พบผลลัพธ์ทั้งหมด 53 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 246/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือทวงหนี้ไม่ใช่การผ่อนเวลาชำระหนี้ ผู้ค้ำประกันยังคงต้องรับผิด
สัญญากู้กำหนดใช้ต้นเงินคืนภายในวันที่ 25 กันยายน จนกระทั่งวันที่ 1 ตุลาคม แล้วผู้ให้กู้จึงมีหนังสือถึงผู้กู้ ความว่า ผู้ให้กู้ต้องการใช้เงินที่ให้กู้ไปนั้นโดยด่วน ให้ผู้กู้รีบนำไปใช้ให้ภายในวันที่ 15 ตุลาคม นั้น หนังสือนี้เป็นหนังสือทวงหนี้โดยกำหนดวันให้นำเงินไปชำระ ไม่ใช่เรื่องผ่อนเวลาชำระหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 315/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การออกเช็คล่วงหน้ามิใช่การผ่อนเวลาชำระหนี้ ผู้ค้ำประกันยังคงต้องรับผิดตามสัญญา
จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินโจทก์โดยทำสัญญากู้ยืมเงินโจทก์โดยทำสัญญากู้ยืมให้โจทก์ไว้ และมีจำเลยมี 2 เป็นผู้ค้ำประกัน ทั้งได้มอบเช็คของจำเลยที่ 1 ลงวันล่วงหน้าให้โจทก์ยึดถือไว้ด้วย แต่ในสัญญากู้ยืมมิได้กำหนด เวลาชำระหนี้กันไว้ ดังนี้ เช็คที่จำเลยที่ 1 ออกให้โจทก์ยึดถือไว้นั้น หาได้เป็นการตกลงให้เป็นการกำหนดวันหรือระยะเวลาชำระหนี้ให้เป็นการแน่นอนขึ้นแต่อย่างไรไม่ แม้ต่อมาจำเลยที่ 1 จะได้ออกเช็คใหม่ลงวันล่วงหน้าต่อไปอีกให้โจทก์ยึดถือไว้แทนเช็คฉบับเก่า ก็ไม่เป็นการที่เจ้าหน้าที่ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้อันผู้ค้ำประกันจะหลุดพ้นจากความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 700 แต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับระยะเวลายื่นคำให้การ: หลักการนับเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
การนับระยะเวลายื่นคำให้การภายใน 8 วัน ตามที่ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177,178 บัญญัติไว้นั้นต้องนับตามวิธีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 158,160 บัญญัติไว้ คือไม่นับวันแรกแห่งระยะเวลานั้นรวมคำนวณเข้าด้วยถ้าระยะเวลานั้นผ่อนออกไป ให้นับเอาวันซึ่งต่อจากวันสุดท้ายแห่งระยะเวลาเดิมนั้นเป็นวันต้นแห่งระยะเวลาซึ่งผ่อนออกไป
ศาลชั้นต้นสั่งในวันที่ 22 สิงหาคม 2503 ว่าให้ยึดเวลายื่นคำให้การไป 3 วัน จำเลยมีสิทธิยื่นคำให้การได้ในวันที่ 25 สิงหาคม 2503
ศาลชั้นต้นสั่งในวันที่ 22 สิงหาคม 2503 ว่าให้ยึดเวลายื่นคำให้การไป 3 วัน จำเลยมีสิทธิยื่นคำให้การได้ในวันที่ 25 สิงหาคม 2503
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผ่อนเวลาหนี้ตั๋วแลกเงินทำให้ผู้สั่งจ่ายพ้นความรับผิด และหนังสือรับสภาพหนี้เป็นโมฆะ
ผู้ทรงตั๋วแลกเงินไปยอมผ่อนเวลาการจ่ายเงินให้แก่ผู้จ่ายเงินตามตั๋วแลกเงินโดยมิได้ตกลงกับผู้สั่งจ่ายเสียก่อน ผู้ทรงตั๋วนั้นย่อมสิ้นสิทธิที่จะไล่เบี้ย และผู้สั่งจ่ายก็พ้นจากความรับผิดอย่างใด ๆ ตามกฎหมายต่อผู้ทรง
