พบผลลัพธ์ทั้งหมด 69 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1691/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถยนต์บรรทุกที่ใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา แม้กฎหมายเฉพาะไม่ได้บัญญัติการริบไว้
แม้ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 จะมิได้บัญญัติถึงการริบของกลางไว้แต่ก็มิได้บัญญัติถึง เรื่องนี้ไว้เป็นอย่างอื่นดังนั้น เมื่อจำเลยใช้ รถยนต์บรรทุกบรรทุกน้ำหนักเกินอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย รถยนต์บรรทุกจึงเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้ ใช้ในการกระทำความผิด ศาลมีอำนาจริบรถยนต์บรรทุกนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ประกอบด้วย มาตรา 17
การที่ศาลพิพากษาให้ริบรถยนต์บรรทุกของกลางซึ่ง โจทก์ขอให้ริบตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 นั้น ศาลย่อมเห็นแล้วว่ารถยนต์บรรทุกของกลางเป็นทรัพย์ที่ใช้ ในการกระทำความผิด แม้จะมิได้ระบุบทกฎหมาย ก็มิใช่กรณีศาลพิพากษาไม่ชอบ
การที่ศาลพิพากษาให้ริบรถยนต์บรรทุกของกลางซึ่ง โจทก์ขอให้ริบตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 นั้น ศาลย่อมเห็นแล้วว่ารถยนต์บรรทุกของกลางเป็นทรัพย์ที่ใช้ ในการกระทำความผิด แม้จะมิได้ระบุบทกฎหมาย ก็มิใช่กรณีศาลพิพากษาไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1691/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถยนต์บรรทุกที่ใช้ในการกระทำความผิด แม้กฎหมายเฉพาะไม่ได้บัญญัติไว้
แม้ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 จะมิได้บัญญัติถึงการริบของกลางไว้ แต่ก็มิได้บัญญัติถึงเรื่องนี้ไว้เป็นอย่างอื่น ดังนั้นเมื่อจำเลยใช้รถยนต์บรรทุกบรรทุกน้ำหนักเกินอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย รถยนต์บรรทุกจึงเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิด ศาลมีอำนาจริบรถยนต์บรรทุกนั้นได้ตาม ป.อ. มาตรา 33 ประกอบด้วยมาตรา 17
การที่ศาลพิพากษาให้ริบรถยนต์บรรทุกของกลางซึ่งโจทก์ขอให้ริบตาม ป.อ. มาตรา 33 นั้น ศาลย่อมเห็นแล้วว่ารถยนต์บรรทุกของกลางเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดแม้จะมิได้ระบุบทกฎหมาย ก็มิใช่กรณีศาลพิพากษาไม่ชอบ.
การที่ศาลพิพากษาให้ริบรถยนต์บรรทุกของกลางซึ่งโจทก์ขอให้ริบตาม ป.อ. มาตรา 33 นั้น ศาลย่อมเห็นแล้วว่ารถยนต์บรรทุกของกลางเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดแม้จะมิได้ระบุบทกฎหมาย ก็มิใช่กรณีศาลพิพากษาไม่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2590/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะหลังกระทำความผิด ต้องพิจารณาว่ามีส่วนในการกระทำความผิดโดยตรงหรือไม่
ยานพาหนะใดเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดซึ่งศาลจะพึงสั่งริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) หรือไม่ ต้องพิจารณาตามพฤติการณ์ของการกระทำความผิดเป็นเรื่อง ๆ ไป จำเลยนำรถยนต์กระบะสองแถวของกลางมาเพื่อใช้เป็นพาหนะบรรทุกน้ำมันที่ลักมาหลบหนีไปเท่านั้น จำเลยมิได้ใช้รถยนต์กระบะสองแถวในการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้องแต่อย่างใด รถยนต์กระบะสองแถวของกลางจึงมิใช่ทรัพย์สินอันพึงริบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2498/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถยนต์ของกลางในคดีป่าไม้: ศาลพิจารณาจากความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ และใช้ดุลพินิจตามประมวลกฎหมายอาญา
การมีถ่านไม้อันเป็นของป่าหวงห้ามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มิใช่การกระทำอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯมาตรา 11,48,54 และ 69 รถยนต์ของกลางซึ่งใช้เป็นยานพาหนะขนถ่านไม้ดังกล่าวจึงไม่อยู่ในข่ายอันจะพึงริบได้ตามมาตรา 74 ทวิแต่ศาลนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 มาใช้บังคับในการที่จะริบรถยนต์ของกลางที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 17
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2498/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถยนต์ที่ใช้ขนถ่านไม้ผิดกฎหมาย: ศาลใช้ดุลพินิจตามประมวลกฎหมายอาญา แม้ พ.ร.บ.ป่าไม้ไม่ได้บัญญัติริบ
การมีถ่านไม้อันเป็นของป่าหวงห้ามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มิใช่การกระทำอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มาตรา 11,48,54 และ 69 รถยนต์ของกลางซึ่งใช้เป็นยานพาหนะขนถ่านไม้ดังกล่าวจึงไม่อยู่ในข่ายอันจะพึงริบได้ตามมาตรา74 ทวิ แต่ศาลนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 มาใช้บังคับในการที่จะริบรถยนต์ของกลางที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถยนต์บรรทุกน้ำหนักเกิน: ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจริบได้ แม้ประกาศฯ ไม่มีบทบัญญัติโดยตรง
