให้ผู้เอาประกันภัยต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดด้วยฟ้องโจทก์ย่อมทำให้จำเลยที่1ไม่อาจต่อสู้คดีได้จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 361/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดตามกฎหมาย
จำเลยที่2มิได้ให้การต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมการที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่2เคลือบคลุมด้วยจึงไม่ชอบถือว่าเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคแรกแต่เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่2รับผิดในฐานะเป็นผู้รับประกันภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา887ซึ่งผู้รับประกันภัยจะต้องรับผิดต่อเมื่อเป็นวินาศภัยซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบเมื่อโจทก์ไม่บรรยายฟ้องให้ปรากฏว่าใครเป็นผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันที่จำเลยที่2เป็นผู้รับประกันภัยและนาย ค.ผู้ขับรถยนต์คันนี้มีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับผู้เอาประกันภัยซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดของนาย ค. ด้วยคำฟ้องของโจทก์จึงขาดสาระสำคัญอันเป็นประเด็นแห่งคดีที่พึงกระทำให้จำเลยที่2ต้องรับผิดและศาลจะพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีจำเลยที่2โดยไม่อาศัยคำฟ้องไม่ได้จำเลยที่2จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามมาตรา887และปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142(5)ประกอบมาตรา246และ247 โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่1รับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนแต่มิได้บรรยายฟ้องว่านาย ว. ผู้ขับรถยนต์คันที่จำเลยที่1รับประกันภัยนั้นขับรถยนต์คันดังกล่าวในฐานะใดหรือมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันนั้นอันจะเป็นเหตุให้ผู้เอาประกันภัยจะต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดของนาย ว.เมื่อโจทก์มิได้บรรยายถึงเหตุที่จะทำให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดแล้วจำเลยที่1ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนซึ่งจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่อเป็นวินาศภัยซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบจึงไม่ต้องรับผิดด้วยคำฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่1จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2447/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดเมื่อผู้ขับขี่ซึ่งได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยประมาทก่อให้เกิดความเสียหาย
จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันที่จำเลยที่ 3 รับประกันภัยไว้โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยด้วยความประมาทเลินเล่อชนรถยนต์ของโจทก์ ถือว่าจำเลยที่ 1 เป็นเสมือนผู้เอาประกันภัยเองตามข้อกำหนดในกรมธรรม์ประกันภัย ผู้รับประกันจึงต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์ด้วยส่วนการที่ผู้ต้องเสียหายไม่ได้ฟ้องหรือเรียกตัวผู้เอาประกันภัยเข้ามาสู้คดีด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 887 วรรคสอง นั้นก็มีผลเพียงทำให้ผู้ต้องเสียหายไม่อาจเรียกค่าสินไหมทดแทนส่วนที่ยังขาดจากผู้เอาประกันภัยได้เท่านั้น ไม่มีผลทำให้ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดต่อผู้ต้องเสียหายและทำให้ผู้รับประกันภัยหลุดพ้นความรับผิดไปด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1287/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งต้องแสดงความสัมพันธ์ของผู้เอาประกันภัยกับผู้ขับขี่ เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบค่าสินไหมทดแทน
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 1 (3) ฟ้องแย้งก็เป็นคำฟ้องอย่างหนึ่งดังนั้นการบรรยายฟ้องแย้งก็ต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น ตามป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสองด้วย แต่ฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองมิได้บรรยายให้เห็นว่า ผู้ใดเป็นผู้เอาประกันภัยรถยนต์ไว้แก่โจทก์ และผู้ขับรถยนต์คันดังกล่าวในขณะเกิดเหตุมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับผู้เอาประกันภัยอันจะเป็นเหตุให้ผู้เอาประกันภัยต้องร่วมรับผิดด้วย เมื่อฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองมิได้บรรยายถึงเหตุที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดแล้ว โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนซึ่งจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่อเป็นวินาศภัยซึ่งผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ จึงไม่ต้องรับผิดด้วย คำฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองจึงเคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1287/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งต้องระบุความสัมพันธ์ของผู้เอาประกันภัยกับผู้ขับขี่ มิเช่นนั้นถือเป็นฟ้องแย้งที่เคลือบคลุม
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา1(3)ฟ้องแย้งก็เป็นคำฟ้องอย่างหนึ่งดังนั้นการบรรยายฟ้องแย้งก็ต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา172วรรคสองด้วยแต่ฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองมิได้บรรยายให้เห็นว่าผู้ใดเป็นผู้เอาประกันภัยรถยนต์ไว้แก่โจทก์และผู้ขับรถยนต์คันดังกล่าวในขณะเกิดเหตุมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับผู้เอาประกันภัยอันจะเป็นเหตุให้ผู้เอาประกันภัยต้องร่วมรับผิดด้วยเมื่อฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองมิได้บรรยายถึงเหตุที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดแล้วโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนซึ่งจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่อเป็นวินาศภัยซึ่งผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบจึงไม่ต้องรับผิดด้วยคำฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองจึงเคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันภัยไม่ผูกพันเมื่อผู้เอาประกันภัยไม่มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยขณะทำสัญญา
