พบผลลัพธ์ทั้งหมด 63 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3698/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องแทน, การบอกกล่าวบังคับจำนอง, และหลักฐานทางหนี้ที่ยอมรับแล้ว
ทนายโจทก์เบิกความยืนยันว่า ว.กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทโจทก์ได้ลงชื่อในใบแต่งทนายความตั้งแต่งทนายโจทก์และ ส.ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของโจทก์และได้ติดต่อการงานกับ ว.ยืนยันลายมือชื่อของว. เช่นนี้รับฟังได้ว่าว.ได้ลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของโจทก์ตั้งแต่งทนายความโดยชอบโดยโจทก์ไม่จำต้องนำว.มาเบิกความยืนยันในเรื่องนี้อีกทนายความผู้ได้รับแต่งย่อมมีอำนาจเรียงคำฟ้องและลงชื่อในคำฟ้องแทนโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 62เมื่อโจทก์ได้ยื่นใบแต่งทนายความต่อศาลเพื่อรวมไว้ในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 61 แล้ว โจทก์ก็ไม่จำต้องระบุอ้างใบแต่งทนายความในบัญชีระบุพยานอีก ศาลชั้นต้นชี้สองสถานโดยไม่ได้กำหนดข้อต่อสู้ของจำเลยเรื่องอำนาจการบอกกล่าวบังคับจำนองไว้เป็นประเด็นข้อพิพาท จำเลยมิได้โต้แย้งไว้ ถือได้ว่าจำเลยได้สละประเด็นข้อนี้แล้ว จึงไม่ใช่ข้อกฎหมายที่ได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่วินิจฉัยประเด็นข้อนี้ได้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน จำเลยให้การรับว่าเป็นหนี้โจทก์ตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่โจทก์ฟ้องจริงแต่ได้ชำระหนี้แก่โจทก์แล้วเช่นนี้ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์ดังที่ปรากฏในตั๋วสัญญาใช้เงิน ฉะนั้นเอกสารซึ่งเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินจึงไม่จำเป็นแก่คดีที่จะต้องอ้างมาเป็นพยานหลักฐานอีก ตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้องจะปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนหรือไม่จึงไม่มีผลเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ฟังได้เป็นยุติแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือยอมรับหนี้จากการละเมิด ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายตามจริง
เมื่อหนี้ที่โจทก์เรียกร้องมีมูลมาจากการทำละเมิด โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้คืนทรัพย์สินอันต้องเสียไปเพราะละเมิดหรือให้ใช้ราคาทรัพย์นั้น การที่จำเลยได้ทำหนังสือไว้ต่อโจทก์มีใจความว่ายอมจะใช้ราคาทรัพย์สินที่เสียหาย ดังนี้ ถือได้ว่าหนังสือดังกล่าวเป็นเพียงหนังสือที่จำเลยผู้เป็นลูกหนี้ยอมรับสภาพต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้อง ไม่เป็นหนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความเพราะไม่มีข้อความที่แสดงว่าผู้ทำหนังสือดังกล่าวระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งซึ่งมีอยู่หรือจะมีขึ้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือยอมรับหนี้จากการละเมิด ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายยังคงอยู่
เมื่อหนี้ที่โจทก์เรียกร้องมีมูลมาจากการทำละเมิด โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้คืนทรัพย์สินอันต้องเสียไปเพราะละเมิดหรือให้ใช้ราคาทรัพย์นั้น การที่จำเลยได้ทำหนังสือไว้ต่อโจทก์มีใจความว่ายอมจะใช้ราคาทรัพย์สินที่เสียหาย ดังนี้ ถือได้ว่าหนังสือดังกล่าวเป็นเพียงหนังสือที่จำเลยผู้เป็นลูกหนี้ยอมรับสภาพต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้อง ไม่เป็นหนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความเพราะไม่มีข้อความที่แสดงว่าผู้ทำหนังสือดังกล่าวระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งซึ่งมีอยู่หรือจะมีขึ้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4508/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับสภาพหนี้เป็นหลักฐานการกู้ยืมได้ แม้ไม่ได้ระบุชัดเจน
