คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
มูลละเมิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 71 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7275/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกทรัพย์คืน vs. ค่าเสียหายจากละเมิด และการรับฟังพยานเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร
ใบสำคัญรับเงินค่ากระบือ มิใช่สัญญาซื้อขายหรือจะซื้อขายไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีเอกสารมาแสดง การที่โจทก์นำสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารดังกล่าว จึงไม่ต้องห้ามมิให้รับฟังตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 จะใช้บังคับเฉพาะกรณีฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดแต่กรมโจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นพนักงานของโจทก์ในตำแหน่งปศุสัตว์จังหวัดซึ่งเบิกยืมเงินทดรองไปจากโจทก์ เพื่อจัดซื้อกระบือตามโครงการที่โจทก์รับผิดชอบและเมื่อจ่ายค่ากระบือที่ซื้อแล้วมีเงินเหลือให้คืนเงินส่วนที่เหลือแก่โจทก์ อันเป็นการขอให้บังคับจำเลยคืนหรือใช้เงินของโจทก์ที่อยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยแก่โจทก์ เป็นเรื่องที่เจ้าของทรัพย์ฟ้องเรียกทรัพย์คืนจากจำเลยซึ่งไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ตามมาตรา 1336 ไม่มีกำหนดอายุความกรณีมิใช่เป็นเรื่องเรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย จึงนำอายุความตามมาตรา 448 มาใช้บังคับไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 523/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดบังคับคดีต้องพิจารณาเหตุฟังได้และไม่ทำให้เจ้าหนี้เสียหาย
การที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 ได้ก็ต่อเมื่อได้พิจารณาเหตุผล 2 ประการประกอบกัน คือข้ออ้างของลูกหนี้ตามคำพิพากษามีเหตุฟังได้ประการหนึ่ง และถ้างดการบังคับคดีไว้ไม่น่าจะเป็นที่เสียหายแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอีกประการหนึ่ง เมื่อข้ออ้างในคำฟ้องที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาฟ้องเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเป็นข้ออ้างที่ยังไม่แน่นอนว่าโจทก์กระทำดังจำเลยกล่าวอ้างหรือไม่ ความเสียหายมีจริงดังที่จำเลยเรียกร้องหรือไม่ จึงไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีมูลละเมิด: เริ่มนับจากวันที่รู้ถึงการละเมิด หรือวันที่ทำละเมิด
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 169 เดิม (มาตรา 193/12)ที่กำหนดให้เริ่มนับอายุความตั้งแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไปนั้น เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับการเริ่มนับอายุความสำหรับการบังคับสิทธิเรียกร้องทั่ว ๆ ไป แต่การเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิด มาตรา 448 วรรคแรก บัญญัติไว้โดยเฉพาะว่าสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดนั้นเป็นอันขาดอายุความเมื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันทำละเมิด เมื่อคดีได้ความว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง เรียกเก็บค่าธรรมเนียมล่วงเวลาไม่ครบถ้วนตามกฎหมาย ทำให้โจทก์ขาดรายได้ เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน2521 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2523 ดังนั้นมูลละเมิดคดีนี้ย่อมเกิดขึ้นอย่างช้าที่สุดวันที่ 30 เมษายน 2523 แต่โจทก์ฟ้องจำเลยในวันที่15 เมษายน 2534 ซึ่งล่วงพ้นสิบปี นับแต่วันทำละเมิดแล้ว คดีโจทก์ย่อมขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคแรก จำเลยยกปัญหาข้อกฎหมายขึ้นเป็นข้อต่อสู้ฟ้องโจทก์ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายนี้ได้ตามที่เห็นสมควรตาม ป.วิ.พ. มาตรา 24โดยไม่จำเป็นต้องให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร้องขอเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2904/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องผู้รับประกันภัยค้ำจุน: 2 ปีนับจากวันเกิดวินาศภัย ไม่ใช่อายุความละเมิด
การฟ้องให้ผู้รับประกันภัยค้ำจุนรับผิดมีอายุความ 2 ปี นับแต่วันเกิดวินาศภัยตาม ป.พ.พ. มาตรา 882 วรรคแรก หาใช่นำอายุความในมูลละเมิดตาม ป.พ.พ. มาตรา 448 มาใช้ไม่ การยื่นคำร้องขอให้เรียกผู้รับประกันภัยเข้ามาเป็นจำเลยร่วมถือได้ว่าเป็นการฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องให้ผู้รับประกันภัยใช้ค่าทดแทนตาม ป.พ.พ. มาตรา 173 และป.วิ.พ. มาตรา 57(3).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1478/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกค่าเสียหายจากประกันภัย: สิทธิรับช่วงสิทธิ vs. มูลละเมิด
