คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
รับฟัง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 190 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2073/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้ยืมเงินต้องปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ จึงใช้เป็นหลักฐานในคดีแพ่งได้ หากไม่มีหลักฐานการปิดแสตมป์ที่น่าพอใจ ศาลไม่รับฟัง
โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานแสดงให้เป็นที่พอใจว่าต้นฉบับเอกสารสัญญากู้ยืมเงินได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้วศาลจึงรับฟังคู่ฉบับเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้และเมื่อโจทก์มิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญโจทก์จึงฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา653วรรคหนึ่งแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 850/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานในคดีข่มขืน - เชื่อได้ว่าจำเลยกระทำผิดแม้ผู้เสียหายไม่เบิกความ
แม้โจทก์ไม่ได้ผู้เสียหายและนางสาว ล. มาเบิกความเป็นพยานแต่โจทก์มีสิบตำรวจโท ค. กับร้อยตำรวจเอก ส. พยานโจทก์มาเบิกความประกอบบันทึกคำให้การของผู้เสียหายและนางสาว ล.ที่ร้อยตำรวจเอก ส. พนักงานสอบสวนบันทึกและเบิกความรับรองไว้เชื่อว่าเป็นความจริงเพราะหากไม่เป็นความจริงแล้วผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กสาวย่อมละอายต่อการถูกข่มขืนคงไม่กล้าให้การต่อพนักงานสอบสวนเช่นนั้นเมื่อนำบันทึกคำให้การดังกล่าวมาประกอบคำเบิกความของสิบตำรวจโท ค. กับร้อยตำรวจเอก ส. ว่าชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพแล้วเชื่อว่าจำเลยได้ร่วมกับพวกข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5963/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานและเอกสาร การบุกรุกที่ดิน และการชดใช้ค่าเสียหาย
ว. พยานโจทก์มิใช่เป็นเพียงผู้ที่ได้รับคำบอกกล่าวจากเรือเอก ป. พยานจำเลย แต่ยังรู้เห็นข้อเท็จจริงและเหตุการณ์ต่าง ๆ จากบุคคลและสิ่งของวัสดุก่อสร้างที่มีผู้บุกรุกเข้าไปใช้ประโยชน์ในที่ดินของโจทก์ ถือว่าเป็นประจักษ์พยานเมื่อเบิกความอย่างสมเหตุผลจึงรับฟังได้ การส่งเอกสารโดยวิธีโทรสารเป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันทั่วไปว่าผู้ส่งจะนำต้นฉบับของเอกสารไปลงในเครื่องโทรสารแล้วส่งโดยวิธีโทรสารไปยังเครื่องโทรสารของผู้รับ ฉะนั้นผู้ส่งจะเป็นผู้เก็บต้นฉบับไว้ ว.เบิกความว่าเอกสารหมาย จ.4 เป็นโทรสารที่เรือเอก ป.เป็นผู้ส่งมาให้ อ. พยานโจทก์อีกปากหนึ่งและเรือเอก ป.ก็เบิกความยอมรับว่าข้อความที่เขียนและลายมือชื่อเป็นของตนจริง อีกทั้ง ธ. ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทจำเลยก็เบิกความยอมรับว่า เครื่องโทรสารที่ใช้โทรสารไปถึง อ. นั้นเป็นของจำเลยจริง และไม่ปฏิเสธว่าเรือเอก ป. ไม่ได้ส่งโทรสารไปยัง อ. ดังที่โจทก์นำสืบ และในชั้นพิจารณาจำเลยก็ไม่ได้โต้แย้งคัดค้านหรือนำสืบหักล้างแต่อย่างใด ถือว่าจำเลยยอมรับความถูกต้องแล้วจึงรับฟังเอกสารหมาย จ.4 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2459/2539 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังเอกสารแทนต้นฉบับเมื่อจำเลยไม่ได้โต้แย้งการปลอมแปลงหรือความไม่ถูกต้อง
จำเลยเพียงแต่โต้แย้งไว้ในคำให้การว่า เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 5(เอกสารหมาย จ.6) เป็นเอกสารที่โจทก์ทำขึ้นฝ่ายเดียว จำเลยไม่ขอรับรอง จำเลยหาได้โต้แย้งคัดค้านว่าเอกสารดังกล่าวไม่มีต้นฉบับหรือต้นฉบับนั้นปลอมทั้งฉบับหรือบางส่วนหรือสำเนานั้นไม่ถูกต้องกับต้นฉบับอย่างหนึ่งอย่างใด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 125 เดิม จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้คัดค้านเอกสารหมาย จ.6 ไว้แล้ว ศาลย่อมมีอำนาจรับฟังเอกสารหมาย จ.6 แทนต้นฉบับได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2459/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังเอกสารแทนต้นฉบับ: จำเลยต้องโต้แย้งความไม่ถูกต้องของเอกสารอย่างชัดเจนจึงจะคัดค้านได้
