พบผลลัพธ์ทั้งหมด 82 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 357/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องรวมคดีที่ขาดผลประโยชน์ร่วมกัน ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีเพื่อให้ฟ้องใหม่
โจทก์ทั้งห้าฟ้องจำเลยทั้งเจ็ดเป็นคดีเดียวกันโดยอ้างว่าโจทก์ทั้งห้ามีผลประโยชน์ร่วมกันในมูลความแห่งคดี เพราะ ส.ผู้ตายเป็นผู้กระทำการแทนนิติบุคคลโจทก์ที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 บริษัท ค.และห้าง ส.ลูกหนี้ของโจทก์ด้วย เห็นได้ชัดว่า ส.กระทำการในนามของนิติบุคคลแยกต่างหากจากกันผูกพันกันเฉพาะชื่อผู้ทำการแทนคือ ส.เท่านั้น หาทำให้กิจการของนิติบุคคลต่าง ๆ เหล่านั้นเข้าผูกพันกันด้วยไม่ โจทก์หลายคนฟ้องเรียกทรัพย์จากจำเลยบางรายแต่ละข้อหาและมูลคดีส่วนใหญ่แตกต่างจากกันไป โจทก์ทั้งห้าจึงหามีผลประโยชน์ร่วมกันในมูลความแห่งคดีพอที่จะฟ้องร่วมกันมาเป็นคดีเดียวไม่
การที่ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีมิใช่มีเพียงที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 เท่านั้น แต่เป็นอำนาจทั่วไปของศาลเมื่อเห็นว่าฟ้องของโจทก์ไม่ชอบที่จะฟ้องร่วมกัน ศาลก็ย่อมที่จะจำหน่ายคดีเสียได้เพื่อให้โจทก์นำไปฟ้องใหม่ให้ถูกต้อง มิใช่ต้องยกฟ้องโจทก์
การที่ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีมิใช่มีเพียงที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 เท่านั้น แต่เป็นอำนาจทั่วไปของศาลเมื่อเห็นว่าฟ้องของโจทก์ไม่ชอบที่จะฟ้องร่วมกัน ศาลก็ย่อมที่จะจำหน่ายคดีเสียได้เพื่อให้โจทก์นำไปฟ้องใหม่ให้ถูกต้อง มิใช่ต้องยกฟ้องโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 357/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องรวมคดีที่โจทก์ไม่มีผลประโยชน์ร่วมกัน ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีเพื่อให้ฟ้องใหม่ได้
โจทก์ทั้งห้าฟ้องจำเลยทั้งเจ็ดเป็นคดีเดียวกันโดยอ้างว่าโจทก์ทั้งห้ามีผลประโยชน์ร่วมกันในมูลความแห่งคดี เพราะ ส.ผู้ตายเป็นผู้กระทำการแทนนิติบุคคลโจทก์ที่ 1 ที่ 2 ที่ 3บริษัท ค.และห้างส.ลูกหนี้ของโจทก์ด้วยเห็นได้ชัดว่าส.กระทำการในนามของนิติบุคคลแยกต่างหากจากกันผูกพันกันเฉพาะชื่อผู้ทำการแทนคือ ส.เท่านั้น หาทำให้กิจการของนิติบุคคลต่าง ๆ เหล่านั้นเข้าผูกพันกันด้วยไม่ โจทก์หลายคนฟ้องเรียกทรัพย์จากจำเลยบางรายแต่ละข้อหาและมูลคดีส่วนใหญ่แตกต่างจากกันไป โจทก์ทั้งห้าจึงหามีผลประโยชน์ร่วมกันในมูลความแห่งคดีพอที่จะฟ้องร่วมกันมาเป็นคดีเดียวไม่
การที่ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีมิใช่มีเพียงที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 เท่านั้น แต่เป็นอำนาจทั่วไปของศาลเมื่อเห็นว่าฟ้องของโจทก์ไม่ชอบที่จะฟ้องร่วมกัน ศาลก็ย่อมที่จะจำหน่ายคดีเสียได้เพื่อให้โจทก์นำไปฟ้องใหม่ให้ถูกต้อง มิใช่ต้องยกฟ้องโจทก์.
