พบผลลัพธ์ทั้งหมด 192 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5929/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าแยกกรรม: การยิงผู้ตายหลายราย
ขณะที่จำเลยยิงผู้ตายทั้งสอง ผู้ตายทั้งสองอยู่ด้วยกันในห้องนอน จำเลยยิงนาย ล.ก่อนแล้วจึงยิงนาง น. จำเลยยอมรับว่าจำเลยยิงนาย ล. 2 นัด แล้วจึงยิงนาง น.1 นัด แสดงว่าในการยิงปืนแต่ละนัดความประสงค์และจุดมุ่งหมายของจำเลยได้แยกออกจากกันว่ากระสุนนัดใดจำเลยยิงผู้ตายคนใด เจตนาฆ่าผู้ตายทั้งสองในขณะจำเลยลงมือกระทำความผิดจึงแยกออกจากกันได้ ความต้องการให้ผู้ตายทั้งสองถึงแก่ความตายแม้จะเกิดขึ้นในใจของจำเลยพร้อม ๆ กัน และต่อเนื่องกับการลงมือกระทำความผิดก็มิใช่เจตนาในขณะที่จำเลยลงมือกระทำความผิด การกระทำความผิดของจำเลยจึงเป็นความผิดสองกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4613/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิด + การป้องกันเกินกว่าเหตุ: การยิงผู้ตายผ่านประตูห้องพัก
จำเลยสำคัญผิดว่าคนที่มาเคาะประตูห้องพักเป็นสามีเก่าของผู้ตายจะมาทำร้ายจำเลย แต่กลับเป็นผู้ตาย ข้อเท็จจริงนั้นก็ไม่มีอยู่จริง ตาม ป.อ. มาตรา 62 วรรคแรก ซึ่งตามกฎหมายกรณีดังกล่าวจำเลยมีสิทธิป้องกันได้ แต่สำหรับคดีนี้ปรากฏว่าประตูห้องเกิดเหตุมีโซ่ คล้อง อยู่ สามารถเปิดได้ประมาณ 1 คืบ การที่จำเลยใช้ปืนยิงออกไปจึงเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องทำเพื่อป้องกัน ตามมาตรา 69 เหตุเกิดในแฟลต ซึ่งมีคนเช่าอยู่จำนวนมาก และผู้ตายซึ่งมาเคาะ ประตูก็อยู่บนทางเดินระหว่างกลางห้องพัก ทั้งขณะเกิดเหตุไฟฟ้าระหว่างทางเดินก็เปิดแล้วจำเลยซึ่งอยู่ในห้องสามารถมองออกไปทางหน้าห้องได้ชัดเจน ประตูห้องเกิดเหตุมีโซ่ คล้อง อยู่ การที่ จำเลยยิงผู้ตายจึงเกิดขึ้นด้วยความประมาทตาม มาตรา 62 วรรค 2 ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2713/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการใช้อาวุธปืนยิง แม้กระสุนไม่ถูกอวัยวะสำคัญ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำแสดงเจตนาฆ่า
บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับจากกระสุนปืนนัดหนึ่งที่ใต้เช่าปรากฏว่ากระสุนปืนเข้าทางด้านหลังทะลุด้านหน้า แสดงว่าอาวุธปืนที่จำเลยใช้ยิงนั้นเป็นอาวุธปืนที่ใช้ยิงทำให้ถึงตายได้ถ้าถูกอวัยวะที่สำคัญ การที่จำเลยเล็งอาวุธปืนและยิงไปทางผู้เสียหายหลายนัด แม้จะยิงในระยะห่างเพียงประมาณ 5 วา และกระสุนปืนถูกผู้เสียหายที่ใต้เข่าเพียงนัดเดียว อาจเนื่องมาจากความไม่ชำนาญในการใช้อาวุธปืนของจำเลยเอง จะถือว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะยิงอวัยวะส่วนที่สำคัญของร่างกายโดยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1579/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กำลังป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ แม้ผู้ตายจะยังคงมีภยันตรายอยู่ การยิงหลายนัดหลังผู้ตายบาดเจ็บสาหัส ถือเกินกว่าเหตุ
