พบผลลัพธ์ทั้งหมด 47 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2611/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการขอคืนรถยนต์ของกลางของผู้ให้เช่าซื้อเมื่อผู้เช่าซื้อช่วงกระทำผิด ไม่ถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
การที่ผู้ร้องมิได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อหรือร้องขอคืนของกลางตั้งแต่ชั้นสอบสวนเพราะพนักงานสอบสวนใช้เวลาสอบสวนเพียงประมาณ1 เดือน มิใช่เวลายาวนานจนถึงกับจะฟังเป็นข้อพิรุธของผู้ร้อง ส่วนการยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางภายหลังศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ริบนั้นก็หาใช่เรื่องผิดปกติไม่เพราะศาลชั้นต้นมิได้สั่งริบรถยนต์ของกลาง
ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกของกลางที่มีผู้เช่าซื้อไป ผู้เช่าซื้อนำรถยนต์คันดังกล่าวให้เช่าซื้อช่วงไปอีกต่อหนึ่ง แม้ตามสัญญาเช่าซื้อที่ผู้ร้องอ้าง ผู้เช่าซื้อมีหน้าที่ต้องชำระค่าเช่าซื้ออยู่ตลอดไปจนกว่าจะครบไม่ว่ารถยนต์ของกลางจะถูกศาลสั่งริบหรือไม่ก็ตาม แต่ปรากฏตามสัญญาเช่าซื้อช่วงว่า ผู้เช่าซื้อช่วงยังต้องชำระค่าเช่าซื้อต่อไปอีกหลายงวด การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางในคดีนี้จึงเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของผู้ร้องโดยตรง เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ร้องกับผู้เช่าซื้อมีกิจการเกี่ยวข้องกันหรือมีความสัมพันธ์กันเป็นพิเศษ พฤติการณ์ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยและไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกของกลางที่มีผู้เช่าซื้อไป ผู้เช่าซื้อนำรถยนต์คันดังกล่าวให้เช่าซื้อช่วงไปอีกต่อหนึ่ง แม้ตามสัญญาเช่าซื้อที่ผู้ร้องอ้าง ผู้เช่าซื้อมีหน้าที่ต้องชำระค่าเช่าซื้ออยู่ตลอดไปจนกว่าจะครบไม่ว่ารถยนต์ของกลางจะถูกศาลสั่งริบหรือไม่ก็ตาม แต่ปรากฏตามสัญญาเช่าซื้อช่วงว่า ผู้เช่าซื้อช่วงยังต้องชำระค่าเช่าซื้อต่อไปอีกหลายงวด การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางในคดีนี้จึงเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของผู้ร้องโดยตรง เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ร้องกับผู้เช่าซื้อมีกิจการเกี่ยวข้องกันหรือมีความสัมพันธ์กันเป็นพิเศษ พฤติการณ์ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยและไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2611/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการขอคืนรถยนต์ของกลางของผู้ให้เช่าซื้อ เมื่อผู้เช่าซื้อช่วงกระทำผิด ไม่ถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
การที่ผู้ร้องมิได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อหรือร้องขอคืนของกลางตั้งแต่ชั้น สอบสวนเพราะพนักงานสอบสวนใช้ เวลาสอบสวนเพียงประมาณ1 เดือน มิใช่เวลายาวนานจนถึง กับจะฟังเป็นข้อพิรุธของผู้ร้องส่วนการยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ ของกลางภายหลังศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ริบนั้นก็หาใช่เรื่องผิดปกติไม่เพราะศาลชั้นต้นมิได้สั่งริบรถยนต์ ของกลาง ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกของกลางที่มีผู้เช่าซื้อไปผู้เช่าซื้อนำรถยนต์ คันดังกล่าวให้เช่าซื้อช่วงไปอีกต่อหนึ่ง