จำเลยเพียงแต่โต้แย้งไว้ในคำให้การว่าเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข5(เอกสารหมายจ.6)เป็นเอกสารที่โจทก์ทำขึ้นฝ่ายเดียวจำเลยไม่ขอรับรองจำเลยหาได้โต้แย้งคัดค้านว่าเอกสารดังกล่าวไม่มีต้นฉบับหรือต้นฉบับนั้นปลอมทั้งฉบับหรือบางส่วนหรือสำเนานั้นไม่ถูกต้องกับต้นฉบับอย่างหนึ่งอย่างใดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา125เดิมจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้คัดค้านเอกสารหมายจ.6ไว้แล้วศาลย่อมมีอำนาจรับฟังเอกสารหมายจ.6แทนต้นฉบับได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา93

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2459/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังเอกสารแทนต้นฉบับ: จำเลยต้องโต้แย้งการไม่มีอยู่จริงหรือความไม่ถูกต้องของเอกสาร
จำเลยเพียงแต่โต้แย้งไว้ในคำให้การว่าเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข5(เอกสารหมายจ.6)เป็นเอกสารที่โจทก์ทำขึ้นฝ่ายเดียวจำเลยไม่ขอรับรองจำเลยหาได้โต้แย้งคัดค้านว่าเอกสารดังกล่าวไม่มีต้นฉบับหรือต้นฉบับนั้นปลอมทั้งฉบับหรือบางส่วนหรือสำเนานั้นไม่ถูกต้องกับต้นฉบับอย่างหนึ่งอย่างใดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา125เดิมจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้คัดค้านเอกสารหมายจ.6ไว้แล้วศาลย่อมมีอำนาจรับฟังเอกสารหมายจ.6แทนต้นฉบับได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา93

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2257/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารสำเนาจากไมโครฟิล์มที่ไม่สามารถแสดงต้นฉบับได้ ไม่อาจนำสืบได้ตามกฎหมาย
บันทึกรายการขายและใบแจ้งยอดหนี้อันเกิดจากการใช้บัตรเครดิตของธนาคารโจทก์เป็นภาพถ่ายสำเนาเอกสารจากไมโครฟิล์ม ซึ่งต้นฉบับอยู่ที่โจทก์และไม่ปรากฏว่าต้นฉบับเอกสารได้สูญหาย ถูกทำลายโดยเหตุสุดวิสัยหรือไม่สามารถนำต้นฉบับมาได้โดยประการอื่น จึงต้องห้ามมิให้รับฟังเอกสารดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 93

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1033/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานจากเอกสารสำเนา กรณีจำเลยโต้แย้งความแท้จริงของเอกสารต้นฉบับ
จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่า สำเนาใบบันทึกการใช้บัตรหรือใบบันทึกค่าสินค้าและบริการเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 8 และ 9 เป็นเอกสารปลอม จึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสองได้คัดค้านการนำเอกสารนั้นมาสืบโดยเหตุที่ว่าต้นฉบับปลอมทั้งฉบับก่อนวันสืบพยานตาม ป.วิ.พ. มาตรา 125 วรรคสอง แล้วและมีสิทธิคัดค้านการมีอยู่และความแท้จริงของเอกสารนั้นหรือความถูกต้องแห่งสำเนาเอกสารนั้นได้
เมื่อจำเลยที่ 1 ใช้บัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสของโจทก์แทนเงินสดในการชำระค่าสินค้าและบริการแต่ละครั้งจะมีการทำเอกสารชุดละ3 แผ่น ร้านค้าเก็บไว้ 1 แผ่น มอบให้จำเลยที่ 1 เก็บไว้ 1 แผ่น และส่งมาเรียกเก็บเงินจากโจทก์ 1 แผ่น ซึ่งโจทก์จะนำไปถ่ายเป็นไมโครฟิล์มไว้แล้วส่งหลักฐานที่ร้านค้าส่งมาให้โจทก์ไปเรียกเก็บเงินจากจำเลยที่ 1 พร้อมใบแจ้งหนี้ จึงไม่มีต้นฉบับหรือสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรดังกล่าวอยู่ที่โจทก์เมื่อโจทก์อ้างว่าต้นฉบับใบบันทึกการใช้บัตรอยู่ที่จำเลยทั้งสอง แต่จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรหรือใบบันทึกค่าสินค้าและบริการเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 