คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
รวมพิจารณา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 57 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไขไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม ไม่รวมพิจารณาได้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารให้รื้อถอนลวดหนามที่จำเลยและบริวารได้เข้าไปครอบครองในที่ดินทางหลวง ซึ่งอยู่ในความควบคุมดูแลของโจทก์ จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ได้ขยายเขตทางหลวงรุกล้ำในที่ดินจำเลย หากศาลฟังว่าทางหลวงดังกล่าวมีการขยายเขตถูกต้องและมีแนวเขตเข้ามาในที่ดินจำเลยแล้วโจทก์ต้องใช้ค่าที่ดินและอาคารและค่ารื้อถอนให้จำเลย เป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไข ซึ่งการที่จำเลยจะต้องรื้อรั้วลวดหนามออกไปจากทางหลวงดังกล่าวและโจทก์จะต้องใช้ค่าชดเชยที่ดินแก่จำเลยหรือไม่ ยังไม่เป็นที่แน่นอนต้องรอจนศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อลวดหนามตามฟ้องเดิมก่อน ฟ้องแย้งจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4057-4062/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักวันต้องขังในคดีอาญาที่รวมพิจารณา – ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 22
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญารวมเจ็ดสำนวนศาลชั้นต้นสั่งรวมพิจารณาและพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทุกสำนวนและให้นับโทษต่อกันตามลำดับสำนวนทุกสำนวนเช่นนี้จำเลยจะขอให้ศาลหักวันต้องขังให้จำเลยในแต่ละสำนวนทั้งเจ็ดสำนวนไม่ได้เป็นการขัดกับความจริงและทำให้จำเลยได้รับโทษจำคุกไม่เป็นไปตามคำพิพากษาเพราะจำเลยถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษาตามหมายของศาลฉบับเดียวเท่านั้นและศาลชั้นต้นก็ได้ออกหมายจำคุกนับตั้งแต่วันที่จำเลยถูกคุมขังเป็นต้นไปซึ่งเท่ากับหักวันที่จำเลยถูกคุมขังออกจากระยะเวลาจำคุกตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา22แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3790/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระบุสถานที่เกิดเหตุในฟ้องอาญา และการรวมพิจารณาคดีพร้อมการนับโทษ
การระบุถึงสถานที่ที่เกิดการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) ไม่จำต้องระบุตำบลหรือแขวงของสถานที่เกิดเหตุเสมอไป เพียงแต่กล่าวไว้พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีก็เป็นการ เพียงพอแล้ว การที่โจทก์บรรยายว่าเหตุเกิดที่ธนาคาร ก. สาขาทรงวาด ถนนทรงวาดเขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร อันเป็นธนาคารตามเช็ครายพิพาทของจำเลย ดังนี้ เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว
คดี 3 สำนวน ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาเข้าด้วยกัน แต่เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นได้แยกพิพากษาเป็นรายคดี แม้โจทก์จะมิได้มีคำขอให้นับโทษต่อไว้ท้ายฟ้อง แต่โจทก์ก็ได้ยื่นคำขอให้นับโทษต่อกันทุกสำนวนไว้ก่อน ศาลพิพากษาในสำนวนคดีนี้อันเป็นสำนวนหลักของสำนวนที่มีการรวมพิจารณา และศาลชั้นต้นก็ลงโทษจำเลยทุกสำนวนที่ศาลอุทธรณ์ให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษ ในคดีอีก 2 สำนวน จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3789/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมพิจารณาคดีและการนับโทษต่อกัน แม้ไม่มีคำขอท้ายฟ้อง ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะนับโทษต่อจากคดีอื่นได้
เดิมคดีนี้และคดีอื่น ศาลชั้นต้นสั่งรวมการพิจารณาเข้าด้วยกันแต่เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นได้แยกพิพากษาเป็นรายคดีซึ่ง โจทก์ได้ยื่นคำขอให้นับโทษต่อกันทุกสำนวนไว้ก่อนศาลพิพากษาในสำนวนหลักที่มีการรวมพิจารณา และศาลชั้นต้นก็ลงโทษจำคุกจำเลยทุกสำนวน จึงชอบที่ศาลจะนับโทษจำเลยติดต่อกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3789/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมพิจารณาคดีและนับโทษต่อกัน แม้โจทก์มิได้ขอท้ายฟ้องแต่ได้ยื่นคำขอไว้ก่อนศาลพิพากษา
เดิมคดีนี้และคดีอื่น ศาลชั้นต้นสั่งรวมการพิจารณาเข้าด้วยกันแต่เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นได้แยกพิพากษาเป็นรายคดี ซึ่งโจทก์ได้ยื่นคำขอให้นับโทษต่อกันทุกสำนวนไว้ก่อนศาลพิพากษาในสำนวนหลักที่มีการรวมพิจารณา และศาลชั้นต้นก็ลงโทษจำคุกจำเลยทุกสำนวนจึงชอบที่ศาลจะนับโทษจำเลยติดต่อกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2957-2966/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่สอบถามคำให้การจำเลยในสำนวนที่ถูกรวมพิจารณาเข้าด้วยกัน ขัดต่อหลักวิธีพิจารณาคดีแรงงาน
