พบผลลัพธ์ทั้งหมด 160 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 595/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเพื่ออยู่อาศัยกับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า แม้มีการค้าประกอบด้วย
การเช่าที่จะได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมเช่าหรือไม่นั้น ข้อสำคัญอยู่ที่เช่าเพื่ออยู่อาศัยหรือไม่ เป็นหลัก
หากเช่าเป็นที่อยูอาศัยแล้ว จะใช้เป็นที่ประกอบการค้าด้วยหรือไม่ก็ตาม ก็ได้รับความคุ้มครองกลับกันหากว่าไม่ใช่เช่าเพื่ออยู่อาศัยหากแต่เช่าเพื่อการค้าดังนี้แม้จะอาศัยอยู่ด้วยก็ไม่ได้รับความคุ้มครอง
จำเลยและครอบครัวได้เข้าอยู่ในห้องเช่ามาช้านานถึง 10 ปีเศษและได้ใช้ห้องนี้เป็นที่อยู่อาศัยของจำเลยและครอบครัวตลอดมาพฤติการณ์ส่อแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยเช่าเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยโดยแท้ แม้ต่อมาจำเลยจะได้จดทะเบียนพาณิชย์ทำการค้าในห้องพิพาทตลอดจนได้เสียภาษีป้ายและภาษีโรงค้า ก็เป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เมื่อพฤติการณ์ยังไม่พอฟังว่าการเช่าห้องรายนี้ได้เปลี่ยนสภาพหรือเจตนาเป็นเช่าเพื่อพิพาทของจำเลยก็ย่อมได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
หากเช่าเป็นที่อยูอาศัยแล้ว จะใช้เป็นที่ประกอบการค้าด้วยหรือไม่ก็ตาม ก็ได้รับความคุ้มครองกลับกันหากว่าไม่ใช่เช่าเพื่ออยู่อาศัยหากแต่เช่าเพื่อการค้าดังนี้แม้จะอาศัยอยู่ด้วยก็ไม่ได้รับความคุ้มครอง
จำเลยและครอบครัวได้เข้าอยู่ในห้องเช่ามาช้านานถึง 10 ปีเศษและได้ใช้ห้องนี้เป็นที่อยู่อาศัยของจำเลยและครอบครัวตลอดมาพฤติการณ์ส่อแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยเช่าเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยโดยแท้ แม้ต่อมาจำเลยจะได้จดทะเบียนพาณิชย์ทำการค้าในห้องพิพาทตลอดจนได้เสียภาษีป้ายและภาษีโรงค้า ก็เป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เมื่อพฤติการณ์ยังไม่พอฟังว่าการเช่าห้องรายนี้ได้เปลี่ยนสภาพหรือเจตนาเป็นเช่าเพื่อพิพาทของจำเลยก็ย่อมได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 595/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเพื่ออยู่อาศัยกับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า แม้มีค้าขายประกอบก็ยังคุ้มครอง
การเช่าที่จะได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าหรือไม่นั้นข้อสำคัญอยู่ที่เช่าเพื่ออยู่อาศัยหรือไม่ เป็นหลัก
หากเช่าเป็นที่อยู่อาศัยแล้วจะใช้เป็นที่ประกอบการค้าด้วยหรือไม่ก็ตามก็ได้รับความคุ้มครองเช่นกันหากว่าไม่ใช่เช่าเพื่ออยู่อาศัยหากแต่เช่าเพื่อการค้าดังนี้แม้จะอาศัยอยู่ด้วยก็ไม่ได้รับความคุ้มครอง
จำเลยและครอบครัวได้เข้าอยู่ในห้องเช่ามาช้านานถึง10 ปีเศษจะได้ใช้ห้องนี้เป็นที่อยู่อาศัยของจำเลยและครอบครัวตลอดมาพฤติการณ์ส่อแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยเช่าเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยโดยแท้แม้ต่อมาจำเลยจะได้จดทะเบียนพาณิชย์ทำการค้าในห้องพิพาทตลอดจนได้เสียภาษีป้ายและภาษีโรงค้าก็เป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายเมื่อพฤติการณ์ยังไม่พอฟังว่าการเช่าห้องรายนี้ได้เปลี่ยนสภาพหรือเจตนาเป็นเช่าเพื่อธุระกิจการค้าแล้วการเช่าห้องพิพาทของจำเลยก็ย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯ
หากเช่าเป็นที่อยู่อาศัยแล้วจะใช้เป็นที่ประกอบการค้าด้วยหรือไม่ก็ตามก็ได้รับความคุ้มครองเช่นกันหากว่าไม่ใช่เช่าเพื่ออยู่อาศัยหากแต่เช่าเพื่อการค้าดังนี้แม้จะอาศัยอยู่ด้วยก็ไม่ได้รับความคุ้มครอง
