คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
รับของโจร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 644 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8481/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร: การพิสูจน์เจตนาผู้รับซื้อว่ารู้หรือน่ารู้ว่าเป็นของผิดกฎหมาย
แม้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามจะเคยมีความเห็นว่าไม่ควรดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสี่ แต่ความเห็นของพนักงานสอบสวนกองปราบปรามดังกล่าวยังไม่มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145 และมาตรา 146 ดังนั้น จึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 147 ที่ห้ามมิให้มีการสอบสวนเกี่ยวกับบุคคลนั้นในเรื่องเดียวกันนั้นอีก
จำเลยที่ 4 มีอาชีพเป็นพ่อค้าขายเครื่องประดับประเภทเพชร พลอย เงิน ทอง นาก และนาฬิกา ได้รับใบอนุญาตให้ค้าของเก่าจำเลยที่ 4 ซื้อทรัพย์สินของกลางทั้ง 16 รายการมาจากจำเลยที่ 3เป็นมูลค่านับสิบล้านบาท แสดงว่าจำเลยที่ 4 ย่อมทราบดีว่าทรัพย์สินของกลางทั้ง 16 รายการเป็นทรัพย์สินที่มีราคาสูงและหาซื้อไม่ได้ในท้องตลาดทั่วไป และย่อมทราบดีว่าทรัพย์สินของกลางได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย พฤติการณ์น่าเชื่อว่าจำเลยที่ 4 ทราบว่าทรัพย์สินของกลางเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7296/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจรคดีเดียว แม้ผู้เสียหายต่างกัน สิทธิฟ้องระงับตามมาตรา 39(4) วิ.อาญา
เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยและ บ. ได้พร้อมกันขณะที่จำเลยขับรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน เชียงใหม่ 1 ก -3620 และ บ. ขับรถจักรยานยนต์ของกลางคดีนี้และยึดรถจักรยานยนต์ทั้งสองคันไว้เป็นของกลาง โดยที่โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าจำเลยรับรถจักรยานยนต์ของกลางคดีนี้ไว้คนละคราวกับที่รับรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียนเชียงใหม่ 1 ก -3620 จึงต้องฟังว่าจำเลยได้รับรถจักรยานยนต์ของกลางทั้งสองคันไว้ในคราวเดียวกันซึ่งเป็นการกระทำความผิดฐานรับของโจรกรรมเดียว แต่โจทก์ได้แยกฟ้องจำเลยเป็นสองคดีตามจำนวนผู้เสียหายเมื่อจำเลยถูกฟ้องและศาลมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจรในคดีก่อนไปแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะนำคดีมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานรับของโจรเป็นคดีนี้อีก เพราะเป็นความผิดกรรมเดียวกันกับคดีดังกล่าว สิทธิที่โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยสำหรับความผิดฐานรับของโจรนั้นเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร - ลักทรัพย์ - ตัวการร่วม - อำนาจศาล - แก้ไขบท - จำเลยไม่ฎีกา
ในคืนเกิดเหตุจำเลยที่ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 พาเอาไปเสียซึ่งรองเท้าของกลางที่จำเลยที่ 1 ลักเอามาซุกซ่อนไว้ข้างโกดังเก็บสินค้าในโรงงานของผู้เสียหายแล้วนำไปเก็บไว้ที่บ้านของจำเลยที่ 3 เพื่อแบ่งปันกันในภายหลัง ทั้งนี้โดยจำเลยที่ 3 รู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยที่ 3 จึงมีความผิดฐานเป็นตัวการรับของโจร ตาม ป.อ. มาตรา 357 วรรคแรก แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 3 โดยไม่ปรับบทมาตรา 83 มานั้น ไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขปรับบทลงโทษจำเลยที่ 3 เสียใหม่ให้ถูกต้อง ปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ทั้งเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาแก้ไขปรับบทตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วย
คดีในส่วนของจำเลยที่ 1 แม้คู่ความจะมิได้อุทธรณ์และฎีกาขึ้นมา แต่เมื่อข้อเท็จจริงแห่งคดีฟังเป็นที่ยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 มิได้เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 ลักทรัพย์รองเท้าของกลางด้วย ซึ่งเท่ากับว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างในเวลากลางคืนตามลำพัง การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 335 (7) และ มาตรา 83 อีก ปัญหาข้อนี้แม้ศาลอุทธรณ์จะมิได้ยกขึ้นวินิจฉัยและพิพากษาแก้ไขให้ถูกต้อง ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและพิพากษาให้จำเลยที่ 1 พ้นจากความผิดตามบทมาตราดังกล่าวได้ ทั้งนี้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 215 และมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5248/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: การโต้แย้งดุลพินิจศาลอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความผิดฐานรับของโจร