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจวิ่งไล่ตามผู้ตายซึ่งจำเลยสงสัยว่าเป็นคนร้าย ผู้ตายใช้อาวุธปืนยิงมาทางจำเลย จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายในขณะที่ผู้ตายหันหลังให้และกำลังวิ่งหนีจำเลย แต่ไม่แน่ว่าผู้ตายจะหันกลับมายิงจำเลยอีกหรือไม่ ภยันตรายที่จะเกิดจากผู้ตายจึงยังไม่หมดไป จำเลยมีอำนาจป้องกันได้ แต่ปรากฏว่ากระสุนปืนนัดแรกที่จำเลยยิงถูกผู้ตายบริเวณโคนขาซ้ายด้านหลังจนผู้ตายต้องวิ่งหนีในลักษณะขากะเผลกอยู่ แล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่จำเลยจะต้องใช้อาวุธปืนไล่ยิงผู้ตายต่อไปอีกหลายนัดโดยเฉพาะก่อนที่จำเลยจะยิงผู้ตายนัดสุดท้าย ผู้ตายได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะถูกจำเลยยิงที่โคนขาซ้ายและที่ชายโครงซ้าย แม้จะได้ความว่าผู้ตายใช้อาวุธปืนยิงมาทางจำเลยอีกก็ตาม ผู้ตายก็ไม่อยู่ในสภาพที่จะใช้อาวุธปืนได้อย่างคนปกติ จำเลยมีโอกาสใช้ดุลพินิจได้ว่าในสภาพของผู้ตายขณะนั้นจำเลยควรเลือกยิงผู้ตายบริเวณอวัยวะที่ไม่สำคัญได้ การที่จำเลยยิงผู้ตายอีก 1 นัด ที่บริเวณด้านหลังศีรษะจนถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุและเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6106/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงเพื่อป้องกันอันตรายจากอาวุธมีด
แม้จำเลยจะเป็นฝ่ายก่อเหตุโดยใช้อาวุธปืนตบหน้า ร.ในบริเวณงาน แต่ก็เลิกกันไปแล้ว จำเลยเดินกลับบ้าน ผู้เสียหายเดินตามไปทันบนสะพานซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณงาน 500 เมตรถือได้ว่าเหตุการณ์ขาดตอนไปแล้ว ทั้งผู้เสียหายไม่ใช่ผู้ที่ถูกจำเลยทำร้าย ผู้เสียหายจะทำร้ายจำเลยจำเลยมีสิทธิป้องกันได้
ผู้เสียหายวิ่งเข้ามาใกล้จะถึงตัวจำเลยโดยถืออาวุธมีดปลายแหลมทั้งตัวมีดและด้ามยาวประมาณ 1 ฟุต เพื่อทำร้ายจำเลย เป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง แม้จำเลยจะใช้อาวุธปืนยิงไป 4 นัด ก็เป็นการกระทำเพื่อยับยั้งผู้เสียหายที่มีอาวุธร้ายแรงอยู่ในมือ จึงเป็นการกระทำโดยป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ผู้เสียหายวิ่งเข้ามาใกล้จะถึงตัวจำเลยโดยถืออาวุธมีดปลายแหลมทั้งตัวมีดและด้ามยาวประมาณ 1 ฟุต เพื่อทำร้ายจำเลย เป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง แม้จำเลยจะใช้อาวุธปืนยิงไป 4 นัด ก็เป็นการกระทำเพื่อยับยั้งผู้เสียหายที่มีอาวุธร้ายแรงอยู่ในมือ จึงเป็นการกระทำโดยป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5409/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากเหตุยิงในระยะใกล้ และความผิดต่อเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่
จำเลยทั้งสองไล่ตามผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 มาถึงที่เกิดเหตุและขณะเกิดเหตุผู้เสียหายที่ 1 ที่ 2 ได้เข้าไปนั่งรวมอยู่ในกลุ่มของผู้เสียหายที่ 3 ถึงที่ 6 แล้ว จำเลยทั้งสองตามมาถึงโดยอยู่ห่างไปประมาณ 2 วา พร้อมกับใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มผู้เสียหายทันที เมื่อปรากฏว่าอาวุธปืนที่ใช้ยิงเป็นอาวุธปืนลูกซองสั้น และยิงในระยะใกล้ชิดเช่นนี้ จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่ากระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ จึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายโดยตรง มิใช่เป็นการกระทำโดยพลาด
