พบผลลัพธ์ทั้งหมด 64 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1929/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงลงทุนสลากกินแบ่ง: ร่วมกันหลอกลวงประชาชนด้วยข้อมูลเท็จและเจตนาทุจริต
จำเลยนำความไปบอกกล่าวแก่ประชาชนว่า จำเลยได้รับโควต้าสลากกินแบ่งฯ มาเป็นจำนวนพัน ๆ เล่ม และแสดงตนว่าเป็นคนมีฐานะการเงินดี ซึ่งไม่เป็นความจริง ความจริงจำเลยซื้อสลากกินแบ่งฯมาจากที่อื่นโดยยอมขาดทุนแล้วนำไปขายให้แก่ผู้รับซื้อไปจำหน่ายโดยให้ส่วนลดเล่มละ 8 บาทต่องวดที่ออกสลาก แต่ผู้รับซื้อจะต้องนำเงินลงทุนมามอบให้จำเลยไว้เป็นจำนวน 2 เท่าของราคาสลากกินแบ่งฯที่รับไปจำหน่าย เมื่อผู้มาลงทุนเลิกการรับไปจำหน่าย จำเลยจะคืนเงินให้ทั้งหมด แล้วจำเลยออกหนังสือแสดงการรับเงินหรือออกเช็คที่นำไปขึ้นเงินไม่ได้ให้ไว้ จนมีผู้นำเงินมาลงทุนกับจำเลยเป็นจำนวนมากแล้วจำเลยก็หลบหนีไป ไม่มีการจ่ายส่วนลด และไม่จ่ายเงินที่นำมาลงทุนคืนให้ ดังนี้ การกระทำของจำเลยปรับได้ว่าเป็นการหลอกลวงประชาชนด้วยการแสดงข้อความเท็จโดยเจตนาทุจริต ทำให้จำเลยได้ไปซึ่งเงินที่มีผู้นำมาลงทุน จึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต้องกันมาแล้วว่า จำเลยออกเช็คโดยเซ็นชื่อให้ผิดไปจากตัวอย่างที่ให้ไว้กับธนาคาร ออกเช็คให้มีจำนวนเงินสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในธนาคาร เพื่อใช้เงินทุนเมื่อขอคืนทั้งนี้โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น การที่จำเลยฎีกาว่าเป็นการออกเช็คเพื่อประกันหนี้ มิใช่ออกให้เพื่อชำระหนี้ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
เมื่อทรัพย์ของกลางเป็นของจำเลยที่ 1 เป็นทรัพย์ที่ยึดอายัดไว้เป็นพยานหลักฐานในคดี ทั้งยังฟังไม่ได้ความชัดว่าเป็นทรัพย์ที่ใช้หรือได้มาจากการกระทำผิด คำขอของโจทก์ที่ขอให้ศาลสั่งคืนทรัพย์ของกลางนี้ให้แก่ผู้เสียหาย จึงไม่ใช่คำขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ผู้เสียหายได้สูญเสียไปเนื่องจากการกระทำผิดตามมาตรา 43 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ที่ให้อำนาจพนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีอาญาขอหรือเรียกร้องแทนผู้เสียหายได้
ในระหว่างพิจารณาศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะตัวจำเลยเพราะจำเลยถึงแก่กรรม คำขอใด ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิดทางอาญาของจำเลยย่อมเป็นอันสิ้นสภาพไปด้วย
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต้องกันมาแล้วว่า จำเลยออกเช็คโดยเซ็นชื่อให้ผิดไปจากตัวอย่างที่ให้ไว้กับธนาคาร ออกเช็คให้มีจำนวนเงินสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในธนาคาร เพื่อใช้เงินทุนเมื่อขอคืนทั้งนี้โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น การที่จำเลยฎีกาว่าเป็นการออกเช็คเพื่อประกันหนี้ มิใช่ออกให้เพื่อชำระหนี้ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
เมื่อทรัพย์ของกลางเป็นของจำเลยที่ 1 เป็นทรัพย์ที่ยึดอายัดไว้เป็นพยานหลักฐานในคดี ทั้งยังฟังไม่ได้ความชัดว่าเป็นทรัพย์ที่ใช้หรือได้มาจากการกระทำผิด คำขอของโจทก์ที่ขอให้ศาลสั่งคืนทรัพย์ของกลางนี้ให้แก่ผู้เสียหาย จึงไม่ใช่คำขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ผู้เสียหายได้สูญเสียไปเนื่องจากการกระทำผิดตามมาตรา 43 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ที่ให้อำนาจพนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีอาญาขอหรือเรียกร้องแทนผู้เสียหายได้
ในระหว่างพิจารณาศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะตัวจำเลยเพราะจำเลยถึงแก่กรรม คำขอใด ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิดทางอาญาของจำเลยย่อมเป็นอันสิ้นสภาพไปด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1929/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงลงทุนสลากกินแบ่ง ศาลฎีกายืนตัดสิน จำเลยร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหาย
