คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฟ้องละเมิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 79 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของฟ้องคดีละเมิดและการระบุอาณาเขตที่ดิน ศาลฎีกาตัดสินว่าการไม่ระบุอาณาเขตที่ดินโดยละเอียดไม่ทำให้ฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยปลูกบ้านเนื้อที่ประมาณ 10 ตารางวา ในที่ดินของโจทก์โฉนดหมายเลข 7083 ตำบลสี่แยกมหานาค (ดุสิต) อำเภอดุสิต กรุงเทพมหานคร โดยไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ เป็นการละเมิด ขอให้ขับไล่ แม้จะไม่ระบุอาณาเขตที่ดินของโจทก์มาว่า ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก จดเขตที่ดินของใคร จำเลยก็อาจเข้าใจข้อหาในฟ้องได้ชัดเจนแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2358/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องละเมิดลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองวรรณกรรมฯ 3 ปี และอำนาจฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องมีใจความว่า ตำราเรียนภาษาอังกฤษรายพิพาทนั้นโจทก์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ จำเลยปลอมแปลงลอกเลียนออกจำหน่าย เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย ดังนี้เป็นการบรรยายฟ้องเรียกค่าเสียหายในการละเมิดลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรม พ.ศ.2474 หาใช่เป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่
พระราชบัญญัติคุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรม พ.ศ.2474 มาตรา 24 อันเป็นบทบัญญัติอยู่ในส่วนแพ่ง คือส่วนที่ 4 ว่าด้วยสิทธิแก้ในทางแพ่งซึ่งการละเมิดลิขสิทธิ์บัญญัติว่า "คดีละเมิดลิขสิทธิ์นั้นท่านมิให้ฟ้องเมื่อพ้นสามปีนับแต่วันละเมิด" จึงต้องใช้อายุความสามปีดังกล่าวมาบังคับ จำเลยการทำการละเมิดลิขสิทธิ์คือขายหนังสือที่คัดลอกเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2515 โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2516 คดีของโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2185/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องละเมิด: การเพิ่มเติมฟ้องจำเลยร่วมถือเป็นการฟ้องใหม่, คำให้การต่อพนักงานสอบสวนไม่ถือเป็นการรับสภาพหนี้
ในคดีละเมิด โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้อง ขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีในฐานะเป็นจำเลย เท่ากับโจทก์ฟ้องจำเลยร่วมในวันยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องนั่นเอง โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีในฐานะเป็นจำเลยพ้นปีหนึ่งนับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ถึงตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน เมื่อจำเลยร่วมยกอายุความขึ้นต่อสู้คดีโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยร่วมย่อมขาดอายุความ
คำให้การเพิ่มเติมของจำเลยร่วมที่ให้ไว้ต่อพนักงานสอบสวนไม่ใช่เป็นการรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องซึ่งจำเลยร่วมกระทำต่อโจทก์ถือไม่ได้ว่าเป็นการรับสภาพหนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1936/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องละเมิดไม่เคลือบคลุม แม้ระบุจงใจหรือประมาทเลินเล่อก็ได้ หากบรรยายข้อเท็จจริงชัดเจน และค่าเสื่อมสุขภาพอนามัยเป็นค่าทดแทนความเสียหายที่ไม่ใช่ตัวเงิน
คำฟ้องในเรื่องละเมิด แม้จะกล่าวในตอนต้นว่าจำเลยกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ แต่ฟ้องได้บรรยายต่อไปถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำของจำเลยโดยละเอียด เป็นการแสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว จึงเป็นฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
ค่าเสื่อมสุขภาพอนามัยที่โจทก์เรียกร้องให้จำเลยชดใช้ฐานละเมิด ทำให้โจทก์เสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยนั้น เป็นค่าทดแทนความเสียหายอันมิใช่ตัวเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 446 ซึ่งศาลย่อมกำหนดให้ตามพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1936/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องละเมิดไม่เคลือบคลุม แม้ระบุจงใจ/ประมาทเลินเล่อ หากบรรยายข้อเท็จจริงโดยละเอียด ศาลย่อมกำหนดค่าทดแทนความเสียหายได้