ผู้เสียหายที่ 3 ที่ 4 เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่งเครื่องแบบถูกยิงขณะที่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 ว่าถูกคนร้ายไล่ยิง และผู้เสียหายที่ 3 กำลังสอบปากคำผู้เสียหายที่ 1 ที่ 2เพื่อติดตามจับกุมคนร้าย ถือว่าผู้เสียหายที่ 3 ที่ 4 ถูกยิงขณะปฏิบัติหน้าที่ การที่จำเลยทั้งสองไล่ตามผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2มาจนถึงที่เกิดเหตุสามารถมองเห็นผู้เสียหายที่ 3 และที่ 4 ซึ่งแต่งเครื่องแบบตำรวจได้ชัดเจน ก็ย่อมทราบได้ทันทีว่าผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 หลบหนีเพื่อมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่จำเลยทั้งสองก็ยังยิงปืนใส่กลุ่มผู้เสียหาย เป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 6 ถึงแก่ความตาย ผู้เสียหายที่ 4 และที่ 5 ได้รับอันตรายแก่กายสาหัส จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้เสียหายที่ 6 ร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหายที่ 1 ที่ 2 และที่ 5และร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหายที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานเพราะเหตุที่จะกระทำการตามหน้าที่ แต่การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท จึงต้องลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นอันเป็นบทหนัก
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานเพราะเหตุที่จะกระทำการตามหน้าที่อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(2), 80 แต่มิได้ปรับบทลงโทษมาด้วย และที่ศาลชั้นต้นลดโทษที่จะลงแก่จำเลยที่ 1 ก็มิได้ปรับบทตามมาตรา 52(1) เป็นการไม่ถูกต้องชัดแจ้ง แม้โจทก์มิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัยให้ถูกต้องได้.
ผู้เสียหายที่ 3 ที่ 4 เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่งเครื่องแบบถูกยิงขณะที่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 ว่าถูกคนร้ายไล่ยิง และผู้เสียหายที่ 3 กำลังสอบปากคำผู้เสียหายที่ 1 ที่ 2เพื่อติดตามจับกุมคนร้าย ถือว่าผู้เสียหายที่ 3 ที่ 4 ถูกยิงขณะปฏิบัติหน้าที่ การที่จำเลยทั้งสองไล่ตามผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2มาจนถึงที่เกิดเหตุสามารถมองเห็นผู้เสียหายที่ 3 และที่ 4 ซึ่งแต่งเครื่องแบบตำรวจได้ชัดเจน ก็ย่อมทราบได้ทันทีว่าผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 หลบหนีเพื่อมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่จำเลยทั้งสองก็ยังยิงปืนใส่กลุ่มผู้เสียหาย เป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 6 ถึงแก่ความตาย ผู้เสียหายที่ 4 และที่ 5 ได้รับอันตรายแก่กายสาหัส จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้เสียหายที่ 6 ร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหายที่ 1 ที่ 2 และที่ 5และร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหายที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานเพราะเหตุที่จะกระทำการตามหน้าที่ แต่การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท จึงต้องลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นอันเป็นบทหนัก
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานเพราะเหตุที่จะกระทำการตามหน้าที่อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(2), 80 แต่มิได้ปรับบทลงโทษมาด้วย และที่ศาลชั้นต้นลดโทษที่จะลงแก่จำเลยที่ 1 ก็มิได้ปรับบทตามมาตรา 52(1) เป็นการไม่ถูกต้องชัดแจ้ง แม้โจทก์มิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัยให้ถูกต้องได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4891/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงผู้อื่นหลังจากการโต้เถียง และผลกระทบของพ.ร.บ.ล้างมลทินต่อการเพิ่มโทษ