การที่ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีมิใช่มีเพียงที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 เท่านั้น แต่เป็นอำนาจทั่วไปของศาลเมื่อเห็นว่าฟ้องของโจทก์ไม่ชอบที่จะฟ้องร่วมกัน ศาลก็ย่อมที่จะจำหน่ายคดีเสียได้เพื่อให้โจทก์นำไปฟ้องใหม่ให้ถูกต้อง มิใช่ต้องยกฟ้องโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2927/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำ: ถอนฟ้องก่อนไต่สวนมูลฟ้อง ไม่สามารถฟ้องคดีเดิมได้อีก
โจทก์เคยฟ้องจำเลยในข้อหาเบิกความเท็จหมิ่นประมาทและดูหมิ่น เมื่อโจทก์ถอนฟ้องไปแล้ว โจทก์จะนำคดีมาฟ้องจำเลยในข้อหาเบิกความเท็จอีกหาได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 36แม้โจทก์จะถอนฟ้องก่อนที่ศาลจะไต่สวนมูลฟ้องก็อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะมาฟ้องใหม่อีกไม่ได้เช่นกันเพราะถือว่าได้มีการฟ้องคดีอาญาต่อศาลโดยถูกต้องแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1847/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: ศาลมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งรับคำฟ้อง หากภูมิลำเนาจำเลยไม่ถูกต้อง และไม่ต้องกำหนดเวลาฟ้องใหม่
โจทก์เสนอคำฟ้องแต่แรกโดยระบุภูมิลำเนาของจำเลยผิดพลาดเป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นหลงผิดไปว่าโจทก์มีอำนาจเสนอคำฟ้องต่อศาลชั้นต้นได้ แต่เมื่อความจริงเรื่องภูมิลำเนาของจำเลยปรากฏขึ้นว่า การเปลี่ยนแปลงภูมิลำเนาของจำเลยเกิดขึ้นก่อนศาลชั้นต้นรับคำฟ้องไว้ ศาลชั้นต้นจึงมิใช่ศาลที่มีเขตอำนาจเหนือคดีนั้น ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับคำฟ้องของโจทก์ไว้จึงผิดพลาด ถือว่าเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจที่จะเพิกถอนคำสั่งนั้นแล้วมีคำสั่งใหม่ได้ ไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดบังคับให้ศาลจำต้องกำหนดเวลาให้โจทก์ไปฟ้องเป็นคดีใหม่ในกรณีที่สั่งจำหน่ายคดีเพราะเหตุที่คำฟ้องต้องห้ามเรื่องเขตอำนาจศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1823/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องคดีแรงงานไม่ตัดสิทธิการฟ้องใหม่ หากไม่มีเจตนาสละสิทธิเรียกร้อง
แม้ในคดีเดิมโจทก์จะแถลงว่า สาเหตุที่ถอนฟ้องเพราะโจทก์ไม่ติดใจดำเนินคดีกับจำเลยต่อไปเนื่องจากตกลงกันได้แล้ว ก็ไม่มีข้อความชัดแจ้งหรืออาจแปลได้ว่าโจทก์สละสิทธิที่จะเรียกร้องในมูลกรณีเดียวกันนั้นกับจำเลยอีกในภายหลัง ฉะนั้น การถอนฟ้องในคดีก่อนจึงไม่ทำให้อำนาจฟ้องของโจทก์หมดไป โจทก์จึงฟ้องคดีได้ใหม่ภายในอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1823/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องคดีแรงงานไม่ตัดสิทธิการฟ้องใหม่ หากไม่มีเจตนาสละสิทธิเรียกร้องในมูลเหตุเดิม
แม้ในคดีเดิมโจทก์จะแถลงว่า สาเหตุที่ถอนฟ้องเพราะโจทก์ไม่ติดใจดำเนินคดีกับจำเลยต่อไปเนื่องจากตกลงกันได้แล้ว ก็ไม่มีข้อความชัดแจ้งหรืออาจแปลได้ว่าโจทก์สละสิทธิที่จะเรียกร้องในมูลกรณีเดียวกันนั้นกับจำเลยอีกในภายหลัง ฉะนั้น การถอนฟ้องในคดีก่อนจึงไม่ทำให้อำนาจฟ้องของโจทก์หมดไปโจทก์จึงฟ้องคดีได้ใหม่ภายในอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1159/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำ: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการฟ้องใหม่ไม่เป็นฟ้องซ้ำ หากศาลเคยยกฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิ
แม้คดีนี้โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองบุกรุกที่ดินของโจทก์ ซึ่งเป็นที่ดินแปลงเดียวกันกับที่โจทก์เคยฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองกับ ญ.บุกรุกในคดีก่อน แต่คดีก่อนนั้นศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องจำเลยทั้งสองใหม่ภายในกำหนดอายุความดังนั้น โจทก์จึงชอบที่จะยื่นฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีนี้ได้ใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148(3) ฟ้องของโจทก์คดีนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2185/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีละเมิด: การเพิ่มเติมฟ้องจำเลยร่วมถือเป็นการฟ้องใหม่ ทำให้ต้องยื่นภายในอายุความ 1 ปี