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานรับของโจร จำคุก 6 เดือนโจทก์และจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ จำคุก 3 ปี โดยพิพากษาแก้เฉพาะอัตราโทษ ส่วนบทลงโทษคงลงโทษฐานรับของโจรตามเดิม เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่ได้กระทำความผิดฐานรับของโจร และศาลอุทธรณ์ไม่ควรเพิ่มโทษจำคุกจำเลย 3 ปี เป็นการโต้เถียงดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐานและการกำหนดโทษของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร: แม้ไม่พบหลักฐานการลักทรัพย์ แต่การครอบครองทรัพย์ที่ได้จากการลักทรัพย์โดยรู้ว่าเป็นของผิดกฎหมายเข้าข่ายความผิดฐานรับของโจร
จำเลยกับ ว. ซึ่งเป็นพนักงานของห้างผู้เสียหาย ได้ถือกระเช้าของขวัญของห้างผู้เสียหายคนละ 2 กระเช้า เดินข้ามถนนหน้าห้างผู้เสียหาย เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจเห็นพิรุธจึงได้เข้าไปสอบถาม ระหว่างนั้น ว. วิ่งหลบหนีไป ส่วนจำเลยให้การยอมรับว่า จำเลยได้ลักมาจากห้างผู้เสียหาย เจ้าพนักงานตำรวจได้จับกุมจำเลย โดยแจ้งข้อหาว่าลักทรัพย์ในเวลากลางคืนและทำบันทึกการจับกุมว่าจำเลยให้การรับสารภาพแต่บันทึกการจับกุมไม่มีรายละเอียดว่าจำเลยลักกระเป๋าของขวัญมาอย่างไร ทั้งในวันเดียวกันนั้นจำเลยให้การปฏิเสธต่อพนักงานสอบสวนและได้ความจากหัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยว่า เมื่อได้สำรวจห้างปรากฏว่าไม่มีรอยงัดแงะ ย่อมแสดงว่ากระเช้าของขวัญของกลางที่คนร้ายลักมาจากห้างผู้เสียหายต้องนำออกมาก่อนห้างฯปิด ดังนั้นเวลาที่กระเช้าของขวัญของกลางถูกลักไปน่าจะก่อนเวลาที่เจ้าพนักงานตำรวจพบจำเลยกับ ว. จึงยังฟังไม่ได้แน่ชัดว่า จำเลยเป็นผู้ลักกระเช้าของขวัญ แต่พฤติการณ์ที่จำเลยกับ ว. ถือกระเช้าของขวัญของกลางที่ถูกคนร้ายลักไปจากห้างผู้เสียหายในเวลาดึกดื่นและอ้างต่อเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมจำเลยว่าเป็นสิ่งของที่จำเลยได้มาจากการจับสลากของขวัญโดยไม่มีการจับสลากของขวัญที่ห้างผู้เสียหาย แสดงให้เห็นว่าจำเลยได้รู้อยู่ว่ากระเช้าของขวัญของกลางเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมา การกระทำของจำเลยจึงเป็นการช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งทรัพย์อันได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ จึงเป็นความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2923/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร: โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าจำเลยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด
ในคดีความผิดฐานรับของโจรนั้น โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่าจำเลยรับจำนำรถจักรยานยนต์ของกลางไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ใช่ว่าเมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองรถจักรยานยนต์ของกลางแล้วจำเลยต้องนำสืบแก้ตัวว่าตนไม่รู้ว่าเป็นของที่ได้มาจากการกระทำความผิด เมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยรับจำนำรถจักรยานยนต์ของกลางโดยรู้ว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ พยานโจทก์จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจร ลำพังคำรับสารภาพชั้นจับกุม แต่จำเลยให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาคดี จะนำมาฟังลงโทษจำเลยว่ากระทำความผิดฐานรับของโจรหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2370/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องรับของโจรต้องเกิดหลังการลักทรัพย์ หากฟ้องก่อนเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบ
คำฟ้องข้อ 1.6 เกี่ยวกับความผิดฐานลักทรัพย์ โจทก์บรรยายว่าเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2542 เวลากลางวัน คนร้ายได้บังอาจลักทรัพย์ของผู้เสียหายไป แต่ในคำฟ้องข้อ 2.3 เกี่ยวกับความผิดฐานรับของโจรกลับบรรยายว่า เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2542 จำเลยทั้งสองได้บังอาจร่วมกันรับของโจรทรัพย์ตามข้อ 1.6 ที่มีคนร้ายลักไป แต่ความผิดฐานรับของโจรเป็นความผิดที่ต้องเกิดขึ้นหลังจากมีการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์เกิดขึ้นแล้ว เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่า การกระทำความผิดฐานรับของโจรก่อนย่อมเป็นคำฟ้องที่ขัดต่อสภาพและลักษณะของการกระทำความผิด จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 ไม่อาจพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานรับของโจรได้ และเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้ฎีกาด้วยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225 ประกอบด้วยมาตรา 213

