คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ร้องขัดทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 54 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องขัดทรัพย์: สิทธิในรถเช่าซื้อยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ แม้มีการกล่าวอ้างถึงการสมคบกันเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับคดี
ผู้ร้องร้องขอให้ศาลสั่งปล่อยรถยนต์จากการยึด โดยอ้างว่าจำเลยเช่าซื้อรถคันนี้ไปจากผู้ร้องแล้วผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ รถจึงตกเป็นของผู้ร้อง โจทก์ให้การคัดค้าน โดยอ้างด้วยว่าเจ้าหน้าที่ของผู้ร้องสมคบกับจำเลยให้มีการค้างค่าเช่าซื้อขึ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากการบังคับคดี เป็นการกระทำโดยไม่สุจริต โจทก์จะมาอ้างเช่นนี้ในคดีร้องขัดทรัพย์หาได้ไม่ แม้จะให้โจทก์สืบในประเด็นข้อนี้ ก็ไม่เป็นเหตุให้รถคันนี้ตกเป็นของจำเลยอันจะทำให้โจทก์ยึดได้ศาลย่อมสั่งงดสืบพยานในประเด็นข้อนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 209/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วมทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาโดยไม่จดทะเบียน: การขัดทรัพย์และการร้องขัดทรัพย์ซ้ำ
ผู้ร้องเคยร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ และศาลได้สั่งยกคำร้องโดยฟังว่าทรัพย์นั้นเป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องมายื่นคำร้องใหม่ในคดีนี้ว่า ทรัพย์ที่ถูกยึดนั้นได้มาระหว่างที่ผู้ร้องและลูกหนี้ตามคำพิพากษาอยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยไม่จดทะเบียน ดังนี้ ปัญหาที่ว่าทรัพย์ดังกล่าวเป็นของผู้ร้องกึ่งหนึ่งด้วยหรือไม่ ศาลยังไม่ได้วินิจฉัย เพราะในคดีร้องขัดทรัพย์ไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นของลูกหนี้ทั้งหมดหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าทรัพย์ที่ถูกยึดนั้นได้มาระหว่างที่ผู้ร้องและลูกหนี้ตามคำพิพากษาอยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยไม่จดทะเบียน ศาลก็ยกคำร้องขัดทรัพย์เสียได้ ที่ผู้ร้องมาร้องคดีนี้จึงมิใช่เป็นการร้องซ้ำในประเด็นเดียวกับที่ศาลได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 209/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วมทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาโดยไม่จดทะเบียน: การขัดทรัพย์และการร้องขัดทรัพย์ซ้ำ
ผู้ร้องเคยร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ และศาลได้สั่งยกคำร้องโดยฟังว่าทรัพย์นั้นเป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษา. ผู้ร้องมายื่นคำร้องใหม่ในคดีนี้ว่า ทรัพย์ที่ถูกยึดนั้นได้มาระหว่างที่ผู้ร้องและลูกหนี้ตามคำพิพากษาอยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยไม่จดทะเบียน. ดังนี้ ปัญหาที่ว่าทรัพย์ดังกล่าวเป็นของผู้ร้องกึ่งหนึ่งด้วยหรือไม่. ศาลยังไม่ได้วินิจฉัย.เพราะในคดีร้องขัดทรัพย์ไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นของลูกหนี้ทั้งหมดหรือไม่. เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าทรัพย์ที่ถูกยึดนั้นได้มาระหว่างที่ผู้ร้องและลูกหนี้ตามคำพิพากษาอยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยไม่จดทะเบียน. ศาลก็ยกคำร้องขัดทรัพย์เสียได้ ที่ผู้ร้องมาร้องคดีนี้จึงมิใช่เป็นการร้องซ้ำในประเด็นเดียวกับที่ศาลได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ร่วม สินสมรส และการยึดทรัพย์: อำนาจร้องขัดทรัพย์ของผู้มีส่วนได้เสีย