ทำหนังสือรับสภาพหนี้ระบุว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์เป็นจำนวนแน่นอนข้อความด้าน หลังก็ระบุว่าเป็นอันลบล้างหนังสือสัญญากู้ทุกฉบับที่จำเลยทำไว้ต่อโจทก์ ดังนี้ หมายถึงหนี้เงินกู้ยืมหนังสือรับสภาพหนี้จึงเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมตาม ป.พ.พ.มาตรา 653.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1712/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับหนี้และการงดสืบพยาน: ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาเดิม แม้จำเลยขอสืบพยานเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ยอดหนี้
โจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อ จำเลยให้การว่าเป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาด และคงค้างชำระเงินบางส่วนศาลชั้นต้นงดสืบพยาน และพิพากษาให้จำเลยชำระเงินน้อยกว่าเงินที่จำเลยรับว่าเป็นหนี้โจทก์ ดังนี้การที่จำเลยฎีกาโต้แย้งเพื่อขอให้มีการสืบพยานจึงไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด เพราะถึงอย่างไรจำเลยไม่อาจนำสืบข้อเท็จจริงให้แตกต่างไปจากคำให้การที่ตนได้ยอมรับแล้วได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3095/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับหนี้ในคำฟ้องทำให้เสียสิทธิอายุความ แม้จะหักกลบลบหนี้
ขณะยื่นคำฟ้องซึ่งเป็นเวลาที่อายุความครบบริบูรณ์แล้ว โจทก์ได้ยอมรับในคำฟ้องว่า โจทก์ต้องชำระราคาสิ่งของที่ซื้อให้แก่จำเลยตามสัญญาและยอมหักค่าสิ่งของดังกล่าวเป็นค่าปรับส่วนหนึ่ง คำรับของโจทก์ตามฟ้องดังกล่าวจึงถือว่าโจทก์ได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 192
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3095/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับหนี้ค่าสินค้าขณะฟ้อง ทำให้ละเสียอายุความเรียกค่าปรับ
ขณะยื่นคำฟ้องซึ่งเป็นเวลาที่อายุความครบบริบูรณ์แล้วโจทก์ได้ยอมรับในคำฟ้องว่าโจทก์ต้องชำระราคาสิ่งของที่ซื้อให้แก่จำเลยตามสัญญาและยอมหักค่าสิ่งของดังกล่าวเป็นค่าปรับส่วนหนึ่งคำรับของโจทก์ตามฟ้องดังกล่าวจึงถือว่าโจทก์ได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตามป.พ.พ.มาตรา192.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3095/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับหนี้ในคำฟ้องทำให้เสียสิทธิอายุความ
ขณะยื่นคำฟ้องซึ่งเป็นเวลาที่อายุความครบบริบูรณ์แล้วโจทก์ได้ยอมรับในคำฟ้องว่าโจทก์ต้องชำระราคาสิ่งของ ที่ซื้อให้แก่จำเลยตามสัญญาและยอมหักค่าสิ่งของดังกล่าวเป็นค่าปรับส่วนหนึ่งคำรับของโจทก์ตามฟ้องดังกล่าวจึงถือว่าโจทก์ได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา192.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1123/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แม้หนี้เป็นเรื่องกู้ยืม แต่โจทก์ยอมรับหนี้ ศาลไม่รื้อฟื้นประเด็นอำนาจศาล
แม้หนี้ตามคำฟ้องแย้งของจำเลยในคดีแรงงานจะเป็นเรื่องกู้ยืมเงินอันไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงานกลางก็ตามแต่เมื่อโจทก์มิได้โต้แย้งในปัญหาข้อนี้ไว้ทั้งยอมรับว่าเป็นหนี้จำเลยตามฟ้องแย้งจริงเมื่อศาลแรงงานกลางพิพากษาให้โจทก์ชำระหนี้ตามคำฟ้องแย้งแก่จำเลยศาลฎีกาเห็นไม่สมควรยกปัญหาข้อนี้ขึ้นวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 981/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับหนี้ภาษีในอุทธรณ์ ทำให้สิทธิในการโต้แย้งการประเมินภาษีสิ้นสุดลง
เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินให้โจทก์เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตาม ประมวลรัษฎากร มาตรา 71(1) ในอัตราร้อยละ 2 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่าย โจทก์อุทธรณ์การประเมินยอมรับว่าโจทก์ไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2515 จริง ขอให้พิจารณาลดหย่อนภาษีเท่านั้น ดังนี้ โจทก์ไม่มีสิทธิ ฟ้องว่าการประเมินเรียกเก็บภาษีของเจ้าพนักงานประเมินไม่ถูกต้องและขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ซึ่งได้ยุติไปแล้ว