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 624/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานแวดล้อมประกอบคำรับสารภาพรับของโจร เพียงพอรับฟังความผิด
แม้สิบตำรวจตรี ว.เบิกความในชั้นศาลว่า ชั้นจับกุมจำเลยให้การรับสารภาพฐานลักทรัพย์ แต่ในบันทึกการจับกุม ปรากฏว่าจำเลยให้การรับสารภาพฐานรับของโจรก็ตาม ข้อแตกต่างดังกล่าวหาใช่ข้อสาระสำคัญแห่งคดีไม่
เวลาเกิดเหตุมีคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปแม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานยืนยันว่า จำเลยที่ 3 นำรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปขายให้จำเลยที่ 2 ก็ตาม แต่จากพยานแวดล้อมกรณีที่โจทก์นำสืบ คือสิบตำรวจตรี ว.ผู้สืบสวนจับกุมจำเลยที่ 1 ได้พร้อมรถจักรยานยนต์ของกลางของผู้เสียหายที่ถูกแปลงสภาพให้ผิดไปจากเดิมที่บ้านจำเลยที่ 1 เมื่อทราบจากจำเลยที่ 1 ว่ารับซื้อรถของกลางจากจำเลยที่ 2 สิบตำรวจตรี ว.ก็ติดตามจับกุมจำเลยที่ 2 ได้จำเลยที่ 2 ให้การว่ารับซื้อรถของกลางมาจากจำเลยที่ 3 และเมื่อสิบตำรวจตรี ว.ตามไปจับกุมจำเลยที่ 3 ได้ จำเลยที่ 3 ก็ยอมรับสารภาพอีกว่ารับซื้อรถของกลางมาจากผู้มีชื่อ จึงเห็นได้ว่า การที่สิบตำรวจตรี ว.สามารถติดตามจับกุมจำเลยทั้งสามได้พร้อมรถจักรยานยนต์ของกลาง นอกจากจะอาศัยข้อมูลจากการสืบสวนทางหนึ่งแล้วยังได้อาศัยข้อมูลจากจำเลยแต่ละคนเป็นอย่างมากอีกต่างหาก พยานโจทก์จึงไม่ใช่มีเพียงคำรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 3 เท่านั้น แต่ยังมีคำเบิกความของสิบตำรวจตรี ว.มาประกอบคำรับสารภาพของจำเลยที่ 3 อีกด้วยจึงเป็นพยานหลักฐานเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้กระทำความผิดฐานรับของโจรรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 624/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร: พยานแวดล้อมเชื่อมโยงคำรับสารภาพ เชื่อถือได้ แม้รายละเอียดบางส่วนขัดแย้ง
แม้สิบตำรวจตรี ว. เบิกความในชั้นศาลว่า ชั้นจับกุมจำเลยให้การรับสารภาพฐานลักทรัพย์ แต่ในบันทึกการจับกุม ปรากฏว่าจำเลยให้การรับสารภาพฐานรับของโจรก็ตาม ข้อแตกต่างดังกล่าวหาใช่ข้อสาระสำคัญแห่งคดีไม่
เวลาเกิดเหตุมีคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปแม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานยืนยันว่า จำเลยที่ 3 นำรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปขายให้จำเลยที่ 2 ก็ตาม แต่จากพยานแวดล้อมกรณีที่โจทก์นำสืบ คือสิบตำรวจตรี ว.ผู้สืบสวนจับกุมจำเลยที่ 1 ได้พร้อมรถจักรยานยนต์ของกลางของผู้เสียหายที่ถูกแปลงสภาพให้ผิดไปจากเดิมที่บ้านจำเลยที่ 1 เมื่อทราบจากจำเลยที่ 1 ว่ารับซื้อรถของกลางจากจำเลยที่ 2 สิบตำรวจตรี ว. ก็ติดตามจับกุมจำเลยที่ 2 ได้ จำเลยที่ 2 ให้การว่ารับซื้อรถของกลางมาจากจำเลยที่ 3 และเมื่อสิบตำรวจตรี ว.ตามไปจับกุมจำเลยที่ 3 ได้จำเลยที่ 3 ก็ยอมรับสารภาพอีกว่ารับซื้อรถของกลางมาจากผู้มีชื่อ จึงเห็นได้ว่าการที่สิบตำรวจตรี ว. สามารถติดตามจับกุมจำเลยทั้งสามได้พร้อมรถจักรยานยนต์ของกลาง นอกจากจะอาศัยข้อมูลการสืบสวนทางหนึ่งแล้วยังได้อาศัยข้อมูลจากจำเลยแต่ละคนเป็นอย่างมากอีกต่างหาก พยานโจทก์จึงไม่ใช่มีเพียงคำรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 3 เท่านั้นแต่ยังมีคำเบิกความของสิบตำรวจตรี ว.มาประกอบคำรับสารภาพของจำเลยที่ 3 อีกด้วยจึงเป็นพยานหลักฐานเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 3ได้กระทำความผิดฐานรับของโจรรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5435/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่การพิสูจน์ความผิดฐานรับของโจร โจทก์ต้องพิสูจน์จำเลยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด
ในคดีความผิดฐานรับของโจร โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่า จำเลยรับรถจักรยานยนต์ของกลางไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจาก การกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ใช่ว่าเมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครอง รถจักรยานยนต์ของกลางนั้นจำเลยก็ต้องนำสืบว่าตนไม่รู้ว่าเป็นของ ที่ได้มาจากการกระทำความผิด
of 65