ในคดีละเมิด โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้อง ขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีในฐานะเป็นจำเลย เท่ากับโจทก์ฟ้องจำเลยร่วมในวันยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องนั่นเอง โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีในฐานะเป็นจำเลยพ้นปีหนึ่งนับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ถึงตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน เมื่อจำเลยร่วมยกอายุความขึ้นต่อสู้คดีโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยร่วมย่อมขาดอายุความ
คำให้การเพิ่มเติมของจำเลยร่วมที่ให้ไว้ต่อพนักงานสอบสวนไม่ใช่เป็นการรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องซึ่งจำเลยร่วมกระทำต่อโจทก์ ถือไม่ได้ว่าเป็นการรับสภาพหนี้
คำให้การเพิ่มเติมของจำเลยร่วมที่ให้ไว้ต่อพนักงานสอบสวนไม่ใช่เป็นการรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องซึ่งจำเลยร่วมกระทำต่อโจทก์ ถือไม่ได้ว่าเป็นการรับสภาพหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้อน: คดีเดิมอยู่ระหว่างพิจารณา แม้ถอนฟ้องแล้วแต่จำเลยอุทธรณ์ โจทก์ฟ้องใหม่ไม่ได้
เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดกาฬสินธุ์เรียกค่าซื้อสิ่งของแล้วโจทก์ถอนฟ้องศาลจังหวัดกาฬสินธุ์อนุญาตแล้ว จำเลยอุทธรณ์คำสั่งที่ศาลอนุญาตให้ถอนฟ้อง ขณะคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดขอนแก่นเป็นคดีนี้ในมูลหนี้อันเดียวกัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173 โจทก์จะนำคดีเรื่องเดียวกันนั้นมาฟ้องจำเลยอีกมิได้ไม่ว่าจะฟ้องต่อศาลเดิมนั้นเองหรือศาลอื่น และคดีเดิมจะอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลเดียวกันหรือของศาลอื่นหรืออยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาก็ตาม แม้คดีเดิมนั้นโจทก์จะถอนฟ้องไปและศาลชั้นต้นอนุญาตแล้วแต่จำเลยยังอุทธรณ์ฎีกาต่อมา ซึ่งถ้าหากศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกากลับคำสั่งของศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ไม่ยอมให้ถอนฟ้อง โจทก์ก็ต้องดำเนินคดีเรื่องเดียวกันนั้นไปทั้งสองเรื่อง ซึ่งไม่ใช่ความประสงค์ของกฎหมาย บทบัญญัติมาตรา 176 ที่ว่าเมื่อถอนฟ้องแล้วย่อมลบล้างผลแห่งการยื่นคำฟ้องและทำให้คู่ความกลับคืนสู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีการยื่นฟ้องเลยและอาจยื่นฟ้องใหม่ได้ภายใต้บังคับบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยอายุความนั้น หมายความว่าการถอนฟ้องนั้นได้ถึงที่สุดไปแล้ว ไม่มีคดีค้างพิจารณาอยู่ในศาลใดศาลหนึ่ง โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 466/2503 และ 455/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2510/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับตามสัญญาประนีประนอมยอมความ: สิทธิในบ้านต้องฟ้องใหม่หากไม่ได้ระบุในสัญญา
ตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสามซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมไปแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีบ้านของจำเลยที่ 2ปลูกอยู่ในที่ดินที่ตกลงแบ่งให้จำเลยที่ 3 และมีข้อตกลงให้จำเลยที่ 2รื้อไปได้ การที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องอ้างว่ามีบ้านของตนอยู่ในที่ดินนั้นและจะรื้อไป แต่จำเลยที่ 3 ขัดขวาง จึงขอให้ศาลห้ามนั้น เป็นการร้องขอนอกเหนือจากสัญญาประนีประนอมยอมความ หากจำเลยที่ 2จะมีสิทธิในบ้านดังกล่าวประการใด และจำเลยที่ 3 กระทำการขัดขวางอันเป็นการโต้แย้งสิทธิ จำเลยที่ 2 ก็ชอบที่จะต้องฟ้องร้องเป็นคดีใหม่จะร้องขอให้ศาลบังคับในคดีเดิมหาได้ไม่