ในกรณีดังกล่าวข้างต้น ถ้าผู้สั่งจ่ายยอมทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้แก่ผู้ทรง ก็ย่อมถือได้ว่าเป็นการสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม เพราะขณะนั้นไม่มีหนี้อะไรเหลืออยู่แล้วแม้หนี้เดิมตาม ป.พ.พ.มาตรา 1005 ก็ไม่ต้องรับผิด หนังสือรับสภาพหนี้นั้นจึงเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ.มาตรา 119
ในกรณีดังกล่าวข้างต้น ถ้าผู้สั่งจ่ายยอมทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้แก่ผู้ทรง ก็ย่อมถือได้ว่าเป็นการสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม เพราะขณะนั้นไม่มีหนี้อะไรเหลืออยู่แล้วแม้หนี้เดิมตาม ป.พ.พ.มาตรา 1005 ก็ไม่ต้องรับผิด หนังสือรับสภาพหนี้นั้นจึงเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ.มาตรา 119
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของการผ่อนเวลาจ่ายเงินตั๋วแลกเงินต่อความรับผิดของผู้สั่งจ่ายและการสำคัญผิดในนิติกรรม
ผู้ทรงตั๋วแลกเงินไปยอมผ่อนเวลาการจ่ายเงินให้แก่ผู้จ่ายเงินตามตั๋วแลกเงินโดยมิได้ตกลงกับผู้สั่งจ่ายเสียก่อน ผู้ทรงตั๋วนั้นย่อมสิ้นสิทธิที่จะไล่เบี้ย และผู้สั่งจ่ายก็พ้นจากความรับผิดอย่างใดๆ ตามกฎหมายต่อผู้ทรง
ในกรณีดังกล่าวข้างต้น ถ้าผู้สั่งจ่ายยอมทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้แก่ผู้ทรง ก็ย่อมถือได้ว่าเป็นการสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรมเพราะขณะนั้นไม่มีหนี้อะไรเหลืออยู่แล้วแม้หนี้เดิมตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1005 ก็ไม่ต้องรับผิด หนังสือรับสภาพหนี้นั้นจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119
ในกรณีดังกล่าวข้างต้น ถ้าผู้สั่งจ่ายยอมทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้แก่ผู้ทรง ก็ย่อมถือได้ว่าเป็นการสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรมเพราะขณะนั้นไม่มีหนี้อะไรเหลืออยู่แล้วแม้หนี้เดิมตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1005 ก็ไม่ต้องรับผิด หนังสือรับสภาพหนี้นั้นจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1821/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้ำประกันและการผ่อนเวลาชำระหนี้ ข้อตกลงพิเศษในสัญญาค้ำประกันมีผลผูกพันผู้ค้ำประกัน
เรื่องกู้หนี้กันตามธรรมดาถ้าเจ้าหนี้ผ่อนเวลาชำระหนี้แก่ลูกหนี้ โดยผู้ค้ำประกันมิได้ตกลงด้วยแล้วผู้ค้ำประกันก็ย่อมหลุดพ้นจากความรับผิด
แต่สำหรับเรื่องขอกู้เบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคารในคดีนี้ ผู้ค้ำประกันทำสัญญาไว้ว่าการผ่อนเวลาชำระหนี้แม้จะไม่ได้รับแจ้งก็ไม่เป็นเหตุให้ปลดเปลื้องความรับผิดของผู้ค้ำประกันแล้วในเมื่อธนาคารผ่อนเวลาชำระหนี้และการกู้เบิกเงินเกินบัญชีแก่ผู้เบิกในครั้งหลังจะมิได้แจ้งให้ผู้ค้ำประกันทราบและผู้ค้ำประกันมิได้ลงชื่อรับรองดังครั้งก่อนก็ดี ผู้ค้ำประกันก็จำต้องผูกพันตามสัญญาที่ทำกันไว้หาทำให้หลุดพ้นจากความรับผิดชอบไปได้ไม่.