แม้ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ไม่มีบทบัญญัติให้ริบรถยนต์ซึ่งบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะแต่เมื่อถือว่ารถยนต์ดังกล่าวเป็นทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้ใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) ซึ่งเป็นบทบัญญัติทั่วไป และประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 มิได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น จึงนำเอามาตรา 33 มาใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17 การสั่งริบของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 เป็นดุลพินิจศาลหยิบยกพฤติการณ์ต่าง ๆ แห่งคดีโดยอาศัยข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปประกอบคำฟ้องและคำให้การรับสารภาพของจำเลยเพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจในการสั่งริบของกลางนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1128/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานทำและมีสุราไว้ในครอบครองเป็นคนละกรรม ศาลฎีกายกประเด็นแก้ไขแม้ไม่ยกขึ้นในอุทธรณ์ การริบรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำผิด
พระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 5, 30, 32 บัญญัติความผิดและบทลงโทษฐานทำสุรากับฐานมีสุราไว้ในครอบครองไว้คนละมาตรา จึงเป็นความผิดต่างกรรมกัน ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป
ข้อหาทำสุราและข้อหามีสุราไว้ในครอบครองในคราวเดียวกันแม้จำเลยจะทำทั้งสุรากลั่นและสุราแช่และมีทั้งสุรากลั่นและสุราแช่ ในแต่ละข้อหาก็เป็นความผิดกรรมเดียวกัน ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาก็ยกขึ้นแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่ารถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิด เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง จึงต้องฟังว่ารถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งศาลมีอำนาจริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 การที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่ารถยนต์ของกลางไม่อาจเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดตามลักษณะของความผิดที่โจทก์ฟ้องได้นั้น เป็นการฟังข้อเท็จจริงที่ผิดไปจากคำรับสารภาพของจำเลยเป็นการไม่ชอบ
ข้อหาทำสุราและข้อหามีสุราไว้ในครอบครองในคราวเดียวกันแม้จำเลยจะทำทั้งสุรากลั่นและสุราแช่และมีทั้งสุรากลั่นและสุราแช่ ในแต่ละข้อหาก็เป็นความผิดกรรมเดียวกัน ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาก็ยกขึ้นแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่ารถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิด เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง จึงต้องฟังว่ารถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งศาลมีอำนาจริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 การที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่ารถยนต์ของกลางไม่อาจเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดตามลักษณะของความผิดที่โจทก์ฟ้องได้นั้น เป็นการฟังข้อเท็จจริงที่ผิดไปจากคำรับสารภาพของจำเลยเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1128/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานทำสุราและมีสุราไว้ในครอบครองเป็นคนละกรรมกัน ต้องลงโทษทุกกรรม และการริบรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำผิด
พระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 5,30,32 บัญญัติ ความผิดและบทลงโทษฐานทำสุรากับฐานมีสุราไว้ในครอบครองไว้คนละมาตราจึงเป็นความผิดต่างกรรมกัน ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ข้อหาทำสุราและข้อหามีสุราไว้ในครอบครองในคราวเดียวกัน แม้จำเลยจะทำทั้งสุรากลั่นและสุราแช่และมีทั้งสุรากลั่นและ สุราแช่ ในแต่ละข้อหาก็เป็นความผิดกรรมเดียวกัน ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาก็ยกขึ้นแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ โจทก์บรรยายฟ้องว่ารถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิด เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง จึงต้องฟังว่ารถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งศาลมีอำนาจริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33การที่ ศาลอุทธรณ์ฟังว่ารถยนต์ของกลางไม่อาจเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ หรือมีไว้ใช้ในการกระทำความผิดตามลักษณะของความผิดที่โจทก์ ฟ้องได้นั้น เป็นการฟังข้อเท็จจริงที่ผิดไปจากคำรับสารภาพของจำเลย เป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2356/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขุดทรายในแม่น้ำสาธารณะ การริบรถยนต์ที่ใช้บรรทุกทราย
การขุดทรายจากแม่น้ำอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินเป็นการทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ทรายตามประกาศของกระทรวงมหาดไทยฉบับลงวันที่ 21 พฤษภาคม 2523 รถยนต์ของกลางที่จำเลยใช้บรรทุกทรายที่จำเลยขุดได้จากแม่น้ำดังกล่าวถือได้ว่าเป็นยานพาหนะที่ได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิด ตาม ป. ที่ดิน มาตรา108 ทวิ วรรคท้าย จึงต้องริบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2356/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขุดทรายในพื้นที่สาธารณสมบัติโดยไม่ได้รับอนุญาต และการริบรถยนต์ที่ใช้บรรทุก
จำเลยขุดทรายในแม่น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ทรายอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน และรถยนต์ที่จำเลยใช้บรรทุกทรายซึ่งขุดได้จากแม่น้ำ ถือว่าเป็นยานพาหนะที่ได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 108 ทวิ วรรคท้าย จึงต้องริบ.