ผู้รับประกันภัยอาศัยสิทธิโดยการรับช่วงสิทธิตามสัญญาประกันภัยฟ้องเรียกเงินที่ได้ชดใช้ให้แก่ผู้เอาประกันภัยไปตามสัญญาประกันภัยจากผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถคันเกิดเหตุมีอายุความ 2 ปีนับแต่วันเกิดวินาศภัย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 882 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1180/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องลูกจ้างในมูลละเมิดควบคู่กับการฟ้องผู้ใช้ไฟฟ้าในมูลหนี้สัญญาซื้อขาย ไม่ถือเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องซ้ำซ้อน
ลูกจ้างกระทำโดยประมาทเลินเล่อและจงใจไม่ปฏิบัติตามหน้าที่และคำสั่งเป็นเหตุให้นายจ้างเสียหายไม่สามารถเก็บค่ากระแสไฟฟ้าจากผู้ใช้ไฟฟ้าได้ การที่นายจ้างฟ้องลูกจ้างดังกล่าวในมูลละเมิดว่าลูกจ้างประมาทเลินเล่อหรือจงใจเป็นเหตุให้นายจ้างเสียหายและเป็นการผิดสัญญาจ้างนั้น แม้นายจ้างจะได้ฟ้องผู้ใช้ไฟฟ้าให้ชำระหนี้ค่าไฟฟ้าซึ่งเป็นฟ้องในมูลหนี้ผิดสัญญาซื้อขายเป็นอีกคดีหนึ่งด้วย แต่นายจ้างยังไม่ได้รับชำระหนี้ดังกล่าว การฟ้องลูกจ้างเช่นว่านั้นมิใช่เป็นการใช้สิทธิเรียกร้องที่ซ้ำซ้อน จึงฟ้องลูกจ้างได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5064/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องละเมิดที่ขาดสาระสำคัญแห่งคดี และผลของการประนีประนอมยอมความที่ทำให้มูลละเมิดระงับ
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยที่ 1 เป็นบุตรชายและเป็นลูกจ้างผู้ครอบครองรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์ดังกล่าวด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังเป็นเหตุให้รถยนต์ที่จำเลยที่ขับชนรถยนต์โจทก์ได้รับความเสียหาย ฟ้องโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยที่ 1กระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิด แต่ไม่ได้บรรยายให้เห็นว่า จำเลยที่ 1 ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2ฟ้องโจทก์จึงขาดสาระสำคัญอันเป็นประเด็นแห่งคดีที่พึงกระทำให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิด ศาลจะพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยไม่อาศัยฟ้องไม่ได้ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้อง
หลังเกิดเหตุจำเลยที่ 2 และโจทก์ได้ตกลงกันต่อหน้าพนักงานสอบสวนว่า จำเลยที่ 2 ผู้แทนเจ้าของรถยนต์บรรทุกยินดีชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของโจทก์ พนักงานสอบสวนได้บันทึกข้อตกลง และให้โจทก์จำเลยทั้งสองลงชื่อไว้ในบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดีบันทึกดังกล่าวเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 เป็นผลทำให้มูลละเมิดซึ่งมีอยู่ระงับสิ้นไปทำให้แต่ละฝ่ายมีสิทธิตามที่แสดงไว้ในสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ มาตรา 425, 850, 852 ตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำกันไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4992/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องผู้ค้ำประกัน: ไม่ใช่มูลละเมิด ใช้ ป.พ.พ. มาตรา 164 (10 ปี)
โจทก์ฟ้อง จำเลยที่ 2 และที่ 4 ให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ในกรณีที่จำเลยที่ 1 ยักยอกเงินค่าขายสินค้าของโจทก์ไป มิใช่เป็นการฟ้องให้รับผิดในค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิด ซึ่งจะใช้อายุความ 1 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 448 การฟ้องผู้ค้ำประกันเช่นนี้ กฎหมายมิได้บัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่นโจทก์มีสิทธิฟ้องได้ภายใน 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 164.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3524/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีประกันภัย: ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้รับประกันภัยค้ำจุน ต้องใช้บังคับตามอายุความที่กำหนดไว้สำหรับประกันภัย ไม่ใช่อายุความในมูลละเมิด
โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์ที่ชนรถยนต์ของโจทก์ให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ เป็นการฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887 วรรคสอง จึงมีอายุความ 2 ปีนับแต่วันเกิดวินาศภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 882วรรคแรก จะนำอายุความในมูลละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 มาใช้ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3524/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องผู้รับประกันภัยค้ำจุน: ประเมินจากวันเกิดเหตุวินาศภัย ไม่ใช่มูลละเมิด
โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์ที่ชนรถยนต์ของโจทก์ให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ เป็นการฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 887 วรรคสอง จึงมีอายุความ 2 ปี นับแต่วันเกิดวินาศภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 882 วรรคแรก จะนำอายุความในมูลละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 มาใช้ไม่ได้
of 8