จำเลยและครอบครัวได้เข้าอยู่ในห้องเช่ามาช้านานถึง10 ปีเศษจะได้ใช้ห้องนี้เป็นที่อยู่อาศัยของจำเลยและครอบครัวตลอดมาพฤติการณ์ส่อแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยเช่าเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยโดยแท้แม้ต่อมาจำเลยจะได้จดทะเบียนพาณิชย์ทำการค้าในห้องพิพาทตลอดจนได้เสียภาษีป้ายและภาษีโรงค้าก็เป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายเมื่อพฤติการณ์ยังไม่พอฟังว่าการเช่าห้องรายนี้ได้เปลี่ยนสภาพหรือเจตนาเป็นเช่าเพื่อธุระกิจการค้าแล้วการเช่าห้องพิพาทของจำเลยก็ย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 568/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเพื่อค้าไม่คุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า เมื่อผู้เช่าตาย สิทธิเช่าไม่ตกแก่ทายาท
การเช่าเคหะเพื่อประกอบการค้า มิใช่เพื่ออยู่อาศัยย่อมไม่อยู่ในความคุ้มครองแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ เมื่อผู้เช่าตายการเช่าย่อมสิ้นสุดลงผู้หนึ่งผู้ใดในครอบครัวของผู้เช่าก็จะถือเอาประโยชน์จาก ม.17 ของ พ.ร.บ.ควบคุมค่า เช่าฯ โดยแสดงความจำนงค์ ขอเช่าต่อไปหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 568/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเพื่อค้า ไม่คุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า เมื่อผู้เช่าเสียชีวิต สิทธิการเช่าสิ้นสุดลง
การเช่าเคหะเพื่อประกอบการค้า มิใช่เพื่ออยู่อาศัยย่อมไม่อยู่ในความคุ้มครองแห่ง พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ เมื่อผู้เช่าตายการเช่าย่อมสิ้นสุดลงผู้หนึ่งผู้ใดในครอบครัวของผู้เช่าก็จะถือเอาประโยชน์จาก มาตรา 17 ของพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯโดยแสดงความจำนงขอเช่าต่อไปหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1752/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเรือนพิพาทเพื่อค้า ยุติว่าไม่ใช่เคหะ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ ไม่คุ้มครอง และนิติกรรมอำพรางไม่มีผล
คดีที่ฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อ ก.ม.ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงซึ่งยุติแล้วตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา
เมื่อเริอนพิพาทอยู่ในทำเลที่มีการค้าและเป็นสถานที่ซึ่งทำการติดต่อกับกาค้าทั้งได้เคยทำการค้ามาก่อนกับจำเลยก็ได้เช่าไว้เพื่อทำการค้า ถึงแม้ว่าจำเลยและครอบครัวจะอยู่ด้วยก็อยู่เพื่อประกอบการค้านั่นเอง ดังนั้นเรือนพิพาทจึงมิใ่ช่เคหะอันจะได้รับความคุ้มครอง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ
เมื่อฟังว่าจำเลยเช่าเรือนพิพาทเพื่อทำการค้าจริง ๆ ดังสัญญาเช่าที่โจทก์อ้างประกอบฟ้องแล้ว ประเด็นเรื่องนิติกรรมอำพรางตามข้อต่อสู้จำเลยก็ย่อมตกไป
เมื่อเริอนพิพาทอยู่ในทำเลที่มีการค้าและเป็นสถานที่ซึ่งทำการติดต่อกับกาค้าทั้งได้เคยทำการค้ามาก่อนกับจำเลยก็ได้เช่าไว้เพื่อทำการค้า ถึงแม้ว่าจำเลยและครอบครัวจะอยู่ด้วยก็อยู่เพื่อประกอบการค้านั่นเอง ดังนั้นเรือนพิพาทจึงมิใ่ช่เคหะอันจะได้รับความคุ้มครอง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ
เมื่อฟังว่าจำเลยเช่าเรือนพิพาทเพื่อทำการค้าจริง ๆ ดังสัญญาเช่าที่โจทก์อ้างประกอบฟ้องแล้ว ประเด็นเรื่องนิติกรรมอำพรางตามข้อต่อสู้จำเลยก็ย่อมตกไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1752/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเพื่อทำการค้า มิใช่เคหะ: ศาลยืนตามข้อเท็จจริงที่ยุติว่าเรือนพิพาทเป็นที่ทำการค้า ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
