พบผลลัพธ์ทั้งหมด 39 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 302/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องฐานลักทรัพย์จากการกรีดน้ำยางโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นฟ้องที่สมบูรณ์
ฟ้องของโจทก์กล่าวเป็นใจความว่า จำเลยบังอาจสมคบกันเข้ากรีดเอาน้ำมันยางในสวนของโจทก์โดยการทุจริต ซึ่งโจทก์มิได้อนุญาต และขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา288,63 ดังนี้ แม้โจทก์จะมิได้กล่าวว่าจำเลยเอาน้ำยางไปหรือลักเอาน้ำยางไปก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกรีดเอาน้ำยางของโจทก์โดยการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายและเป็นการเสียหายแก่โจทก์ ขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์นับว่าเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 ครบข้อหาฐานลักทรัพย์แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 669/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแบ่งค่าอ้อย: การฟ้องขอแบ่งทรัพย์สินร่วมกันโดยระบุเพียงกรรมสิทธิ์ร่วม ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่ามีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของอ้อยร่วมกับจำเลยขอแบ่งค่าอ้อยซึ่งจำเลยขายได้ อันเป็นส่วนของโจทก์ครึ่งหนึ่ง ดังนี้ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้วไม่จำต้องกล่าวว่าเป็นเจ้าของร่วมกันโดยทางใด ซึ่งเป็นรายละเอียดที่โจทก์จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณาต่อไป ถ้าจำเลยต้องการทราบรายละเอียดในข้อนี้ในวันชี้สองสถานหรือก่อนวันนั้น จำเลยมีสิทธิขอให้ศาลสอบถามโจทก์ให้แถลงในข้อนี้ได้ จำเลยเพิ่งจะมาคัดค้านในตอนสืบพยานโจทก์ไปแล้วย่อมทำไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 572/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุเวลาในฟ้องอาญา: แม้ไม่ระบุกลางวัน/กลางคืน ฟ้องก็สมบูรณ์หากระบุเวลาชัดเจน
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยกระทำผิดเวลา 18.00 นาฬิกา โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นเวลากลางวัน หรือ กลางคืน ก็เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 442/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งเฉพาะประเด็นกฎหมายโดยไม่โต้แย้งข้อเท็จจริง ทำให้ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม แม้ฟ้องจะสมบูรณ์
ศาลชั้นต้นยกฟ้อง เพราะฟ้องไม่สมบูรณ์ และชั้นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อข้อเท็จจริง ชั้นฎีกาโจทก์มิได้โต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดไว้นั้น กลับฎีกาฉะเพาะเรื่องฟ้องสมบูรณ์หรือไม่ ดังนี้ แม้ฟ้องจะสมบูรณ์จริง เมื่อข้อเท็จจริงยังคงเป็นดั่งที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดไว้ ก็ต้องยกฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 343/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีโดยใช้ชื่อย่อสมาคมฯ และชื่อเต็มในคำฟ้อง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นการฟ้องที่สมบูรณ์
โจทก์ฟ้องโจทก์กล่าวในตอนต้นว่า ระหว่างสมาคมพาณิชย์จีนโดยหลวงอนุภาษภูเก็ตการเป็นนายก โจทก์ แล้วดำเนินความว่า "ข้าพเจ้าสมาคมพาณิชย์จีนโดยหลวงอนุภาษภูเก็ตการ นายก โจทก์ ฯลฯ ขอยื่นฟ้องนายอิวหงี แซ่เอียบ จำเลย ฯลฯ ข้อ 1 โจทก์ได้รับอนุญาตจดทะเบียนเป็นสมาคม มีนามว่า "สมาคมพาณิชย์จีน ภูเก็ต" ดังนี้ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 755/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร ความเสียหาย หรือความอาจเสียหายเพียงพอให้ฟ้องสมบูรณ์