จำเลยและโจทก์ร่วมสมัครใจด่าทอซึ่งกันและกันก่อนเกิดเหตุแล้วจำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยเช่นนี้ถือไม่ได้ว่ากระทำไปเพราะบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอัน ไม่เป็นธรรม
เมื่อคดีก่อนจำเลยกระทำผิดก่อนวันที่ 5 ธันวาคม 2530และพ้นโทษไปก่อนแล้ว จำเลยย่อมได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลย เดชทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ. 2530 มาตรา 4 ถือว่าจำเลยไม่เคยถูกลงโทษในความผิดดังกล่าว จึงเพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ไม่ได้
เมื่อคดีก่อนจำเลยกระทำผิดก่อนวันที่ 5 ธันวาคม 2530และพ้นโทษไปก่อนแล้ว จำเลยย่อมได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลย เดชทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ. 2530 มาตรา 4 ถือว่าจำเลยไม่เคยถูกลงโทษในความผิดดังกล่าว จึงเพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 24/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพยายามฆ่าโดยยิง แม้ไม่มีเจตนาประสงค์ต่อความตาย แต่เล็งเห็นผลได้ ความมึนเมาไม่ใช่เหตุแก้ตัว
แม้จำเลยจะยิงผู้เสียหายโดยไม่มีเจตนาประสงค์ต่อผลคือความตายเพราะผู้เสียหายกับจำเลยเป็นเพื่อนกันและยิงในขณะที่จำเลยมึนเมาสุรา แต่การที่จำเลยยกอาวุธปืนขึ้นเล็งแล้วยิงไปที่ผู้เสียหายในระยะกระชั้นชิด จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่ากระสุนปืนที่ยิงจะต้องไปถูกผู้เสียหาย จำเลยจะอ้างความมึนเมามาเป็นข้อแก้ตัวเพื่อให้พ้นความผิดไม่ได้ จำเลยยิงผู้เสียหายในระยะใกล้ กระสุนปืนถูกที่ท้องต้องรับการรักษาโดยการผ่าตัด หากแพทย์รักษาไม่ทันผู้เสียหายอาจถึงแก่ความตายได้ เมื่อผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายจำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 24/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามฆ่า: การยิงในขณะมึนเมา เล็งเห็นผลได้ แม้ไม่มีเจตนาประสงค์ต่อชีวิต
แม้จำเลยจะยิงผู้เสียหายโดยไม่มีเจตนาประสงค์ต่อผลคือความตาย เพราะผู้เสียหายกับจำเลยเป็นเพื่อนกันและยิงในขณะที่จำเลยมึนเมาสุรา แต่การที่จำเลยยกอาวุธปืนขึ้นเล็งแล้วยิงไปที่ผู้เสียหายในระยะกระชั้นชิด จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่ากระสุนปืนที่ยิงจะต้องไปถูกผู้เสียหาย จำเลยจะอ้างความมึนเมามาเป็นข้อแก้ตัวเพื่อให้พ้นความผิดไม่ได้ จำเลยยิงผู้เสียหายในระยะใกล้ กระสุนปืนถูกที่ท้องต้องรับการรักษาโดยการผ่าตัด หากแพทย์รักษาไม่ทันผู้เสียหายอาจถึงแก่ความตายได้ เมื่อผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 70/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท กรณีร่วมกันยิงผู้เสียหายหลายคน ศาลฎีกาแก้โทษจำคุกเฉพาะความผิดฐานฆ่า
จำเลยกับพวกมีเจตนาร่วมกันมาใช้อาวุธปืนยิงนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคยะลา เพราะเหตุเคยมีเรื่องวิวาททำร้ายกับนักเรียนโรงเรียนซึ่งจำเลยกับพวกเรียนอยู่ เมื่อพบผู้ตายกับผู้เสียหายต่างแต่งกายชุดวิทยาลัยเทคนิคยะลา และยืนอยู่ใกล้กัน จึงยิงคนทั้งสองในเวลาต่อเนื่องกัน โดยไม่ปรากฏว่าพวกจำเลยที่ยิงมีเจตนายิงเฉพาะผู้ตาย แต่เพิ่มเจตนายิงผู้เสียหายอีกคนหนึ่งในภายหลังเป็นพิเศษแล้วก็ต้องฟังเป็นคุณแก่จำเลยว่า จำเลยกับพวกร่วมกระทำผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท มิใช่สองกรรมสองกระทง