แม้ตามสัญญาเช่าซื้อที่ผู้ร้องอ้าง ผู้เช่าซื้อมีหน้าที่ต้อง ชำระค่าเช่าซื้ออยู่ตลอด ไปจนกว่าจะครบไม่ว่ารถยนต์ ของกลางจะถูก ศาลสั่งริบหรือไม่ก็ตาม แต่ ปรากฏตาม สัญญาเช่าซื้อช่วงว่าผู้เช่าซื้อช่วงยังต้อง ชำระค่าเช่าซื้อต่อไปอีกหลายงวด การที่ผู้ร้องซึ่ง เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ ของกลางในคดีนี้จึงเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของผู้ร้องโดยตรง เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ร้องกับผู้เช่าซื้อมีกิจการเกี่ยวข้องกันหรือมีความสัมพันธ์กันเป็นพิเศษ พฤติการณ์ยังถือ ไม่ได้ว่าผู้ร้องได้ รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยและไม่เป็นการใช้ สิทธิโดย ไม่สุจริต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2019/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ: สิทธิเลิกสัญญาของผู้เช่าซื้อเมื่อผู้ให้เช่าซื้อผิดสัญญา และการหักค่าเช่าออกจากเงินค่าเช่าซื้อที่ต้องคืน
แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 573 จะเป็นบทบัญญัติให้สิทธิผู้เช่าซื้อเลิกสัญญาในกรณีที่ไม่มีการผิดนัดผิดสัญญา แต่เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าซื้อผิดสัญญาเพราะไม่จัดการแก้ไขให้ทรัพย์ที่ให้เช่าซื้ออยู่ในสภาพที่ใช้งานได้จำเลยก็มีสิทธิเลิกสัญญา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 387 ได้
เมื่อจำเลยผู้เช่าซื้อใช้สิทธิเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 387 แล้ว การชำระหนี้อันเกิดแต่การเลิกสัญญา มาตรา 392 บัญญัติให้เป็นไปตามมาตรา 369 และคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจึงต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งกลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมตามมาตรา 391 โจทก์ต้องคืนเงินค่าเช่าซื้อที่ได้รับคืนให้แก่จำเลยแต่เงินค่าเช่าซื้อมิใช่ราคาทรัพย์อย่างเดียว หากแต่เป็นค่าเช่ารวมอยู่ด้วย ซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับค่าเช่าในระหว่างที่จำเลยครอบครองและใช้ประโยชน์ในทรัพย์ที่เช่าซื้ออยู่จึงต้องหักค่าเช่าออกจากจำนวนค่าเช่าซื้อที่ต้องคืนจำเลยให้โจทก์เสียก่อน.
เมื่อจำเลยผู้เช่าซื้อใช้สิทธิเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 387 แล้ว การชำระหนี้อันเกิดแต่การเลิกสัญญา มาตรา 392 บัญญัติให้เป็นไปตามมาตรา 369 และคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจึงต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งกลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมตามมาตรา 391 โจทก์ต้องคืนเงินค่าเช่าซื้อที่ได้รับคืนให้แก่จำเลยแต่เงินค่าเช่าซื้อมิใช่ราคาทรัพย์อย่างเดียว หากแต่เป็นค่าเช่ารวมอยู่ด้วย ซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับค่าเช่าในระหว่างที่จำเลยครอบครองและใช้ประโยชน์ในทรัพย์ที่เช่าซื้ออยู่จึงต้องหักค่าเช่าออกจากจำนวนค่าเช่าซื้อที่ต้องคืนจำเลยให้โจทก์เสียก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2586/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิการเช่าซื้อและการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตของผู้ให้เช่าซื้อ ผู้ให้เช่าซื้อไม่สามารถเรียกร้องคืนรถได้