ผู้ร้องร้องว่า การที่จำเลยไปทำนิติกรรมกู้ยืมเงินโจทก์ผู้ร้องมิได้มีส่วนรู้เห็นด้วย และมิได้ให้สัตยาบันรับรองการกู้ยืมรายนี้ และผู้ร้องได้บอกล้างนิติกรรมรายนี้แล้ว ผู้ร้องมิได้กล่าวอ้างเลยว่าหนี้รายนี้ไม่ใช่หนี้ร่วม และที่โจทก์ให้การคัดค้าน โจทก์ก็ไม่ได้แย้งหรือกล่าวแก้ว่าผู้ร้องได้ร่วมรู้เห็นในการกู้ยืมรายนี้ หรือกล่าวแก้ว่าหนี้รายนี้เป็นหนี้ร่วมที่ผู้ร้องจะต้องรับผิดร่วมด้วย ดังนั้น หนี้รายนี้จะเป็นหนี้ร่วมหรือไม่ ทั้งสองฝ่ายหาได้ยกขึ้นมาเป็นข้อกล่าวอ้างหรือเป็นข้อต่อสู้แต่อย่างใดไม่ จึงไม่มีประเด็นที่ศาลจะวินิจฉัย
ผู้ร้องอ้างว่า หนี้สินระหว่างโจทก์กับจำเลยผู้ร้องมิได้รู้เห็นและไม่ได้ให้สัตยาบันรับรองการกู้ยืม โจทก์ก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือคัดค้านว่าผู้ร้องได้รู้เห็นยินยอมด้วย โจทก์เป็นแต่อ้างว่าทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นทรัพย์ที่เป็นสินสมรสระหว่างจำเลยกับผู้ร้องซึ่งเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นเจ้าของร่วมกัน ผู้ร้องมีแต่สิทธิที่จะขอกันส่วนของตน จึงต้องฟังว่าหนี้รายนี้ผู้ร้องมิได้รู้เห็นยินยอมด้วยตามที่ผู้ร้องอ้างนั้น เพราะโจทก์มิได้ปฏิเสธข้อที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง
นิติกรรมระหว่างโจทก์จำเลยเป็นนิติกรรมที่เกี่ยวกับหนี้เงิน มิใช่นิติกรรมที่จำเลยทำขึ้นผูกพันสินบริคณห์โดยเฉพาะ เพราะไม่ได้เป็นนิติกรรมในการจัดการหรือจำหน่ายสินบริคณห์ จึงไม่ต้องด้วยลักษณะที่จะบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 38 และมาตรา 138 แม้ผู้ร้องซึ่งเป็นสามีจะได้บอกล้างแล้ว จำเลยก็ยังคงต้องรับผิดเป็นส่วนตัวตามมาตรา 37 และมาตรา 1479 โดยเจ้าหนี้มีสิทธิที่จะบังคับเอาชำระหนี้ด้วยสินส่วนตัวของฝ่ายภริยาผู้ก่อหนี้นั้นก่อนได้ เมื่อไม่พอก็เอาชำระหนี้จากสินบริคณห์ที่เป็นส่วนของฝ่ายภริยาต่อไปอีกได้
โจทก์ยึดสินบริคณห์คือสินสมรสส่วนของจำเลย ผู้ร้องซึ่งมีส่วนเป็นเจ้าของร่วมหามีอำนาจร้องขัดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 ไม่ คงมีแต่สิทธิร้องขอแบ่งแยกส่วนของตนออกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ประกอบกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1483 (อ้างฎีกาที่ 541/2509)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งทนายความในชั้นร้องขัดทรัพย์: ไม่ต้องซ้ำหากมีทนายความในคดีหลัก
การพิจารณาในชั้นร้องขัดทรัพย์ เป็นการพิจารณาในเรื่องที่โจทก์ฟ้องจำเลยนั้นเอง เมื่อโจทก์ได้แต่งตั้งทนายความไว้ในเรื่องนั้นแล้ว ในชั้นร้องขัดทรัพย์โจทก์จึงไม่ต้องแต่งตั้งทนายความซ้ำอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งทนายความในคดีร้องขัดทรัพย์: โจทก์ไม่ต้องแต่งตั้งซ้ำหากมีทนายความในคดีหลัก
