คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ระงับคดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 89 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2369/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดศุลกากร: สำแดงเท็จ, หลีกเลี่ยงภาษี, อายุความ, และการระงับคดีที่ไม่เป็นผล
ความผิดตาม พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 99 เป็นเรื่องสำแดงรายการสินค้าอันเป็นเท็จ แต่ จำเลยนอกจากได้สำแดงรายการสินค้าอันเป็นเท็จแล้วยังได้ นำสินค้าที่ยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง เข้ามาในพระราชอาณาจักรอันเป็นการหลีกเลี่ยงภาษีและฉ้อภาษีของ รัฐบาล ด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม มาตรา 27 ที่แก้ไขแล้ว
จำเลยขอทำความตกลง ระงับคดีต่อ กรมศุลกากร ตาม มาตรา 102102 ทวิ อธิบดีกรมศุลกากรอนุมัติให้รับทำความตกลง ระงับคดีโดยให้จำเลยชำระค่าซื้อของกลางคืนเป็น 3 งวด งวดละหนึ่งเดือนโดย มีธนาคารเป็นผู้ค้ำประกัน แต่ จำเลยมิได้ดำเนินการตามข้อตกลง อธิบดีกรมศุลกากรจึงขอให้ดำเนินคดีแก่จำเลย เช่นนี้คดียังไม่ระงับ
อายุความตาม พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 10 เป็นอายุความในทางแพ่งเกี่ยวกับการเรียกเก็บค่าภาษีอากร ไม่ใช่อายุความการฟ้องคดีอาญา จำเลยกระทำผิดฐาน ไม่สำแดงรายการให้ตรงตาม ความจริง เป็นการหลีกเลี่ยงภาษีและฉ้อภาษีของ รัฐบาล เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2517 มีความผิดตาม มาตรา 27 ซึ่ง มีโทษปรับหรือจำคุกไม่เกินสิบปี มีอายุความ 15 ปี ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95(2) โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2527 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2369/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดศุลกากร: สำแดงเท็จ, หลีกเลี่ยงภาษี, อายุความ, การระงับคดีที่ไม่สมบูรณ์
ความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 99เป็นเรื่องสำแดงรายการสินค้าอันเป็นเท็จ แต่จำเลยนอกจากได้สำแดงรายการสินค้าอันเป็นเท็จแล้ว ยังได้นำสินค้าที่ยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในพระราชอาณาจักรอันเป็นการหลีกเลี่ยงภาษีและฉ้อภาษีของ รัฐบาล ด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 27ที่แก้ไขแล้ว จำเลยขอทำความตกลงระงับคดีต่อกรมศุลกากรตามมาตรา 102,102 ทวิอธิบดีกรมศุลกากรอนุมัติให้รับทำความตกลงระงับคดีโดยให้จำเลยชำระค่าซื้อของกลางคืนเป็น 3 งวด งวดละหนึ่งเดือน โดยมีธนาคารเป็นผู้ค้ำประกัน แต่จำเลยมิได้ดำเนินการตามข้อตกลงอธิบดีกรมศุลกากรจึงขอให้ดำเนินคดีแก่จำเลย เช่นนี้ คดียังไม่ระงับ อายุความตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 10เป็นอายุความในทางแพ่งเกี่ยวกับการเรียกเก็บค่าภาษีอากร ไม่ใช่อายุความการฟ้องคดีอาญา จำเลยกระทำผิดฐานไม่สำแดงรายการให้ตรงตามความจริง เป็นการหลีกเลี่ยงภาษีและฉ้อภาษีของ รัฐบาล เมื่อวันที่25 ตุลาคม 2517 มีความผิดตามมาตรา 27 ซึ่งมีโทษปรับหรือจำคุกไม่เกินสิบปี มีอายุความ 15 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(2) โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2527 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5345/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องอาญาและการระงับตามกฎหมาย กรณีเคยฟ้องคดีซ้ำ และความรับผิดของข้าราชการ