คดีที่ฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงซึ่งยุติแล้วตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา
เมื่อเรือนพิพาทอยู่ในทำเลที่มีการค้าและเป็นสถานที่ซึ่งทำการติดต่อกับการค้าทั้งได้เคยทำการค้ามาก่อนกับจำเลยก็ได้เช่าไว้เพื่อทำการค้า ถึงแม้ว่าจำเลยและครอบครัวจะอยู่ด้วยก็อยู่เพื่อประกอบการค้านั่นเองดังนั้นเรือนพิพาทจึงมิใช่เคหะอันจะได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ
เมื่อฟังว่าจำเลยเช่าเรือนพิพาทเพื่อทำการค้าจริงๆ ดังสัญญาเช่าที่โจทก์อ้างประกอบฟ้องแล้ว ประเด็นเรื่องนิติกรรมอำพรางตามข้อต่อสู้ของจำเลยก็ย่อมตกไป
เมื่อเรือนพิพาทอยู่ในทำเลที่มีการค้าและเป็นสถานที่ซึ่งทำการติดต่อกับการค้าทั้งได้เคยทำการค้ามาก่อนกับจำเลยก็ได้เช่าไว้เพื่อทำการค้า ถึงแม้ว่าจำเลยและครอบครัวจะอยู่ด้วยก็อยู่เพื่อประกอบการค้านั่นเองดังนั้นเรือนพิพาทจึงมิใช่เคหะอันจะได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ
เมื่อฟังว่าจำเลยเช่าเรือนพิพาทเพื่อทำการค้าจริงๆ ดังสัญญาเช่าที่โจทก์อ้างประกอบฟ้องแล้ว ประเด็นเรื่องนิติกรรมอำพรางตามข้อต่อสู้ของจำเลยก็ย่อมตกไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1752/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเพื่อทำการค้า: เรือนพิพาทไม่ใช่เคหะตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ แม้มีอยู่อาศัยด้วย
คดีที่ฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงซึ่งยุติแล้วตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา
เมื่อเรือนพิพาทอยู่ในทำเลที่มีการค้าและเป็นสถานที่ซึ่งทำการติดต่อกับการค้าทั้งได้เคยทำการค้ามาก่อนกับจำเลยก็ได้เช่าไว้เพื่อทำการค้า ถึงแม้ว่าจำเลยและครอบครัวจะอยู่ด้วยก็อยู่เพื่อประกอบการค้านั่นเองดังนั้นเรือนพิพาทจึงมิใช่เคหะอันจะได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ
เมื่อฟังว่าจำเลยเช่าเรือนพิพาทเพื่อทำการค้าจริงๆ ดังสัญญาเช่าที่โจทก์อ้างประกอบฟ้องแล้ว ประเด็นเรื่องนิติกรรมอำพรางตามข้อต่อสู้ของจำเลยก็ย่อมตกไป
เมื่อเรือนพิพาทอยู่ในทำเลที่มีการค้าและเป็นสถานที่ซึ่งทำการติดต่อกับการค้าทั้งได้เคยทำการค้ามาก่อนกับจำเลยก็ได้เช่าไว้เพื่อทำการค้า ถึงแม้ว่าจำเลยและครอบครัวจะอยู่ด้วยก็อยู่เพื่อประกอบการค้านั่นเองดังนั้นเรือนพิพาทจึงมิใช่เคหะอันจะได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ
เมื่อฟังว่าจำเลยเช่าเรือนพิพาทเพื่อทำการค้าจริงๆ ดังสัญญาเช่าที่โจทก์อ้างประกอบฟ้องแล้ว ประเด็นเรื่องนิติกรรมอำพรางตามข้อต่อสู้ของจำเลยก็ย่อมตกไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1650/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้พื้นที่เช่าเพื่อประกอบการค้าขัดต่อ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ แม้มีส่วนเป็นที่อยู่อาศัยก็ไม่คุ้มครอง
จำเลยให้คนอื่นจัดตั้งกลึงเหล็กเครื่องเรือยนต์ โดยใช้เครื่องยนต์น้ำมันก๊าสเป็นกำลังเช่นนี้ก็ดี หรือแม้ว่าได้ทำโรงกลึงแต่ชั้นล่าง ใช้ชั้นบนเป็นที่อยู่ก็ดี ก็ถือว่าได้ใช้ส่วนหนึ่งของเรือนเป็นที่ประกอบการค้าจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
ฎีกาที่ 301/2494
ฏีกาที่ 1933/2494
ฎีกาที่ 301/2494
ฏีกาที่ 1933/2494
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1650/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้พื้นที่เช่าเพื่อประกอบการค้า ทำให้ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
จำเลยให้คนอื่นจัดตั้งกลึงเหล็กเครื่องเรือยนต์ โดยใช้เครื่องยนต์น้ำมันก๊าสเป็นกำลังเช่นนี้ก็ดี หรือแม้ว่าได้ทำโรงกลึงแต่ชั้นล่าง ใช้ชั้นบนเป็นที่อยู่ก็ดี ก็ถือว่าได้ใช้ส่วนหนึ่งของเรือนเป็นที่ประกอบการค้าจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