จำเลยนำความไปบอกกล่าวแก่ประชาชนว่า จำเลยได้รับโควต้าสลากกินแบ่งฯ มาเป็นจำนวนพัน ๆ เล่ม และแสดงตนว่าเป็นคนมีฐานะการเงินดี ซึ่งไม่เป็นความจริง ความจริงจำเลยซื้อสลากกินแบ่งฯมาจากที่อื่นโดยยอมขาดทุนแล้วนำไปขายให้แก่ผู้รับซื้อไปจำหน่ายโดยให้ส่วนลดเล่มละ 8 บาทต่องวดที่ออกสลาก แต่ผู้รับซื้อจะต้องนำเงินลงทุนมามอบให้จำเลยไว้เป็นจำนวน 2 เท่าของราคาสลากกินแบ่งฯที่รับไปจำหน่าย เมื่อผู้มาลงทุนเลิกการรับไปจำหน่าย จำเลยจะคืนเงินให้ทั้งหมด แล้วจำเลยออกหนังสือแสดงการรับเงินหรือออกเช็คที่นำไปขึ้นเงินไม่ได้ให้ไว้ จนมีผู้นำเงินมาลงทุนกับจำเลยเป็นจำนวนมากแล้วจำเลยก็หลบหนีไป ไม่มีการจ่ายส่วนลด และไม่จ่ายเงินที่นำมาลงทุนคืนให้ ดังนี้ การกระทำของจำเลยปรับได้ว่าเป็นการหลอกลวงประชาชนด้วยการแสดงข้อความเท็จโดยเจตนาทุจริต ทำให้จำเลยได้ไปซึ่งเงินที่มีผู้นำมาลงทุน จึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต้องกันมาแล้วว่า จำเลยออกเช็คโดยเซ็นชื่อให้ผิดไปจากตัวอย่างที่ให้ไว้กับธนาคาร ออกเช็คให้มีจำนวนเงินสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในธนาคาร เพื่อใช้เงินทุนเมื่อขอคืนทั้งนี้โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น การที่จำเลยฎีกาว่าเป็นการออกเช็คเพื่อประกันหนี้ มิใช่ออกให้เพื่อชำระหนี้ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
เมื่อทรัพย์ของกลางเป็นของจำเลยที่ 1 เป็นทรัพย์ที่ยึดอายัดไว้เป็นพยานหลักฐานในคดี ทั้งยังฟังไม่ได้ความชัดว่าเป็นทรัพย์ที่ใช้หรือได้มาจากการกระทำผิด คำขอของโจทก์ที่ขอให้ศาลสั่งคืนทรัพย์ของกลางนี้ให้แก่ผู้เสียหาย จึงไม่ใช่คำขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ผู้เสียหายได้สูญเสียไปเนื่องจากการกระทำผิดตามมาตรา 43 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ที่ให้อำนาจพนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีอาญาขอหรือเรียกร้องแทนผู้เสียหายได้
ในระหว่างพิจารณาศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะตัวจำเลยเพราะจำเลยถึงแก่กรรม คำขอใดๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิดทางอาญาของจำเลยย่อมเป็นอันสิ้นสภาพไปด้วย
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต้องกันมาแล้วว่า จำเลยออกเช็คโดยเซ็นชื่อให้ผิดไปจากตัวอย่างที่ให้ไว้กับธนาคาร ออกเช็คให้มีจำนวนเงินสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในธนาคาร เพื่อใช้เงินทุนเมื่อขอคืนทั้งนี้โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น การที่จำเลยฎีกาว่าเป็นการออกเช็คเพื่อประกันหนี้ มิใช่ออกให้เพื่อชำระหนี้ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
เมื่อทรัพย์ของกลางเป็นของจำเลยที่ 1 เป็นทรัพย์ที่ยึดอายัดไว้เป็นพยานหลักฐานในคดี ทั้งยังฟังไม่ได้ความชัดว่าเป็นทรัพย์ที่ใช้หรือได้มาจากการกระทำผิด คำขอของโจทก์ที่ขอให้ศาลสั่งคืนทรัพย์ของกลางนี้ให้แก่ผู้เสียหาย จึงไม่ใช่คำขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ผู้เสียหายได้สูญเสียไปเนื่องจากการกระทำผิดตามมาตรา 43 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ที่ให้อำนาจพนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีอาญาขอหรือเรียกร้องแทนผู้เสียหายได้
ในระหว่างพิจารณาศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะตัวจำเลยเพราะจำเลยถึงแก่กรรม คำขอใดๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิดทางอาญาของจำเลยย่อมเป็นอันสิ้นสภาพไปด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 84/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนลงทุนที่ดินในห้างหุ้นส่วนสามัญ การยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้ของห้างส่วน
ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งนำที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมีโฉนดมาลงทุนเข้าหุ้นในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน โดยใช้เป็นที่ตั้งโรงสีของห้างหุ้นส่วน แม้จะไม่มีการจดทะเบียนโอนโฉนดที่พิพาทก็เป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนนั้น
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 533/2511)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้ เมื่อหุ้นส่วนคนหนึ่งถูกฟ้องเกี่ยวกับหนี้สินของห้างหุ้นส่วนและศาลพิพากษาให้ชำระหนี้ แม้โฉนดที่พิพาทจะยังเป็นชื่อของหุ้นส่วนอีกคนหนึ่ง เจ้าหนี้ย่อมมีอำนาจนำยึดที่พิพาทเพื่อบังคับชำระหนี้ได้ หุ้นส่วนซึ่งมีชื่อในโฉนดที่พิพาทหรือบุตรของหุ้นส่วนนั้นหามีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึดได้ไม่
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 288/2488)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนซึ่งไม่เป็นนิติบุคคลนั้น ไม่อาจครอบครองที่ดินของผู้เป็นหุ้นส่วนโดยอำนาจปรปักษ์ได้ แต่เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนนำที่ดินมาลงทุนเข้าหุ้นด้วยย่อมเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายได้
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 533/2511)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้ เมื่อหุ้นส่วนคนหนึ่งถูกฟ้องเกี่ยวกับหนี้สินของห้างหุ้นส่วนและศาลพิพากษาให้ชำระหนี้ แม้โฉนดที่พิพาทจะยังเป็นชื่อของหุ้นส่วนอีกคนหนึ่ง เจ้าหนี้ย่อมมีอำนาจนำยึดที่พิพาทเพื่อบังคับชำระหนี้ได้ หุ้นส่วนซึ่งมีชื่อในโฉนดที่พิพาทหรือบุตรของหุ้นส่วนนั้นหามีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึดได้ไม่
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 288/2488)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนซึ่งไม่เป็นนิติบุคคลนั้น ไม่อาจครอบครองที่ดินของผู้เป็นหุ้นส่วนโดยอำนาจปรปักษ์ได้ แต่เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนนำที่ดินมาลงทุนเข้าหุ้นด้วยย่อมเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1898/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภริยาจากการลงทุนประกอบอาชีพ และการยึดทรัพย์สินร่วมเพื่อชำระหนี้
กู้เงินมาลงทุนเพื่อประกอบอาชีพหาเลี้ยงครอบครัว จึงเป็นหนี้ของจำเลยและผู้ร้องซึ่งเป็นสามีภริยากัน สวนพิพาทไม่ว่าจะเป็นสินสมรสหรือสินเดิม จึงเป็นสินบริคณห์ที่โจทก์นำยึดใช้หนี้ได้ทั้งสิ้น
โจทก์มิใช้อิสลามศาสนิก จะบังคับคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานี ฯลฯ พ.ศ. 2489 มาตรา 3 มิได้
โจทก์มิใช้อิสลามศาสนิก จะบังคับคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานี ฯลฯ พ.ศ. 2489 มาตรา 3 มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1898/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภริยาจากการลงทุนประกอบอาชีพ และการยึดทรัพย์สินเพื่อชำระหนี้
กู้เงินมาลงทุนเพื่อประกอบอาชีพหาเลี้ยงครอบครัว จึงเป็นหนี้ร่วมของจำเลยและผู้ร้องซึ่งเป็นสามีภริยากัน สวนพิพาทไม่ว่าจะเป็นสินสมรสหรือสินเดิม จึงเป็นสินบริคณห์ที่โจทก์นำยึดใช้หนี้ได้ทั้งสิ้น
โจทก์มิใช่อิสลามศาสนิก. จะบังคับคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานีฯลฯ พ.ศ.2489มาตรา 3 มิได้
โจทก์มิใช่อิสลามศาสนิก. จะบังคับคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานีฯลฯ พ.ศ.2489มาตรา 3 มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1898/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภริยาจากการลงทุนประกอบอาชีพ: ยึดทรัพย์สินใช้หนี้ได้ แม้เป็นสินสมรสหรือสินเดิม
กู้เงินมาลงทุนเพื่อประกอบอาชีพหาเลี้ยงครอบครัว จึงเป็นหนี้ร่วมของจำเลยและผู้ร้องซึ่งเป็นสามีภริยากัน. สวนพิพาทไม่ว่าจะเป็นสินสมรสหรือสินเดิม. จึงเป็นสินบริคณห์ที่โจทก์นำยึดใช้หนี้ได้ทั้งสิ้น.