จำเลยทั้งสิบสำนวนเป็นนิติบุคคลรายเดียวกัน ศาลสั่งรวมพิจารณาสำนวนที่ 1 ถึงสำนวนที่ 9 ซึ่งจำเลยได้ยื่นใบแต่งทนาย และคำให้การเป็นหนังสือไว้แล้ว ต่อมาศาลสั่งรวมพิจารณาสำนวนที่ 10 เข้ากับสำนวนทั้งเก้า แต่ไม่ปรากฏว่ามีใบแต่งทนายและคำให้การในสำนวนที่ 10 ซึ่งน่าจะเป็นเพราะหลงลืมหรือพลั้งเผลอ ดังนี้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 39 กำหนดให้เป็นหน้าที่ของศาลจะต้องสอบถามคำให้การด้วยวาจาของจำเลยสำนวนที่ 10 และบันทึกไว้หากจำเลยไม่ยอมให้การ ศาลไม่ปฏิบัติเกี่ยวกับจำเลยสำนวนที่ 10 ตามที่กฎหมายกำหนดหน้าที่ และสั่งสืบพยานโจทก์สำนวนที่ 10 ไปโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยสำนวนที่ 10ประสงค์จะให้การหรือไม่ จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2972/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งมีเงื่อนไข ไม่เกี่ยวพันกับฟ้องเดิม จึงไม่สามารถรวมพิจารณาได้
ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นคำฟ้องที่ขอให้บังคับโจทก์ชำระค่าปรับและใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยก็ต่อเมื่อศาลพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากอาคารพิพาทแล้ว การที่จำเลยจะต้องออกไปจากอาคารพิพาทหรือไม่ ยังไม่เป็นที่แน่นอนโดยจะต้องรอจนคำพิพากษาขับไล่จำเลยตามฟ้องเดิมเสียก่อน ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไข ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสาม และมาตรา 179 วรรคสุดท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2771/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมพิจารณาคดีระหว่างศาลพลเรือนและศาลทหารที่ไม่ชอบตามกฎหมาย และผลกระทบต่ออำนาจศาลอุทธรณ์
ศาลพลเรือนประทับฟ้องแล้วสั่งให้พิจารณารวมกับคดีของศาลทหาร และพิพากษารวมกันมา โดยมีตุลาการศาลทหารและผู้พิพากษาศาลพลเรือนชุดเดียวกันรวมสามนายเป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษา เป็นการไม่ชอบตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมว่าด้วยอำนาจศาลและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 25 เพราะคดีต่างศาลกันจะพิจารณารวมกันไม่ได้ เป็นเรื่องศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณาต้องถือว่าคดีนี้ยังไม่ได้ผ่านการพิจารณาของศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์จึงยังไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาต้องให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ให้เป็นการถูกต้องเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2771/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมพิจารณาคดีต่างศาล: ศาลพลเรือนไม่มีอำนาจพิจารณารวมกับคดีที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร
ศาลพลเรือนประทับฟ้องแล้วสั่งให้พิจารณารวมกับคดีของศาลทหาร และพิพากษารวมกันมา โดยมีตุลาการศาลทหารและผู้พิพากษาศาลพลเรือนชุดเดียวกันรวมสามนายเป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษา เป็นการไม่ชอบตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมว่าด้วยอำนาจศาลและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 25เพราะคดีต่างศาลกันจะพิจารณารวมกันไม่ได้ เป็นเรื่องศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา ต้องถือว่าคดีนี้ยังไม่ได้ผ่านการพิจารณาของศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์จึงยังไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาต้องให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ให้เป็นการถูกต้องเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3117/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมพิจารณาความผิดหลายกระทง และการยกประโยชน์ให้จำเลยเมื่อข้อเท็จจริงยังไม่ชัดเจน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนพร้อมด้วยกระสุนปืนกับลูกระเบิดไว้ในครอบครอง เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองซึ่งเป็นความผิดกระทงหนึ่งนั้น กองรวมอยู่กับลูกระเบิดอันเป็นความผิดอีกกระทงหนึ่งที่จำเลยฎีกาขึ้นมา ในเมื่อรูปคดียังเป็นที่สงสัยว่าจำเลยอาจจะมิได้มีเจตนายึดถือลูกระเบิดนั้นไว้เพื่อตน และยกประโยชน์ให้จำเลยเช่นนี้ ศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้องข้อหาฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนซึ่งเป็นกระทงความผิดที่คู่ความมิได้ฎีกาได้ด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185
of 6