คำฟ้องในเรื่องละเมิด แม้จะกล่าวในตอนต้นว่าจำเลยกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ แต่ฟ้องได้บรรยายต่อไปถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำของจำเลยโดยละเอียด เป็นการแสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว.จึงเป็นฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
ค่าเสื่อมสุขภาพอนามัยที่โจทก์เรียกร้องให้จำเลยชดใช้ฐานละเมิด ทำให้โจทก์เสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยนั้นเป็นค่าทดแทนความเสียหายอันมิใช่ตัวเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 446 ซึ่งศาลย่อมกำหนดให้ตามพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1229/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องคดีละเมิด: ความเพียงพอของข้ออ้างตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
การฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดอันเกิดจากความประมาทเลินเล่อในคดีแพ่งนั้น ต่างกับการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำผิดอาญาโดยประมาท ซึ่งโจทก์จะต้องบรรยายฟ้องถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดโดยแน่ชัด ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 สำหรับคดีแพ่ง เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องแสดงว่าการละเมิดของผู้ทำละเมิดเป็นการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ก็พอทำให้เข้าใจได้แล้วว่าข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์มีอย่างไร
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังในการขับรถยนต์ของผู้ขับขี่รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ล.บ.03951 ของจำเลยที่ 3 กับ ย. ลูกจ้างขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ส.ค.00331 ของจำเลยที่ 1, 2 เป็นเหตุให้รถยนต์ทั้งสองคันดังกล่าวชนกัน และเนื่องจากการชนกันนี้เป็นเหตุให้ถังบรรจุขวดเบียร์และโซดาซึ่งบรรทุกอยู่บนรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน ส.ค.00331 หล่นลงบนรถยนต์คันที่โจทก์ขับและเกิดระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัสเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1229/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องคดีละเมิดจากความประมาทเลินเล่อในคดีแพ่ง ต้องแสดงให้เห็นการกระทำที่ประมาทโดยชัดเจน
การฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดอันเกิดจากความประมาทเลินเล่อในคดีแพ่งนั้น ต่างกับการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำผิดอาญาโดยประมาท ซึ่งโจทก์จะต้องบรรยายฟ้องถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดโดยแน่ชัดดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158สำหรับคดีแพ่ง เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องแสดงว่าการละเมิดของผู้ทำละเมิดเป็นการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ก็พอทำให้เข้าใจได้แล้วว่าข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์มีอย่างไร
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังในการขับรถยนต์ของผู้ขับขี่รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ล.บ.03951ของจำเลยที่ 3 กับ ย. ลูกจ้างขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียนส.ค.00331 ของจำเลยที่ 1, 2 เป็นเหตุให้รถยนต์ทั้งสองคันดังกล่าวชนกัน และเนื่องจากการชนกันนี้เป็นเหตุให้ถังบรรจุขวดเบียร์และโซดาซึ่งบรรทุกอยู่บนรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน ส.ค.00331 หล่นลงบนรถยนต์คันที่โจทก์ขับและเกิดระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัสเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1204/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องคดีละเมิด: เพียงแสดงความประมาทเลินเล่อก็เพียงพอแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
การฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดอันเกิดจากความประมาทเลินเล่อในทางแพ่งต่างกับการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำผิดอาญาโดยประมาท ซึ่งโจทก์จะต้องบรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดโดยแน่ชัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 สำหรับคดีแพ่งเมื่อโจทก์ได้บรรยายฟ้องแสดงว่าการละเมิดของผู้ทำละเมิดเป็นการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ก็พอให้เข้าใจได้แล้วว่า ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์มีอย่างไร
โจทก์บรรยายฟ้องว่า นายย้าผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกเลขทะเบียนส.ค. 00331 ซึ่งบรรทุกเบียร์และโซดา ได้ขับรถเฉี่ยวชนกับรถยนต์เลขทะเบียน ล.บ. 03951 เป็นเหตุให้ลังเบียร์และโซดากระเด็นตกจากรถ ถูกรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก.ท.ก 5252 ที่เอาประกันภัยไว้กับโจทก์เสียหาย เหตุที่รถเฉี่ยวชนกันเกิดขึ้นเพราะความประมาทของผู้ขับขี่รถยนต์เลขทะเบียน ส.ค.00221 และผู้ขับขี่รถยนต์เลขทะเบียน ล.บ. 03951 ดังนี้ เป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจทางปกครองในการสอบสวนและสั่งปลดข้าราชการ และความชอบด้วยกฎหมายในการฟ้องละเมิด
โจทก์เป็นข้าราชการพลเรือน โจทก์จะต้องปฏิบัติตนตามวินัยข้าราชการพลเรือนโดยต้องรักษาชื่อเสียง มิให้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วเมื่อโจทก์ถูกกล่าวหาว่าไม่รักษาชื่อเสียง อันขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วแล้ว แม้ขณะเกิดข้อพิพาท โจทก์จะได้รับคำสั่งให้ไปช่วยงานในบริษัทไทยโทรทัศน์ จำกัด จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ก็ย่อมมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการทำการสอบสวนได้
จำเลยที่ 1 ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล มีคำสั่งให้ปลดโจทก์ออกจากราชการ คำสั่งของจำเลยที่ 1 เป็นคำสั่งซึ่งสั่งตามอำนาจที่มีอยู่ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนอันเป็นอำนาจของทางราชการฝ่ายบริหารจะสั่งได้โดยเฉพาะ ไม่ใช่หน้าที่ของศาลจะเข้าไปชี้ขาดในเรื่องเช่นนี้ โจทก์จะฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวแล้วหาได้ไม่ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 818/2499)
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยละเมิดและเรียกค่าสินไหมทดแทนแต่คำบรรยายฟ้องเกี่ยวแก่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 8 ถึง 24 ไม่ปรากฏว่าจำเลยดังกล่าวได้กระทำละเมิดต่อโจทก์อย่างไร และที่กล่าวฟ้องว่าจำเลยที่ 8 ถึง 24 ทำการประชุมด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเล่อก็ไม่ปรากฏว่าได้กระทำอย่างไร จึงเป็นฟ้องที่ไม่แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหา ไม่ชอบที่ศาลจะรับไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407-408/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องละเมิด: ความสมบูรณ์ของคำฟ้อง, ความเคลือบคลุม, และความรับผิดของนายจ้าง
ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลซึ่งมิได้มีข้อความที่ขอจดทะเบียนระบุไว้ว่าจะต้องมีตราของห้างประทับลงบนลายมือชื่อของหุ้นส่วนผู้จัดการด้วย จึงจะผูกพันห้างนั้นในการดำเนินคดีแทนห้าง เพียงแต่หุ้นส่วนผู้จัดการลงลายมือชื่อในคำฟ้องหรือคำให้การ แม้จะไม่ประทับตราของห้างด้วยก็สมบูรณ์ตามกฎหมาย
จำเลยให้การต่อสู้ว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเกี่ยวกับการกระทำละเมิด ย่อมไม่มีประเด็นว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเกี่ยวกับค่าเสียหาย จำเลยจะยกขึ้นเป็นข้อฎีกาหาได้ไม่ เพราะมิใช่ข้อที่ว่ากันมาแล้วในศาลล่าง
กรรมการของบริษัทซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการ ใช้ให้ลูกจ้างขับรถยนต์ของบริษัทไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง โดยกรรมการผู้นั้นนั่งไปด้วย ย่อมถือได้ว่าลูกจ้างได้ขับรถไปในทางการที่บริษัทจ้างซึ่งบริษัทจะต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดด้วย
of 8