โจทก์มิใช่อิสลามศาสนิก. จะบังคับคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานีฯลฯ พ.ศ.2489มาตรา 3 มิได้.
โจทก์มิใช่อิสลามศาสนิก. จะบังคับคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานีฯลฯ พ.ศ.2489มาตรา 3 มิได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 848-850/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงทุนร่วมทุนกับจำเลย ไม่ถือเป็นการยักยอกทรัพย์ แม้จะไม่ได้คืนเงิน
จำเลยชักชวนผู้เสียหายให้นำเงินมาให้จำเลยนำไปเป็นทุนซื้อข้าวสารมากักตุนไว้ขายให้ตำรวจ และให้ตำรวจกู้และจะแบ่งผลกำไรและดอกเบี้ยให้ผู้เสียหายตกลงด้วย จึงมอบเงินให้ไปดังนี้ เป็นเรื่องการเข้ารวมทุนกันให้จำเลยจัดการหาผลประโยชน์เสมือนหนึ่งเป็นเงินของจำเลยเองกรณีไม่เรียกว่าจำเลยรับมอบครอบครองทรัพย์ผู้เสียหายไว้อันจะเข้าเกณฑ์เป็นความผิดฐานยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 783/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ดิน: การลงทุนก่อนสัญญาที่สมบูรณ์ ไม่ถือเป็นสัญญาต่างตอบแทน
จำเลยพูดขอเช่าที่พิพาทกับผู้แทนโจทก์มีกำหนด 10 ปี ผู้แทนโจทก์รับว่าจะให้เช่าเป็นเวลา 10 ปีตามขอ แต่ให้รอการแบ่งแยกที่ดินมรดกกันเสียก่อน เมื่อรู้ว่าตกเป็นของใครจึงจะค่อยทำสัญญาเช่ากันต่อไป จำเลยเชื่อว่าจะได้เช่ามีกำหนด 10 ปี จึงลงทุนปรับพื้นที่ซึ่งเป็นหลุมบ่อและสร้างเขื่อนริมคลอง ดังนี้ การที่จำเลยกระทำดังนั้นก็เพื่อประโยชน์ของจำเลยเอง ไม่ได้เป็นข้อตกลงหรือข้อเรียกร้องจากฝ่ายเจ้าของที่ดินแต่อย่างใด ตามพฤติการณ์จึงไม่มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 783/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าไม่มีผลผูกพันเมื่อตกลงกันยังไม่ชัดเจน และการลงทุนปรับปรุงพื้นที่เป็นประโยชน์จำเลยเอง
จำเลยพูดขอเช่าที่พิพาทกับผู้แทนโจทก์มีกำหนด 10 ปีผู้แทนโจทก์รับว่าจะให้เช่าเป็นเวลา 10 ปีตามขอแต่ให้รอการแบ่งแยกที่ดินมรดกกันเสียก่อน เมื่อรู้ว่าตกเป็นของใครจึงจะค่อยทำสัญญาเช่ากันต่อไป จำเลยเชื่อว่าจะได้เช่ามีกำหนด 10 ปี จึงลงทุนปรับพื้นที่ซึ่งเป็นหลุมบ่อและสร้างเขื่อนริมคลอง ดังนี้ การที่จำเลยกระทำดังนั้นก็เพื่อประโยชน์ของจำเลยเอง ไม่ได้เป็นข้อตกลงหรือข้อเรียกร้องจากฝ่ายเจ้าของที่ดินแต่อย่างใด ตามพฤติการณ์จึงไม่มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 771/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้จากการลงทุนทำประมงของสามีเป็นหนี้ร่วมกับภริยา แม้มิได้ฟ้องเป็นจำเลยร่วม โจทก์ยึดสินเดิมภริยาได้
หนี้ที่สามีก่อขึ้นด้วยการกู้เงินโจทก์มาลงทุนทำการประมงหาเลี้ยงครอบครัว ย่อมเป็นหนี้ร่วมระหว่างสามีภริยา และแม้โจทก์จะมิได้ฟ้องภริยาเป็นจำเลยร่วมกับสามีด้วยก็ตาม โจทก์ก็ยึดสินเดิมของภริยาเอาออกชำระหนี้โจทก์ตามที่สามีเป็นหนี้อยู่ตามคำพิพากษาได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2508)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2508)