ฎีกาที่ 301/2494 ฎีกาที่ 1933/2494
ฎีกาที่ 301/2494 ฎีกาที่ 1933/2494
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1398/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดนัดชำระค่าเช่าหลังศาลตัดสินว่าจำเลยเป็นผู้เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ทำให้โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่ได้
เดิมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2494 โจทก์เคยฟ้องขับไล่จำเลยโดยอ้างว่าจำเลยเป็นผู้อาศัยนายเปงสำ ๆ ได้ออกจากห้องพิพาทไปแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิอยู่ต่อไป คดีนั้นจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยเองเป็นผู้เช่าจากโจทก์และได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ศาลฎีกา พิพากษาว่าจำเลยเป็นผู้เช่าและได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ พิพากษายกฟ้องโจทก์ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 1356/2496 ซึ่งอ่านให้โจทก์จำเลยฟังเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2497
ดังนี้จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระค่าเช่าตั้งแต่เดิมคือตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2494 (วันที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยอาศัย) ตลอดมา จะอ้างว่าระหว่างพิจารณาคดีเรื่องก่อน (ตั้งแต่ ก.พ.94 ถึงวันฟังคำพิพากษาศาลฎีกา 24 เม.ย.97) จำเลยไม่ต้องชำระเพราะคดีนั้นโจทก์ฟ้องว่าจำเลยอาศัย โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเช่านั้นไม่ได้
จำเลยกลับนำค่าเช่าสำหรับเดือนมกราคม กับเดือน กุมภาพันธ์ 2497 รวม 2 เดือน ไปชำระโจทก์โดยถือว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกย้อนหลังขึ้นไปจากนี้ เมื่อโจทก์ไม่ยอมรับจึงไม่ใช่ความผิดของโจทก์ และ พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าแล้ว ทั้งต่อมาเดือนเมษายนโจทก์ส่งคนไปเก็บค่าเช่าที่ค้างทั้งหมดรวม39 เดือน จำเลยก็ไม่ชำระ โจทก์เตือนอีกจำเลยก็ไม่ชำระ ดังนี้เรียกว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่ามากกว่า 2 คราวติด ๆ กัน ตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ม. 16(1) แล้ว โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้
ดังนี้จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระค่าเช่าตั้งแต่เดิมคือตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2494 (วันที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยอาศัย) ตลอดมา จะอ้างว่าระหว่างพิจารณาคดีเรื่องก่อน (ตั้งแต่ ก.พ.94 ถึงวันฟังคำพิพากษาศาลฎีกา 24 เม.ย.97) จำเลยไม่ต้องชำระเพราะคดีนั้นโจทก์ฟ้องว่าจำเลยอาศัย โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเช่านั้นไม่ได้
จำเลยกลับนำค่าเช่าสำหรับเดือนมกราคม กับเดือน กุมภาพันธ์ 2497 รวม 2 เดือน ไปชำระโจทก์โดยถือว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกย้อนหลังขึ้นไปจากนี้ เมื่อโจทก์ไม่ยอมรับจึงไม่ใช่ความผิดของโจทก์ และ พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าแล้ว ทั้งต่อมาเดือนเมษายนโจทก์ส่งคนไปเก็บค่าเช่าที่ค้างทั้งหมดรวม39 เดือน จำเลยก็ไม่ชำระ โจทก์เตือนอีกจำเลยก็ไม่ชำระ ดังนี้เรียกว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่ามากกว่า 2 คราวติด ๆ กัน ตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ม. 16(1) แล้ว โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้