การพิจารณาในชั้นร้องขัดทรัพย์ เป็นการพิจารณาในเรื่องที่โจทก์ฟ้องจำเลยนั้นเอง เมื่อโจทก์ได้แต่งตั้งทนายความไว้ในเรื่องนั้นแล้ว ในชั้นร้องขัดทรัพย์โจทก์จึงไม่ต้องแต่งตั้งทนายความซ้ำอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1160/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีร้องขัดทรัพย์เนื่องจากผู้ร้องถึงแก่กรรมและไม่มีผู้สืบสิทธิ
ในกรณีที่ผู้ร้องยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่สั่งว่าเรือนพิพาทที่โจทก์ยึดฟังไม่ได้ว่าเป็นของผู้ร้อง ต่อมาปรากฏว่าผู้ร้องได้ถึงแก่มรณะ และตั้งแต่นั้นมาจนบัดนี้เป็นเวลาเกินกว่า 1 ปีแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดเข้ามาเป็นคู่ความแทนผู้ร้อง ดังนี้ ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีร้องขัดทรัพย์ออกเสียจากสารบบความศาลฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1003/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในทรัพย์สินจากการยืมเงินปลูกสร้าง: การโอนสิทธิไม่สมบูรณ์และอำนาจร้องขัดทรัพย์
จำเลยดำเนินการปลูกสร้างแต่ยังไม่สำเร็จบริบูรณ์เพราะขาดเงิน จำเลยจึงยืมเงินผู้ร้องโดยมีข้อตกลงว่า จำเลยจะทำการปลูกสร้างต่อไปให้แล้วเสร็จ ตึกแถวที่ปลูกสร้างนี้จำเลยจะเป็นผู้จัดหาผู้เช่าเข้ามาเช่าโดยตกลงทำสัญญากับผู้ร้องแต่ละห้องและเจ้าของที่ดินได้ให้ความยินยอมด้วยจำเลยกับผู้ร้องยังได้ตกลงกันอีกว่า ถ้าจำเลยชำระเงินที่ยืมคืนเมื่อใด ผู้ร้องจะโอนสิทธิในการปลูกสร้างรวมทั้งสิทธิให้เช่าตึกแถวแก่จำเลยทันที ผู้ร้องยังรับรองต่อไปด้วยว่า ถ้าจำเลยสร้างไม่เสร็จ ผู้ร้องจะเป็นผู้สร้างและออกทุนเองแทนจำเลย ปรากฏว่าจำเลยสร้างไม่เสร็จ ผู้ร้องจึงต้องปลูกสร้างต่อจนเสร็จ ข้อตกลงดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นว่า ผู้ร้องคงมีสิทธิเพียงเป็นผู้ทำการปลูกสร้างต่อไปรวมทั้งสิทธิที่จะทำสัญญาเช่ากับผู้เช่าที่จำเลยจัดหามาเท่านั้น ส่วนกรรมสิทธิ์และสิทธิในการจัดหาคนมาเช่าก็ยังคงเป็นของจำเลยอยู่ตามเดิม และไม่เป็นการโอนสิทธิของจำเลยให้ผู้ร้องโดยเด็ดขาด ผู้ร้องไม่มีอำนาจร้องขัดทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 183/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของร่วม: สิทธิการร้องขัดทรัพย์มิอาจใช้ได้เมื่อทรัพย์สินเป็นของเจ้าของร่วม
คดีร้องขัดทรัพย์ ซึ่งโจทก์นำยึดอ้างว่าเป็นทรัพย์ของจำเลย ผู้ร้องคัดค้านว่าเป็นทรัพย์ของตนนั้น เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยและผู้ร้องเป็นเจ้าของร่วมกัน ผู้ร้องก็ย่อมไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 183/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของร่วม: สิทธิการร้องขัดทรัพย์เมื่อทรัพย์สินเป็นของร่วม
คดีร้องขัดทรัพย์ ซึ่งโจทก์นำยึดอ้างว่าเป็นทรัพย์ของจำเลย ผู้ร้องคัดค้านว่าเป็นทรัพย์ของตนนั้น เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยและผู้ร้องเป็นเจ้าของร่วมกันผู้ร้องก็ย่อมไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์ได้
of 6