แต่สำหรับเรื่องขอกู้เบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคารในคดีนี้ ผู้ค้ำประกันทำสัญญาไว้ว่าการผ่อนเวลาชำระหนี้แม้จะไม่ได้รับแจ้งก็ไม่เป็นเหตุให้ปลดเปลื้องความรับผิดของผู้ค้ำประกันแล้วในเมื่อธนาคารผ่อนเวลาชำระหนี้และการกู้เบิกเงินเกินบัญชีแก่ผู้เบิกในครั้งหลังจะมิได้แจ้งให้ผู้ค้ำประกันทราบและผู้ค้ำประกันมิได้ลงชื่อรับรองดังครั้งก่อนก็ดี ผู้ค้ำประกันก็จำต้องผูกพันตามสัญญาที่ทำกันไว้หาทำให้หลุดพ้นจากความรับผิดชอบไปได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันมีผลผูกพันแม้เจ้าหนี้ยังไม่ขอบังคับคดีระหว่างฎีกา การผ่อนเวลาต้องแสดงเจตนาชัดเจน
ผู้ค้ำประกันจำเลยตามคำสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีของศาลอุทธรณ์โดยมีข้อสัญญาค้ำประกันว่า ถ้าจำเลยแพ้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์และจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลผู้ค้ำประกันยอมชำระให้โจทก์แทนจำเลยจนครบนั้น แม้ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแพ้คดีและในระหว่างฎีกาโจทก์จะมิได้ขอให้บังคับคดีเอาแก่จำเลยจนศาลฎีกาพิพากษาแล้วจึงบังคับก็ตาม ก็ไม่ถือว่าโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ได้ผ่อนเวลาให้แก่จำเลยอันจะเป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันพ้นจากความรับผิดไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันมีผลผูกพันเมื่อจำเลยแพ้คดีและไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา การไม่บังคับคดีทันทีไม่ถือเป็นการผ่อนเวลา
ผู้ค้ำประกันจำเลยตามคำสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีของศาลอุทธรณ์โดยมีข้อสัญญาค้ำประกันว่า ถ้าจำเลยแพ้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์และจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลผู้ค้ำประกันยอมชำระให้โจทก์แทนจำเลยจนครบนั้น แม้ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแพ้คดีและในระหว่างฎีกาโจทก์จะมิได้ขอให้บังคับคดีเอาแก่จำเลยจนศาลฎีกาพิพากษาแล้วจึงบังคับก็ตาม ก็ไม่ถือว่าโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ได้ผ่อนเวลาให้แก่จำเลยอันจะเป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันพ้นจากความรับผิดไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผ่อนเวลาชำระหนี้ด้วยวาจา ไม่สร้างผลผูกพันทางกฎหมาย เจ้าหนี้ยังฟ้องได้ ผู้ค้ำประกันยังต้องรับผิด
เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระแล้ว ลูกหนี้พูดว่า ยังจัดหาเงินไม่ได้ ขอผัดเวลาชำระหนี้อีก 1 เดือน เจ้าหนี้บอกว่า ไม่เป็นไรหามาให้ครบ ดังนี้ เป็นการพูดกันด้วยปาก ไม่เป็นการผูกมัดเจ้าหนี้ว่า ภายใน 1 เดือนที่ลูกหนี้ขอผัดนั้น เจ้าหนี้จะฟ้องเรียกให้ชำระหนี้ไม่ได้ คือเจ้าหนี้จะฟ้องเรียกให้ลูกหนี้ชำระก็ได้ ฉะนั้นยังเรียกให้ไม่ได้ว่าเจ้าหนี้ผ่อนเวลสให้ลูกหนี้ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 700 ผู้ค้ำประกันหนี้รายนี้ จึงยังไม่หลุดพ้นจากความรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้ใหม่และการฟ้องค้ำประกันภายในอายุความ การไม่ฟ้องภายในกำหนดไม่ถือเป็นการผ่อนเวลา
ซื้อเชื่อโคต่อกัน แล้วมาทำเปนสัญญา+ ถือว่าเปนแปลงหนีไหม่
เจ้าหนี้ไม่ฟ้องลูกหนี้เมื่อหนี้ถึงกำหนดนั้น ไม่ถือว่าเปนการอ่อนเวลาชำระหนี้ไห้ลูกหนี้ ผู้ค้ำประกันจึงไม่หลุดพ้น.
เจ้าหนี้ไม่ฟ้องลูกหนี้เมื่อหนี้ถึงกำหนดนั้น ไม่ถือว่าเปนการอ่อนเวลาชำระหนี้ไห้ลูกหนี้ ผู้ค้ำประกันจึงไม่หลุดพ้น.