พบผลลัพธ์ทั้งหมด 85 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเว้นหน้าที่ตามสัญญาจ้าง – ความรับผิดต่อความเสียหาย – แม้หนี้เดิมระงับก็ไม่กระทบ
จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นลูกจ้างจงใจละเว้นปฏิบัติหน้าที่ โดยขายสินค้าเงินเชื่อให้แก่ลูกค้าของโจทก์ผู้เป็นนายจ้างเกินวงเงินที่โจทก์อนุญาต และเกินวงเงินที่ธนาคารมีหนังสือค้ำประกันเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย แม้ต่อมาจะมีการแปลงหนี้จากหนี้ที่ลูกค้าซื้อสินค้าเชื่อมาเป็นหนี้เงินกู้ตามจำนวนเดิมแทนทำให้หนี้ค่าซื้อสินค้าระงับไปก็ตาม ก็หาทำให้มูลหนี้ที่จำเลยที่ ๑จงใจละเว้นปฏิบัติหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติตามสัญญาจ้าง ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายหมดสิ้นไปไม่ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน โจทก์มีสิทธิเรียกให้จำเลยที่ ๑ รับผิดในมูลหนี้ตามสัญญาจ้างได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเว้นหน้าที่ตามสัญญาจ้าง: ความรับผิดแม้มีการแปลงหนี้
จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างจงใจละเว้นปฏิบัติหน้าที่ โดยขายสินค้าเงินเชื่อให้แก่ลูกค้าของโจทก์ผู้เป็นนายจ้างเกินวงเงินที่โจทก์อนุญาต และเกินวงเงินที่ธนาคารมีหนังสือค้ำประกัน เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย แม้ต่อมาจะมีการแปลงหนี้จากหนี้ที่ลูกค้าซื้อสินค้าเชื่อมาเป็นหนี้เงินกู้ตามจำนวนเดิมแทน ทำให้หนี้ค่าซื้อสินค้าระงับไปก็ตาม ก็หาทำให้มูลหนี้ที่จำเลยที่ 1จงใจละเว้นปฏิบัติหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติตามสัญญาจ้างทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายหมดสิ้นไปไม่ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน โจทก์มีสิทธิเรียกให้จำเลยที่ 1 รับผิดในมูลหนี้ตามสัญญาจ้างได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลูกจ้างละเว้นหน้าที่ขายเชื่อเกินวงเงิน นายจ้างมีสิทธิเรียกค่าเสียหาย
จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างจงใจละเว้นปฏิบัติหน้าที่ โดยขายสินค้าเงินเชื่อให้แก่ลูกค้าของโจทก์ผู้เป็นนายจ้างเกินวงเงินที่โจทก์อนุญาต และเกินวงเงินที่ธนาคารมีหนังสือค้ำประกันเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย แม้ต่อมาจะมีการแปลงหนี้จากหนี้ที่ลูกค้าซื้อสินค้าเชื่อมาเป็นหนี้เงินกู้ตามจำนวนเดิมแทนทำให้หนี้ค่าซื้อสินค้าระงับไปก็ตาม ก็หาทำให้มูลหนี้ที่จำเลยที่ 1จงใจละเว้นปฏิบัติหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติตามสัญญาจ้าง ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายหมดสิ้นไปไม่ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน โจทก์มีสิทธิเรียกให้จำเลยที่ 1 รับผิดในมูลหนี้ตามสัญญาจ้างได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 786/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ - ข่มขืนใจเจ้าพนักงาน - ถ้อยคำที่ไม่สุภาพ - ไม่ถึงขั้นสบประมาท
จำเลยที่ ๑ เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่เกิดเหตุได้ พบกลุ่มเยาวชนกำลังขัดขวางการปฏิบัติการตาม หน้าที่ และข่มขืนใจเจ้าพนักงานสรรพสามิตให้ปล่อยตัว อ. ผู้ต้องหา ให้คืนสุราแช่ของกลาง ให้มอบบันทึกการจับกุม และการตรวจ ค้นยึดสุราแช่จำเลยที่ ๑มิได้ทำการจับกุมในทันที ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้เกิด เหตุการณ์รุนแรงขึ้นนั้น ยังถือ ไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๑ ได้ ละเว้นการปฏิบัติการตาม หน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดอันเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗
จำเลยที่ ๑ กล่าวแก่เจ้าพนักงานสรรพสามิตซึ่ง ทำการจับกุม อ.ผู้ต้องหาว่า "โคตรแม่มึงเวลาเขาลักขโมยควายไป ๒-๓ วัน ตาม หาไม่เจอเวลามีสุราทำไมจับเร็วนัก พวกคุณมาสร้างปัญหา คุณไม่ต้องมามองหน้าผมหรอก คุณเป็นหัวหน้าส่วนกระจอก ๆ ผมไม่กลัวคุณหรอก ใหญ่กว่านี้ผมก็ไม่กลัว" เป็นการพูดเปรย ขึ้นมาเพื่อประชดประชันว่า ทำไมเรื่องสุราจับเร็วนัก และเป็นถ้อยคำที่ไม่สุภาพ มิใช่เป็นการสบประมาทเหยียดหยามดูหมิ่น เจ้าพนักงานผู้กระทำการตาม หน้าที่.
