คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฟ้องไม่ชัดเจน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 102 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 163/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรบกวนการครอบครองต้องเป็นอสังหาริมทรัพย์ ฟ้องไม่ชัดแจ้งทรัพย์เป็นอะไร ศาลต้องยกฟ้อง
การกระทำอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365 นั้น ต้องเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์
โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าทรัพย์ที่จำเลยรบกวนนั้นเป็นอสังหาริมทรัพย์การที่โจทก์กล่าวถึงทรัพย์นั้นว่าเป็นแผงลอย ไม่ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นอสังหาริมทรัพย์เพราะโดยสภาพของแผงลอยทั่ว ๆ ไปแล้ว ย่อมหมายความว่าเป็นอสังหาริมทรัพย์ เมื่อโจทก์มิได้กล่าวหาว่าจำเลยรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ แม้จำเลยจะกระทำการนั้นจริงก็ไม่ครบองค์ประกอบที่จะเป็นความผิดตามบทมาตราดังกล่าวข้างต้น จึงลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องฝากทรัพย์เสียหาย & ฟ้องละเมิดขาดรายละเอียด: จำเลยไม่ร่วมรับผิด
โจทก์ที่ 1 บรรยายฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 ฝากรถยนต์ไว้กับจำเลยที่ 1 โดยมีบำเหน็จค่าฝาก จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 นำรถที่จำเลยที่ 1 รับฝากออกไปขับทำให้รถเสียหาย จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดในค่าเสียหายนี้ ส่วนฟ้องของโจทก์ที่ 2 เพียงแต่กล่าวว่าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 นำรถยนต์ของโจทก์ที่ 1 ไปขับประมาท เป็นเหตุให้ชนรถของโจทก์ที่ 2 เสียหาย ฟ้องของโจทก์ที่ 1 เป็นเรื่องให้บังคับตามสัญญาฝากทรัพย์ ส่วนฟ้องของโจทก์ที่ 2 เป็นเรื่องละเมิดฟ้องของโจทก์ที่ 1 ไม่เคลือบคลุม แต่สำหรับฟ้องของโจทก์ที่ 2 ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ในการงานอะไร และการที่จำเลยที่ 2 นำรถของโจทก์ที่ 1 ออกไปขับเป็นการกระทำไปในทางการที่จำเลยที่ 1 จ้าง จึงเป็นฟ้องที่ขาดข้อความสำคัญที่จะให้จำเลยที่ 1 ร่วมรับผิดในผลอันเกิดแต่มูลละเมิดที่จำเลยที่ 2 ก่อให้เกิดขึ้น ศาลจะอาศัยฟ้องเช่นนี้พิพากษาให้จำเลยที่ 1 รับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425 มิได้
ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่มีมติว่า การฟ้องขอให้ผู้รับฝากทรัพย์ใช้ค่าซ่อมรถยนต์ที่เกิดการเสียหายเนื่องจากความผิดของผู้รับฝาก เป็นการฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเกี่ยวกับการฝากทรัพย์ จึงต้องห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นเวลาหกเดือนนับแต่วันสิ้นสัญญา ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 671 และถือว่าวันสิ้นสุดสัญญาคือวันที่โจทก์ที่ 1 ได้รับรถยนต์คืนมา (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 17 - 18/2519)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2410/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดอาณาบริเวณการท่าเรือต้องชัดเจนตามกฎหมาย หากฟ้องไม่ระบุชัดเจน ศาลไม่สามารถลงโทษตามกฎหมายนั้นได้