เดิม รถยนต์ของกลางเป็นของ น. น. ได้กู้เงินจากผู้ร้องโดยโอนรถของกลางให้ผู้ร้องและทำสัญญาเช่าซื้อรถนั้นจากผู้ร้องกำหนดราคาเช่าซื้อ 70,800 บาท แบ่งชำระเป็นรายเดือนรวม 12เดือน ๆ ละ 5,900 บาท น. ขาดส่งค่าเช่าซื้องวดแรก 3-4 เดือนจึงขายสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อรถของกลางให้แก่จำเลยที่ 3 และได้แจ้งให้ผู้ร้องทราบ จำเลยที่ 3 ส่งค่าเช่าซื้อตลอดมาได้ 11 งวดคงค้างงวดสุดท้าย ปรากฏว่าจำเลยที่ 3 ชำระเงินค่าเช่าซื้อผิดนัดทุกงวด แม้งวดสุดท้ายจะผิดนัด ก็เชื่อ ได้ว่าเมื่อจำเลยที่ 3ชำระเงินงวดสุดท้ายผู้ร้องก็จะต้องโอนทะเบียนรถให้แก่จำเลยที่ 3 แน่ พฤติการณ์ที่ผู้ร้องขอคืนของกลางก็เพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ 3 เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จะคืนรถยนต์ของกลางให้ผู้ร้องหาชอบไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2785/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย้งสิทธิในรถยนต์พิพาทระหว่างผู้ซื้อและผู้ให้เช่าซื้อ รวมถึงการคืนรถยนต์ให้แก่ผู้มีสิทธิ
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ฟ้องให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันคืนรถยนต์พิพาทให้แก่โจทก์ ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องสอดว่ารถยนต์พิพาทเป็นของผู้ร้องสอด ขอให้จำเลยทั้งสามคืนให้แก่ผู้ร้องสอด ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 คืนรถยนต์พิพาทให้แก่โจทก์ที่ 2 ผู้ร้องสอดอุทธรณ์ว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์พิพาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามคืนหรือใช้ราคารถยนต์พิพาทให้แก่ผู้ร้องสอดดังนี้ คดีระหว่างผู้ร้องสอดกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงยังไม่ยุติ
ที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกาว่า ไม่เห็นด้วยกับที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันคืนรถยนต์พิพาทให้แก่ผู้ร้องสอดเพราะเมื่อจำเลยคืนรถยนต์พิพาทให้แก่โจทก์ที่ 2 ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วจำเลยก็ไม่มีรถที่จะคืนให้ผู้ร้องสอดได้อีก ผู้ร้องสอดชอบที่จะไปบังคับเอารถยนต์พิพาทคืนจากโจทก์ที่ 2 นั้นมิใช่เป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกาว่า ไม่เห็นด้วยกับที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันคืนรถยนต์พิพาทให้แก่ผู้ร้องสอดเพราะเมื่อจำเลยคืนรถยนต์พิพาทให้แก่โจทก์ที่ 2 ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วจำเลยก็ไม่มีรถที่จะคืนให้ผู้ร้องสอดได้อีก ผู้ร้องสอดชอบที่จะไปบังคับเอารถยนต์พิพาทคืนจากโจทก์ที่ 2 นั้นมิใช่เป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3295/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ, ค่าซ่อม, หนังสือรับสภาพหนี้: ผู้เช่าซื้อต้องรับผิดชอบค่าซ่อมตามสัญญา แม้ผู้ให้เช่าซื้อจะทดลองจ่ายก่อน
ตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาท ผู้เช่าซื้อจะต้องรับผิดชอบในการซ่อมแซมแต่ผู้เดียว และหากผู้ให้เช่าซื้อต้องทดรองชำระค่าซ่อมแซมไปก่อน ผู้เช่าซื้อจะต้องชดใช้คืนให้ทันทีดังนี้ เมื่อผู้เช่าซื้อยินยอมให้ผู้ให้เช่าซื้อเอารถยนต์พิพาทไปซ่อมแซมและผู้ให้เช่าซื้อได้ทดรองชำระค่าซ่อมแซมไปก่อน ผู้เช่าซื้อจึงต้องชดใช้คืนให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อ