โจทก์บรรยายฟ้องถึงตำแหน่งและหน้าที่ของจำเลยทั้งห้าตลอดจนการกระทำทั้งหลายว่าเป็นการมิชอบด้วยหน้าที่ไว้โดยละเอียดแสดงถึงการกระทำทั้งหลายซึ่งอ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ที่เกิดการกระทำนั้น ๆ เพียงพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องได้ความว่า การกระทำของจำเลยที่ 1และที่ 3 ซึ่งเป็นการกระทำเดียวกันกับในคดีนี้ โจทก์เคยฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 3 เป็นจำเลยในข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4) โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 3 ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 4 และที่ 5 ได้ความเพียงว่า ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ ทั้งโจทก์ไม่ได้ยืนยันว่าจำเลยที่ 2 ที่ 4 และที่ 5ได้กระทำการใดเพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายอันจะเป็นความผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้าง คดีของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ที่ 4 และที่ 5 จึงไม่มีมูล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3271/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับคดีอาญาเมื่อจำเลยถึงแก่ความตาย และผลกระทบต่อคำขอเรียกค่าเสียหาย
ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานรับของโจรและมีคำขอให้จำเลยคืนทรัพย์สินหรือใช้ ราคาแทนผู้เสียหายด้วย แม้ผู้เสียหายจะเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการก็ตามเมื่อจำเลยถึงแก่ความตาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์และโจทก์ร่วมย่อมระงับไป และคำขอให้คืนทรัพย์สินหรือใช้ราคาย่อมตกไปด้วย จึงต้องจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 925/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความภาษีอากร: การเจรจาเพื่อระงับคดีไม่ถือเป็นการยอมรับหนี้ หากเงื่อนไขไม่สำเร็จ
การที่จำเลยมีหนังสือถึงโจทก์ในระหว่างที่จำเลยกำลังถูกดำเนินคดีอาญา "...บริษัท ฯ มีความประสงค์จะขอทำความตกลงเพื่อให้กรม ฯ ระงับคดีในชั้นศุลกากรโดยยอมชำระภาษีอากรที่ขาด..." และยังมีข้อความที่จำเลยขอลดหย่อนเบี้ยปรับและเงินเพิ่มอยู่ด้วยนั้น มีความหมายว่า จำเลยจะยอมชำระค่าภาษีอากรที่ขาดโดยขอลดหย่อนเบี้ยปรับและเงินเพิ่มก็เพื่อที่จะขอให้โจทก์ระงับคดีในชั้นศุลกากร โดยมีเงื่อนไขเป็นเงื่อนไขบังคับก่อนว่าหากโจทก์ยอมระงับคดีในชั้นศุลกากรแล้ว จำเลยก็จะยอมชำระค่าภาษีอากรที่ขาดให้โจทก์ ฉะนั้นเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ยังยืนยันให้ดำเนินคดีกับจำเลยต่อไป เงื่อนไขบังคับก่อนจึงยังไม่สำเร็จความยินยอมชำระภาษีอากรที่ขาดจึงยังไม่เกิดขึ้น จำเลยจึงยังมิได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 192.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 925/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความภาษีอากร: การเจรจาระงับคดีและการละเสียซึ่งสิทธิเรียกร้อง
เมื่อพ้นกำหนด 10 ปี นับจากวันที่จำเลยนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรแล้ว แต่อยู่ในระหว่างที่จำเลยถูกดำเนินคดีอาญาข้อหาสำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงอากร บริษัทจำเลยมีหนังสือถึงกรมศุลกากรโจทก์ ความว่า '...บริษัท ฯ มีความประสงค์จะขอทำความตกลงเพื่อให้กรม ฯ ระงับคดีในชั้นศุลกากรโดยยอมชำระภาษีอากรที่ขาด ...' ข้อความดังกล่าวมีความหมายเป็นเงื่อนไขบังคับก่อนว่าหากโจทก์ยอมระงับคดีในชั้นศุลกากรแล้วจำเลยก็จะยอมชำระค่าภาษีอากรที่ขาดให้โจทก์ เมื่อโจทก์ยืนยันให้ดำเนินคดีกับจำเลย เงื่อนไขบังคับก่อนจึงยังไม่สำเร็จ ความยินยอมชำระค่าภาษีอากรที่ขาดยังไม่เกิดขึ้น จำเลยจึงยังมิได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 192 คดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1444/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราต่างสถานที่และเวลา ไม่ถือเป็นการโทรมหญิง สิทธิถอนฟ้องระงับคดี