ตาม พระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย อาณาบริเวณที่เป็นเขตควบคุมบำรุงรักษาของการท่าเรือ ต้องกำหนดโดยพระราชกฤษฎีกามีแผนที่แสดงไว้โดยชัดแจ้ง ฟ้องบรรยายเพียงว่าเหตุเกิดรถชนกันบนถนนการท่าเรือ ไม่ชัดพอว่าอยู่ภายในบริเวณการท่าเรือ จึงลงโทษตาม พระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทยไม่ได้ ปัญหาข้อนี้แม้จำเลยไม่อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2470/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องไม่ชัดเจน ขาดรายละเอียดสำคัญ ทำให้จำเลยต่อสู้คดีไม่ได้ ถือเป็นฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องโดยสรุปว่า ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน 2514 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2517 อันเป็นเวลาติดต่อกัน 2 ปีเศษ จำเลยซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด ได้เบิกเงินจากธนาคารรวมยอดเงิน 1,542,661 บาท 99 สตางค์ โดยไม่ลงรายการจ่ายในบัญชี หรือเมื่อฝากเงินจำนวนดังกล่าวก็ไม่ลงหลักฐานการฝากเงิน และเมื่อจำเลยรับเงินค่าหุ้นก็ไม่นำลงในบัญชี โจทก์มิได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงอันเป็นสารสำคัญที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิดให้ปรากฏเลยว่า ในการเบิกเงินหรือฝากเงินก็ดีจำเลยไม่ลงบัญชีรายการใด เมื่อใด เป็นจำนวนเท่าใด และในการรับเงินค่าหุ้นก็ดีจำเลยรับจากใคร เมื่อใด ทั้ง ๆ ที่โจทก์อาจกล่าวถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้ได้ จึงเป็นการยากที่จำเลยจะต่อสู้คดีได้ถูกต้อง ฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับความผิดฐานทำหลักฐานเท็จและจดข้อความเท็จ ตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนฯ พ.ศ.2499 มาตรา 42 จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์ฎีกาว่าจำเลยเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 354 แต่มาตรา 354 เป็นบทบัญญัติให้ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 352, 353 รับโทษหนักขึ้น เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าจำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา 352, 353 ข้อกฎหมายตามฎีกาโจทก์จึงไม่เป็นสาระแก่คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2796/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัย เหตุฟ้องฎีกาไม่ชัดเจน ขาดการอ้างอิงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายสนับสนุน
คำบรรยายฟ้องฎีกาของโจทก์เพียงแต่อ้างว่าเมื่อฟังพยานโจทก์พยานจำเลยโดยถ่องแท้แล้ว พยานโจทก์ดีกว่าพยานจำเลย มิได้หยิบยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นอ้างอิงเลยว่าพยานโจทก์ดีกว่าพยานจำเลยตรงไหนอย่างไรเพราะเหตุใดหรือมีเหตุผลอย่างไรที่ชี้ให้เห็นว่าพยานโจทก์ดีกว่าพยานจำเลยอันจะทำให้น่าเชื่อว่าข้อเท็จจริงเป็นดังโจทก์ฎีกา แม้โจทก์จะกล่าวไว้ว่าขอถือเอาคำอุทธรณ์เป็นส่วนหนึ่งของฎีกา ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการอ้างอิงข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมาย จึงเป็นฎีกาที่มิได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จะอ้างอิงขึ้นกล่าวไว้โดยชัดแจ้งตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 บังคับไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1620/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การข่มขืนใจและบุกรุก: ฟ้องไม่ชัดแจ้งข้อเท็จจริงแสดงความกลัวหรือการร่วมกระทำความผิด ศาลยกฟ้องได้
ความผิดต่อเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่นเมื่อคำฟ้องของโจทก์ไม่มีข้อเท็จจริงบรรยายมาว่า จำเลยคนใดทำให้โจทก์กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อเสรีภาพของโจทก์อย่างไรบ้างศาลย่อมสั่งยกฟ้องในข้อหาความผิดฐานนี้ได้
