คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
รถบรรทุก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 50 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2572/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้รถบรรทุกในการค้าขายและการรับจ้างบรรทุกสินค้าไม่ถือเป็นการผิดเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัย
แม้กรมธรรม์ประกันภัยจะจำกัดความรับผิดในกรณีนำรถบรรทุกที่เอาประกันภัยไปรับจ้างบรรทุกก็ตาม แต่การที่ผู้เอาประกันภัยนำรถดังกล่าวบรรทุกสินค้าของตนไปส่งลูกค้า แล้วขากลับได้รับจ้างบรรทุกสินค้าอื่นกลับเพื่อไม่ให้เสียเที่ยวและเกิดเหตุขึ้น ยังไม่พอถือว่าผู้เอาประกันภัยนำรถไปใช้ผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัย เพราะยังเป็นการใช้รถในกิจการค้าขายของผู้เอาประกันภัยซึ่งมีอาชีพค้าขายและมีรถยนต์ไว้บรรทุกสินค้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2572/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้รถบรรทุกที่เอาประกันภัยเพื่อกิจการค้าขายของผู้เอาประกันภัย แม้เป็นการบรรทุกสินค้าขากลับเพื่อไม่ให้เสียเที่ยว ก็ไม่ถือเป็นการใช้รถผิดเงื่อนไข
แม้กรมธรรม์ประกันภัยจะจำกัดความรับผิดในกรณีนำรถบรรทุกที่เอาประกันภัยไปรับจ้างบรรทุกก็ตามแต่การที่ผู้เอาประกันภัยนำรถดังกล่าวบรรทุกสินค้าของตนไปส่งลูกค้าแล้วขากลับได้รับจ้างบรรทุกสินค้าอื่นกลับเพื่อไม่ให้เสียเที่ยวและเกิดเหตุขึ้นยังไม่พอถือว่าผู้เอาประกันภัยนำรถไปใช้ผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยเพราะยังเป็นการใช้รถในกิจการค้าขายของผู้เอาประกันภัยซึ่งมีอาชีพค้าขายและมีรถยนต์ไว้บรรทุกสินค้า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2554/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบรถบรรทุกที่ใช้ขนดินลูกรังจากการขุดดินในที่ดินหวงห้าม
จำเลยขุดตักและขนดินลูกรังในที่ดินหวงห้ามของรัฐอันเป็นการทำลาย ทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ที่หิน ที่กรวดที่ทราย และเป็นอันตรายแก่ทรัพยากร ในที่ดินตามมาตรา 9(2),(3) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน รถยนต์บรรทุกที่ จำเลย ใช้ขนดินลูกรังที่ถูกขุดตักไปถือว่าเป็นยานพาหนะที่ได้ใช้เป็น อุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดดังกล่าวจึงต้องริบตาม ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108 ทวิ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2962/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดช่องทางเดินรถสำหรับรถบรรทุกและรถโดยสาร ตามมาตรา 35 พ.ร.บ.จราจรทางบก
ถนนพระราม 4 ระหว่างสี่แยกศาลาแดงกับสี่แยกวิทยุมีเกาะแบ่งทางเดินรถกลางถนน มีช่องเดินรถข้างละ 4 ช่องทาง และในแต่ละข้างมีเกาะแบ่งช่องเดินรถออกอีกเป็นข้างละ 2 ช่องทาง สำหรับ 2 ช่องทางเดินรถด้านซ้ายสุดได้จัดให้เฉพาะรถยนต์โดยสารประจำทางวิ่งในเวลาบังคับแต่นอกเวลาบังคับแล้วรถยนต์บรรทุกคนโดยสารเกินเจ็ดคน รถจักรยานยนต์ และรถบรรทุกอื่น ๆ ต้องวิ่งในช่องทางเดินรถด้านซ้ายสุดวันเกิดเหตุเป็นวันอาทิตย์ ไม่มีเวลาบังคับ จำเลยขับรถยนต์บรรทุกคนโดยสารเกินเจ็ดคน โดยจำเลยขับรถดังกล่าวในช่องทางเดินรถด้านขวามือ คือในช่องทางที่ 3 จึงเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2962/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดช่องทางเดินรถสำหรับรถบรรทุกและรถโดยสาร การขับรถในช่องทางที่ผิดตามกฎหมายจราจร
ถนนพระราม 4 ระหว่างสี่แยกศาลาแดงกับสี่แยกวิทยุมีเกาะแบ่งทางเดินรถกลางถนน มีช่องเดินรถข้างละ 4 ช่องทางและในแต่ละข้างมีเกาะแบ่งช่องเดินรถออกอีกเป็นข้างละ 2 ช่องทาง สำหรับ 2 ช่องทางเดินรถด้านซ้ายสุดได้จัดให้เฉพาะรถยนต์โดยสารประจำทางวิ่งในเวลาบังคับแต่นอกเวลาบังคับแล้วรถยนต์บรรทุกคนโดยสารเกินเจ็ดคน รถจักรยานยนต์ และรถบรรทุกอื่น ๆ ต้องวิ่งในช่องทางเดินรถด้านซ้ายสุดวันเกิดเหตุเป็นวันอาทิตย์ ไม่มีเวลาบังคับ จำเลยขับรถยนต์บรรทุกคนโดยสารเกินเจ็ดคน โดยจำเลยขับรถดังกล่าวในช่องทางเดินรถด้านขวามือ คือในช่องทางที่ 3จึงเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1292/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากรถบรรทุกหนัก: การสั่นสะเทือนสร้างความเสียหายบ้านพักอาศัย ศาลคำนวณค่าเสียหายได้ตามควร