9 ซึ่งตรงกับสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรเอกสารหมาย จ.8 เป็นเอกสารปลอม จึงเท่ากับว่าจำเลยทั้งสองไม่รับว่าต้นฉบับใบบันทึกการใช้บัตรหรือใบบันทึกค่าสินค้าและบริการดังกล่าวอยู่ที่จำเลยทั้งสอง ถือได้ว่าเป็นกรณีที่โจทก์ไม่สามารถนำต้นฉบับเอกสารใบบันทึกค่าสินค้าและบริการมาได้ เมื่อเอกสารหมาย จ.8 เป็นสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรเป็นค่าสินค้าและบริการซึ่งเป็นภาพถ่ายจากไมโครฟิล์มที่โจทก์ถ่ายจากสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรเป็นค่าสินค้าและบริการของจำเลยที่ 1 ที่ร้านค้าส่งไปเรียกเก็บเงินจากโจทก์ เอกสารหมาย จ. 8 จึงเป็นสำเนาที่ถูกต้องของต้นฉบับเอกสาร ศาลมีอำนาจรับฟังเอกสารหมาย จ.8 ซึ่งเป็นสำเนาเอกสารเป็นพยานหลักฐานได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 93 (2)
จำเลยทั้งสองได้รับสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรเป็นค่าสินค้าและบริการของจำเลยที่ 2 และสำเนาใบบันทึกการเบิกเงินสดของจำเลยที่ 2 พร้อมกับฟ้องแล้ว แต่จำเลยทั้งสองไม่ได้โต้แย้งคัดค้านการนำเอกสารมาสืบก่อนวันสืบพยานโดยเหตุว่าไม่มีต้นฉบับ หรือต้นฉบับนั้นปลอมทั้งฉบับหรือบางส่วน หรือสำเนานั้นไม่ถูกต้องกับต้นฉบับ และไม่ได้ขออนุญาตคัดค้านในภายหลังก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา จึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ยอมรับถึงการมีอยู่ของต้นฉบับและความแท้จริงของต้นฉบับเอกสารนั้น รวมทั้งยอมรับว่าสำเนานั้นตรงกับต้นฉบับตาม ป.วิ.พ. มาตรา 125 แล้ว ศาลจึงมีอำนาจรับฟังสำเนาเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานแทนต้นฉบับได้ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 93 (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7795/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานและการตีความอำนาจปกครองในคดีอาญา
โจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายซึ่งเป็นประจักษ์พยานมาเบิกความคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายเป็นพยานบอกเล่าจะรับฟังดังเช่นคำเบิกความของพยานในชั้นพิจารณาหาได้ไม่ แต่อาจรับฟังว่าผู้เสียหายได้ให้การเช่นนั้นไว้ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อวิเคราะห์สอดส่องถึงข้อเท็จจริงในคดีได้ เมื่อไม่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนบันทึกคำให้การของผู้เสียหายไว้โดยไม่ถูกต้อง และคำให้การของผู้รู้เห็นเหตุการณ์ในชั้นสอบสวนก็ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้รับฟังประกอบพยานอื่นดังนั้น ศาลพิจารณาคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายซึ่งเป็นประจักษ์พยานประกอบพยานหลักฐานอื่นลงโทษจำเลยได้
คำว่า "ผู้อยู่ในความปกครอง" ตาม ป.อ. มาตรา 285ต้องตีความโดยเคร่งครัด จำเลยมิใช่บิดาของผู้เสียหาย ผู้เสียหายเป็นเพียงบุตรติดนาง ป.มา แล้วนาง ป.อยู่กินเป็นสามีภริยากับจำเลย อำนาจปกครองของผู้เสียหายจึงตกแก่นาง ป. ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1568 จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษหนักขึ้นตาม ป.อ. มาตรา 285

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7017/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังเอกสารประกอบคำเบิกความ แม้จำเลยมิได้ถามค้านพยานโจทก์
ป.วิ.พ. มาตรา 89 วรรคสอง
แม้จำเลยผู้มีหน้าที่นำสืบภายหลังมิได้ถามค้านตัวโจทก์ที่นำสืบก่อนเกี่ยวกับบันทึกถ้อยคำ (ท.ด.16) ไว้ขณะที่โจทก์เบิกความเป็นพยานก็ตาม แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้คัดค้านเสียในขณะที่จำเลยอ้างส่งเอกสารดังกล่าวประกอบคำเบิกความจำเลย จึงไม่ต้องห้ามรับฟังเอกสารนั้น
of 19