ข้อความที่โจทก์ได้บรรยายว่า ในฟ้องในความผิดฐานปลอมหนังสือนั้น เมื่ออ่านแล้วเข้าใจได้ว่า การกระทำของจำเลยกระทำให้โจทก์ต้องเสียหาย หรืออาจเกิดความเสียหายแก่โจทก์ได้ ซึ่งจำเลยก็เข้าใจฟ้องของโจทก์ได้โดยไม่หลงข้อต่อสู้ ฟ้องของโจทก์ย่อมสมบูรณ์ โจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายทุก ๆ คำจนครบถ้วนตามตัวบทกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 704/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จต้องระบุรายละเอียดความเท็จและผลกระทบต่อผู้อื่น จึงจะทำให้ฟ้องสมบูรณ์
บรรยายฟ้องความผิดฐานแจ้งความเท็จ ต้องได้ความว่า ความข้อไหนเป็นเท็จอย่างไร ทำไมอาจทำให้ผู้อื่นหรือสาธารณชนเสียหายได้ จึงจะเป็นฟ้องที่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องลักทรัพย์/รับของโจร/ยักยอก: ศาลฎีกาวินิจฉัยฟ้องสมบูรณ์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร หรือยักยอกเก็บของตก ดังนี้ เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
(อ้างฎีกา 467/2491)
(อ้างฎีกา 467/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 143/2552
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การออกเช็คเพื่อชำระหนี้ค่าสินค้า: ฟ้องสมบูรณ์ตามกฎหมาย แม้มีการชำระหนี้บางส่วนก่อน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยลงลายมือชื่อออกเช็คพิพาทให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าซื้อสินค้าเคมีภัณฑ์ ซึ่งสินค้าดังกล่าวห้างหุ้นส่วนจำกัด ท. เป็นผู้ซื้อจากโจทก์ กับบรรยายว่าหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและสามารถบังคับได้ตามกฎหมาย เมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนดโจทก์นำเข้าเรียกเก็บ แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน จึงเป็นฟ้องที่กล่าวถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้นๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ครบองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) แล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยร่วมกันกระทำความผิด แม้จะฟังว่าต้องมีบุคคลอื่นร่วมกระทำความผิดด้วย ทั้งที่ข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่าจำเลยร่วมกันกระทำความผิดกับผู้ใด ก็เป็นเพียงความผิดหลงเล็กน้อยไม่ทำให้จำเลยหลงต่อสู้ ส่วนที่ฟ้องโจทก์มิได้บรรยายถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยว่าเหตุใดจำเลยจึงออกเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ และเหตุใดจำเลยจึงต้องออกเช็คดังกล่าวชำระหนี้แทนห้างหุ้นส่วนจำกัด ท. เป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบพิสูจน์ในชั้นพิจารณาได้ ไม่จำต้องบรรยายมาในคำฟ้อง ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 เกิดขึ้นเมื่อมีการนำเช็คไปเรียกเก็บเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน มิได้เกี่ยวข้องกับการชำระเงินตามเช็คซึ่งเป็นคนละกรณีกัน การที่มีการชำระหนี้บางส่วนตามเช็คพิพาทก่อนหรือหลังเช็คถึงกำหนด ไม่ทำให้ความผิดที่เกิดขึ้นแล้วไม่เป็นความผิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยร่วมกันกระทำความผิด แม้จะฟังว่าต้องมีบุคคลอื่นร่วมกระทำความผิดด้วย ทั้งที่ข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่าจำเลยร่วมกันกระทำความผิดกับผู้ใด ก็เป็นเพียงความผิดหลงเล็กน้อยไม่ทำให้จำเลยหลงต่อสู้ ส่วนที่ฟ้องโจทก์มิได้บรรยายถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยว่าเหตุใดจำเลยจึงออกเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ และเหตุใดจำเลยจึงต้องออกเช็คดังกล่าวชำระหนี้แทนห้างหุ้นส่วนจำกัด ท. เป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบพิสูจน์ในชั้นพิจารณาได้ ไม่จำต้องบรรยายมาในคำฟ้อง ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 เกิดขึ้นเมื่อมีการนำเช็คไปเรียกเก็บเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน มิได้เกี่ยวข้องกับการชำระเงินตามเช็คซึ่งเป็นคนละกรณีกัน การที่มีการชำระหนี้บางส่วนตามเช็คพิพาทก่อนหรือหลังเช็คถึงกำหนด ไม่ทำให้ความผิดที่เกิดขึ้นแล้วไม่เป็นความผิด