จำเลยนำรถบรรทุกดินน้ำหนักมากผ่านหน้าบ้านโจทก์หลายเที่ยวเป็นเหตุให้บ้านโจทก์สั่นสะเทือนร้าว เป็นละเมิด ต้องใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ แม้จะนำสืบจำนวนไม่ได้ชัดแจ้ง ศาลก็คำนวณให้ได้ตาม มาตรา 438

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายจราจรและการใช้กฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลย กรณีความเร็วรถบรรทุก
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกน้ำมันด้วยอัตราความเร็ว 40-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วที่เกินกว่ากฎหมายกำหนดไว้สำหรับรถบรรทุกน้ำมันสำหรับในเขตเทศบาล (กฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 6 พ.ศ.2509 ข้อ10 ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2477)แต่ต่อมาพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 3ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2477 และได้มีกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 6 พ.ศ.2522 ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 ข้อ 1 ได้กำหนดความเร็วสำหรับรถไว้สำหรับรถบรรทุกที่มีน้ำหนักรถรวมทั้งน้ำหนักบรรทุกเกิน 1,200 กิโลกรัมหรือบรรทุกคนโดยสารให้ขับในเขตกรุงเทพมหานครเขตเมืองพัทยาหรือเขตเทศบาลไม่เกินชั่วโมงละ 60 กิโลเมตร ฯลฯ และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ได้บัญญัติว่า ถ้ากฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิดไม่ว่าในทางใด เว้นแต่คดีจะถึงที่สุดแล้ว ดังนั้นเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 มิได้ขับรถด้วยความเร็วเกินกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การขับรถของจำเลยที่ 1 จึงไม่เร็วเกินกว่ากำหนดความเร็วตามกฎหมายใหม่ซึ่งบัญญัติไว้ให้เป็นคุณแก่จำเลยที่ 1จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ขับรถโดยประมาทอันจะเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขุดหินลูกรังในเขตป่าสงวน ถือเป็นความผิดสำเร็จตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ รถบรรทุกหินลูกรังเป็นของกลางที่ต้องริบ
ขุดหินลูกรังในเขตป่าสงวนแห่งชาติบรรทุกรถยนต์ ยังไม่ได้นำออกจากป่า เป็นการทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ เป็นความผิดสำเร็จตาม พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา14,31 รถยนต์ใช้บรรทุกของป่าต้องริบตาม มาตรา35

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1946/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ขับรถบรรทุกไม่ต้องรับผิดต่ออุบัติเหตุจากรถคันอื่นที่ชนท้ายรถที่จอดอยู่ หากไม่ได้มีส่วนก่อให้เกิดเหตุ
จำเลยขับรถยนต์บรรทุกหยุดอยู่ในเส้นทางมีรถยนต์ส่วนบุคคลมาหยุดอยู่ท้ายรถยนต์บรรทุกของจำเลย ป. ขับรถยนต์โดยสารอีกคันหนึ่งฝ่าฝืนกฎหมายชนรถยนต์ส่วนบุคคลดังกล่าวอัดเข้ากับรถบรรทุกของจำเลย เป็นเหตุให้คนบนรถยนต์ส่วนบุคคลได้รับอันตรายแก่กาย ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายแก่บุคคลอื่น ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2477 มาตรา 30 ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 59 ข้อ 6 เมื่อจำเลยไม่กระทำการช่วยเหลือและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงไม่เป็นความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1946/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ขับรถบรรทุกไม่ต้องรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุจากรถคันอื่น ชนท้ายรถที่จอดอยู่ แม้มีการบาดเจ็บเกิดขึ้น
จำเลยขับรถยนต์บรรทุกหยุดอยู่ในเส้นทาง มีรถยนต์ส่วนบุคคลมาหยุดอยู่ท้ายรถยนต์บรรทุกของจำเลย ป. ขับรถยนต์โดยสารอีกคันหนึ่งฝ่าฝืนกฎหมายชนรถยนต์ส่วนบุคคลดังกล่าวอัดเข้ากับรถบรรทุกของจำเลย เป็นเหตุให้คนบนรถยนต์ส่วนบุคคลได้รับอันตรายแก่กาย ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายแก่บุคคลอื่น ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2477 มาตรา 30 ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 59 ข้อ 6 เมื่อจำเลยไม่กระทำการช่วยเหลือและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงไม่เป็นความผิด
of 5