ครั้งแรกผู้เสียหายถูกพวกของจำเลยข่มขืนกระทำชำเราในสวนปาล์มโดยจำเลยมิได้อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย หลังจากผู้เสียหายนุ่งกางเกง และเดินมาถึงถนนข้างสวนปาล์มจึงพบกับจำเลย จำเลยได้กอดและลากพาตัวผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเราที่ข้างจอมปลวกใหญ่ในป่าหญ้าคาดังนี้ จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายต่างสถานที่ ต่างเวลาและขาดตอนจากการที่พวกของจำเลยกระทำในครั้งแรก จึงหาใช่เป็นการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงตาม ป.อ. มาตรา 276 วรรคสองไม่ คงเป็นความผิดตามมาตรา 276 วรรคหนึ่งและมาตรา 278 เท่านั้น จำเลยกระทำผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราและกระทำอนาจารโดยไม่ปรากฏว่ามีเหตุใด เหตุหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 281 จึงเป็นความผิดอันยอมความได้ผู้เสียหายมีสิทธิถอน คำร้องทุกข์ได้ก่อนคดีถึงที่สุด เมื่อผู้เสียหายถอน คำร้องทุกข์ในขณะคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาเช่นนี้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจึงระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39(2)คำพิพากษาของศาลล่างย่อมระงับไปในตัวไม่มีผลบังคับอีกต่อไป ศาลฎีกาต้องจำหน่ายคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1444/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราต่างสถานที่และเวลา ไม่ถือเป็นการโทรมหญิง ผู้เสียหายถอนฟ้องคดีระงับ
ครั้งแรกผู้เสียหายถูกพวกของจำเลยข่มขืนกระทำชำเราในสวนปาล์มโดยจำเลยมิได้อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย หลังจากผู้เสียหายนุ่งกางเกงและเดินมาถึงถนนข้างสวนปาล์มจึงพบกับจำเลย จำเลยได้กอดและลากพาตัวผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเราที่ข้างจอมปลวกใหญ่ในป่าหญ้าคา ดังนี้จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายต่างสถานที่ ต่างเวลาและขาดตอนจากการที่พวกของจำเลยกระทำในครั้งแรก จึงหาใช่เป็นการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ตาม ป.อ.มาตรา 276 วรรคสองไม่ คงเป็นความผิดตามมาตรา276 วรรคหนึ่งและ มาตรา 278 เท่านั้น
จำเลยกระทำผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราและกระทำอนาจารโดยไม่ปรากฏว่ามีเหตุใดเหตุหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 281 จึงเป็นความผิดอันยอมความได้ ผู้เสียหายมีสิทธิถอนคำร้องทุกข์ได้ก่อนคดีถึงที่สุด เมื่อผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ในขณะคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาเช่นนี้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจึงระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39(2) คำพิพากษาของศาลล่างย่อมระงับไปในตัวไม่มีผลบังคับอีกต่อไป ศาลฎีกาต้องจำหน่ายคดี.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2324/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับคดีอาญาเนื่องจากการเสียชีวิตของจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา ในระหว่างที่ศาลชั้นต้นส่งสำเนาฎีกาให้จำเลย ปรากฏว่าจำเลยถึงแก่ความตาย ดังนี้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (1) ศาลฎีกามีคำสั่งให้จำหน่ายคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2324/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับคดีอาญาเนื่องจากจำเลยเสียชีวิตระหว่างการพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์ฎีกาในระหว่างที่ศาลชั้นต้นส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยปรากฏว่าจำเลยถึงแก่ความตายดังนี้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(1)ศาลฎีกามีคำสั่งให้จำหน่ายคดี.
of 9