ฟ้องหาว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำบุกรุกอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 83 เมื่อคำฟ้องของโจทก์ไม่บรรยายว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ร่วมกระทำบุกรุกกับจำเลยที่ 1 หรือเป็น ผู้สนับสนุนการกระทำของจำเลยที่ 1 อย่างไรศาลย่อมสั่งยกฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 ในข้อหานี้ไปเสียได้เช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1543/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเร่ขายถ่านไม่ถือเป็นการสะสมถ่านตามกฎหมายสาธารณสุข โจทก์ฟ้องไม่ชัดเจน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำการขายถ่าน (ขายปลีก)โดยใช้รถเข็นบรรทุกถ่านไปขายตามสถานที่ต่างๆ เพื่อการค้า. เป็นการประกอบกิจการค้าเป็นที่น่ารังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต. ขอให้ลงโทษตามพ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ.2484 มาตรา 8,68. เทศบัญญัติเทศบาลนครกรุงเทพฯ เรื่องควบคุมการค้าเป็นที่น่ารังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพ(ฉบับที่ 3)2494 ข้อ 4(40). แต่บทกฎหมายที่โจทก์อ้างทั้งหมดรวมทั้งเทศบัญญัติที่อ้างข้อ 4(40) นั้นระบุถึง 'การสะสมถ่าน'. จึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายฟ้อง. จึงไม่เป็นความผิดเป็นข้อวินิจฉัยของศาลชั้นต้นเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 666/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำหรือไม่: คดีภารจำยอมที่ศาลเดิมยกฟ้องเนื่องจากฟ้องไม่ชัดเจน ศาลฎีกาตัดสินว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คดีก่อนศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องเพราะฟ้องไม่บรรยายฟ้อง ข้อเท็จจริงยืนยันมาว่าทางพิพาทตามฟ้องนั้นเป็นทางสาธารณะทางภารจำยอมหรือทางจำเป็นไม่ได้มีการวินิจฉัยในประเด็นข้อที่พิพาทกันด้วยเรื่องทางเดินภารจำยอมรายพิพาทหรือไม่โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยอีกอ้างว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมฉะนั้น คดีหลังจึงไม่เป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1071/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องยักยอกทรัพย์ไม่ชัดเจน ขาดรายละเอียดทรัพย์สินที่ถูกยักยอก และโจทก์มีส่วนรับผิดชอบในการเสียภาษี
ฟ้องคดีอาญาที่มิได้บรรยายให้ได้ความชัดว่าจำเลยยักยอกเงินที่พวกโจทก์มอบให้จำเลยไปเสียภาษีเท่าใด คงกล่าวไว้มีใจความสำคัญแต่เพียงจำนวนเงินที่มอบให้จำเลยไป จำนวนที่ต้องเสียภาษีรายเดือน จำนวนเงินเหลือรายเดือน จำนวนที่เหลือนี้ได้ตกลงให้จำเลยเก็บรักษาไว้เสียภาษีปลายปี เมื่อโจทก์ถูกสรรพากรเรียกไปพบหาว่าเสียภาษีไม่ครบจึงทราบว่าจำเลยยักยอกเงินที่มอบไป โดยเสียภาษีไม่ครบเท่านั้นฟ้องของโจทก์จึงขาดข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับทรัพย์หรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับข้อหาว่าจำเลยเบียดบังยักยอกไปอันเป็นสารสำคัญฟ้องของโจทก์ จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158
โจทก์ได้เห็นและทราบรายการที่ได้กรอกไว้ในแบบ ภ.ค.4เพื่อชำระภาษีการค้าที่จำเลยนำมาให้โจทก์เซ็นชื่อเป็นผู้ยื่น โจทก์ได้เซ็นชื่อลงไป จึงต้องรับผิดชอบในความถูกต้องแท้จริงของข้อความตลอดจนจำนวนเงินที่ต้องเสียภาษี เพราะเป็นการกระทำของโจทก์เอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1623/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องไม่ชัดเจนฐานทำพยานหลักฐานเท็จ ศาลยกฟ้องเพราะจำเลยไม่เข้าใจข้อหา
ความผิดฐานทำพยานหลักฐานเท็จ เมื่อฟ้องโจทก์ไม่ระบุว่าจำเลยได้กระทำหลักฐานขึ้นเป็นประการใดว่าเป็นเท็จ ดังนี้ ถือว่าฟ้องของโจทก์ไม่บรรยายรายละเอียดให้ครบถ้วนพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี
of 11