จ. ทำสัญญา เช่าซื้อรถยนต์คันที่เอาประกันภัยไว้กับโจทก์หลังจากทำ สัญญาประกันภัยถือได้ว่า จ. ผู้เอาประกันภัยยังมิได้ มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยไว้ขณะที่โจทก์รับประกันภัยดังนั้นสัญญาประกันภัยระหว่างโจทก์และ จ. จึงไม่ผูกพันคู่สัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา863แม้โจทก์จะได้ชดใช้ค่าเสียหายแทน จ. ก็ ไม่ได้ รับช่วงสิทธิตามกฎหมายโจทก์จึง ไม่มี อำนาจฟ้อง โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกัน ชำระหนี้ในมูล ละเมิดอันไม่อาจแบ่งแยกได้ศาลฎีกาเห็นสมควรพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่1ซึ่ง ไม่ได้ ฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา245(1)ประกอบด้วยมาตรา247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8016/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอก แม้ผู้เอาประกันภัยผิดเงื่อนไข
จำเลยที่ 4 เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุ จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากรถยนต์ที่รับประกันภัยไว้ก่อให้เกิดขึ้น ข้อที่ว่าจำเลยที่ 4รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวไว้จากผู้ใดเป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 4 ทราบดีอยู่แล้วแม้โจทก์ไม่ได้กล่าวในฟ้องว่าใครเป็นผู้เอาประกันภัย ก็ไม่ทำให้เป็นฟ้องเคลือบคลุม
แม้จำเลยที่ 2 ผู้เอาประกันภัยจะปฏิบัติผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์-ประกันภัยโดยไม่แจ้งเหตุให้จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยทราบทันที ก็เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 4 จะว่ากล่าวเอาแก่จำเลยที่ 2 ผู้เป็นคู่สัญญา จำเลยที่ 4 จะยกเหตุดังกล่าวมาอ้างเพื่อปฏิเสธความรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัยระหว่างจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 4 หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8016/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอก แม้ผู้เอาประกันภัยผิดเงื่อนไขกรมธรรม์ และไม่จำเป็นต้องระบุชื่อผู้เอาประกันภัยในฟ้อง
จำเลยที่4เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากรถยนต์ที่รับประกันภัยไว้ก่อให้เกิดขึ้นข้อที่ว่าจำเลยที่4รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวไว้จากผู้ใดเป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยที่4ทราบดีอยู่แล้วแม้โจทก์ไม่ได้กล่าวในฟ้องว่าใครเป็นผู้เอาประกันภัยก็ไม่ทำให้เป็นฟ้องเคลือบคลุม แม้จำเลยที่2ผู้เอาประกันภัยจะปฎิบัติผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยโดยไม่แจ้งเหตุให้จำเลยที่4ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยทราบทันทีก็เป็นเรื่องที่จำเลยที่4จะกล่าวเอาแก่จำเลยที่2ผู้เป็นคู่สัญญาจำเลยที่4จะยกเหตุดังกล่าวมาอ้างเพื่อปฏิเสธความรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัยระหว่างจำเลยที่2กับจำเลยที่4หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 744/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องผู้รับประกันภัยต้องแสดงนิติสัมพันธ์ของผู้ขับขี่กับผู้เอาประกันภัย
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดในฐานะที่เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุที่จำเลยที่ 1 ขับ แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1ขับรถยนต์คันดังกล่าวในฐานะอะไร หรือมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับผู้เอาประกันอันจะเป็นเหตุให้ผู้เอาประกันภัยต้องร่วมรับผิดในการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 เมื่อฟ้องโจทก์มิได้บรรยายถึงเหตุที่จะให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดเช่นนี้แล้วเท่ากับคำฟ้องโจทก์มิได้บรรยายข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาที่จะให้ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดเป็นคำฟ้องที่ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง จำเลยที่ 2ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนที่จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ จึงไม่ต้องรับผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 744/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่ชัดเจน ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดหากผู้เอาประกันภัยไม่มีความรับผิด
โจทก์ฟ้องจำเลยที่2ให้รับผิดในฐานะที่เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุที่จำเลยที่1ขับแต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่1ขับรถยนต์คันดังกล่าวในฐานะอะไรหรือมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับผู้เอาประกันอันจะเป็นเหตุให้ผู้เอาประกันภัยต้องร่วมรับผิดในการกระทำละเมิดของจำเลยที่1เมื่อฟ้องโจทก์มิได้บรรยายถึงเหตุที่จะให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดเช่นนี้แล้วเท่ากับคำฟ้องโจทก์มิได้บรรยายข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาที่จะให้ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดเป็นคำฟ้องที่ไม่ชัดแจ้งไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา172วรรคสองจำเลยที่2ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนที่จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบจึงไม่ต้องรับผิดด้วย
of 13