ผู้เช่าซื้อไม่มีเงินจะชดใช้คืนให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อ จึงได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้ไว้ เมื่อผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระเงินดังกล่าว ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามหนังสือรับสภาพหนี้ได้ แม้ผู้ให้เช่าซื้อจะได้เอารถยนต์ที่เช่าซื้อไปขายให้บุคคลอื่นแล้วก็ตาม ก็เป็นเรื่องที่ผู้เช่าซื้อจะต้องไปว่ากล่าวกับผู้ให้เช่าซื้อเป็นอีกเรื่องหนึ่ง จะนำมาอ้างเป็นเหตุไม่ชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้หาได้ไม่
ผู้เช่าซื้อไม่มีเงินจะชดใช้คืนให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อ จึงได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้ไว้ เมื่อผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระเงินดังกล่าว ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามหนังสือรับสภาพหนี้ได้ แม้ผู้ให้เช่าซื้อจะได้เอารถยนต์ที่เช่าซื้อไปขายให้บุคคลอื่นแล้วก็ตาม ก็เป็นเรื่องที่ผู้เช่าซื้อจะต้องไปว่ากล่าวกับผู้ให้เช่าซื้อเป็นอีกเรื่องหนึ่ง จะนำมาอ้างเป็นเหตุไม่ชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1933/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อค้างชำระ: ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิเรียกเงินค้างชำระได้
ข้อตกลงว่า เมื่อสัญญาเช่าซื้อสิ้นสุดลง ผู้เช่าซื้อต้องชำระเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างอยู่ทั้งหมดนั้น ไม่ขัดต่อกฎหมาย ผู้ให้เช่าซื้อเรียกเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้ให้เช่าซื้อในการเรียกค่าเช่าซื้อค้างชำระ แม้จะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแล้ว
เมื่อผู้เช่าซื้อผิดสัญญาเช่าซื้อ และผู้ให้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญาแล้ว นอกจากมีสิทธิริบเงินค่าเช่าซื้อที่ชำระไว้แล้ว ผู้ให้เช่าซื้อยังมีสิทธิฟ้องเรียกเงินค่าเช่าซื้อที่ผู้เช่าซื้อยังค้างชำระอยู่ก่อนเลิกสัญญาได้ (อ้างฎีกาที่ 691/2501)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถยนต์ของผู้ให้เช่าซื้อเมื่อผู้เช่าซื้อกระทำผิดกฎหมายป่าไม้ ผู้ให้เช่าซื้อไม่ต้องรับผิด
รถยนต์ที่จำเลยใช้บรรทุกไม้สัก อันยังมิได้แปรรูป.ไม่มีตราค่าภาคหลวง อันเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ 2484มาตรา 69 นั้นเมื่อปรากฏว่าเป็นรถยนต์ที่จำเลยเช่าซื้อมาจากผู้ร้อง ชำระเงินยังไม่ครบกรรมสิทธิ์จึงยังเป็นของผู้ร้องอยู่ผู้ร้องมิได้รู้เห็นในการกระทำผิดของจำเลยศาลต้องคืนรถยนต์ให้แก่ผู้ร้องไป เพราะ พระราชบัญญัติป่าไม้ไม่มุ่งหมายที่จะลงโทษบุคคลอื่นที่มิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถเช่าซื้อยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ แม้มีการนำไปใช้ในการกระทำผิด
จำเลยเช่าซื้อรถจักรยานมา ยังชำระราคาค่าเช่าซื้อยังไม่หมด จำเลยได้นำรถจักรยานนั้นไปออกรางวัลสลากกินรวม โดยผู้ให้เช่าซื้อไม่ได้รู้เห็นด้วย ดังนี้ กรรมสิทธิ์ในรถจักรยานยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้ออยู่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572 ผู้ให้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิร้องขอรับรถจักรยานของกลาง คืนไปได้