จำเลยที่ ๑ กล่าวแก่เจ้าพนักงานสรรพสามิตซึ่ง ทำการจับกุม อ.ผู้ต้องหาว่า "โคตรแม่มึงเวลาเขาลักขโมยควายไป ๒-๓ วัน ตาม หาไม่เจอเวลามีสุราทำไมจับเร็วนัก พวกคุณมาสร้างปัญหา คุณไม่ต้องมามองหน้าผมหรอก คุณเป็นหัวหน้าส่วนกระจอก ๆ ผมไม่กลัวคุณหรอก ใหญ่กว่านี้ผมก็ไม่กลัว" เป็นการพูดเปรย ขึ้นมาเพื่อประชดประชันว่า ทำไมเรื่องสุราจับเร็วนัก และเป็นถ้อยคำที่ไม่สุภาพ มิใช่เป็นการสบประมาทเหยียดหยามดูหมิ่น เจ้าพนักงานผู้กระทำการตาม หน้าที่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 786/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ - ข่มขืนใจเจ้าพนักงาน - ถ้อยคำไม่สุภาพ ไม่ถึงขั้นสบประมาท
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่เกิดเหตุได้ พบกลุ่มเยาวชนกำลังขัดขวางการปฏิบัติการตาม หน้าที่ และข่มขืนใจเจ้าพนักงานสรรพสามิตให้ปล่อยตัว อ. ผู้ต้องหา ให้คืนสุราแช่ของกลาง ให้มอบบันทึกการจับกุม และการตรวจ ค้นยึดสุราแช่จำเลยที่ 1มิได้ทำการจับกุมในทันที ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้เกิด เหตุการณ์รุนแรงขึ้นนั้น ยังถือ ไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ ละเว้นการปฏิบัติการตาม หน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดอันเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จำเลยที่ 1 กล่าวแก่เจ้าพนักงานสรรพสามิตซึ่ง ทำการจับกุม อ.ผู้ต้องหาว่า "โคตรแม่มึงเวลาเขาลักขโมยควายไป 2-3 วัน ตาม หาไม่เจอเวลามีสุราทำไมจับเร็วนัก พวกคุณมาสร้างปัญหา คุณไม่ต้องมามองหน้าผมหรอก คุณเป็นหัวหน้าส่วนกระจอก ๆ ผมไม่กลัวคุณหรอก ใหญ่กว่านี้ผมก็ไม่กลัว" เป็นการพูดเปรย ขึ้นมาเพื่อประชดประชันว่า ทำไมเรื่องสุราจับเร็วนัก และเป็นถ้อยคำที่ไม่สุภาพ มิใช่เป็นการสบประมาทเหยียดหยามดูหมิ่น เจ้าพนักงานผู้กระทำการตาม หน้าที่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2729/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานเบียดบังของกลาง: การกระทำความผิดฐานละเว้นหน้าที่ vs. เบียดบังทรัพย์
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ตำแหน่งหัวหน้าเสมียนคดี มีหน้าที่เก็บรักษาของกลาง จำเลยตรวจรับกัญชาของกลางและลงลายมือชื่อในสำเนาบัญชีของกลางกับสำเนาหนังสือนำส่งของกลางของสถานีตำรวจภูธรอำเภอ ทับสะแก แต่ไม่ลงบัญชีของกลางในคดีอาญาของกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเป็นหลักฐานว่ามีการรับกัญชาของกลางรายนี้แล้ว ต่อมาจำเลยเบียดบังเอากัญชานั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147
การที่จำเลยตรวจรับกัญชาของกลางไว้แล้วไม่นำลงบัญชีของกลางในคดีอาญา ก็โดยเจตนาที่จะเบียดบังเอากัญชานั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต อันเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว จึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 157 อีก
การที่จำเลยตรวจรับกัญชาของกลางไว้แล้วไม่นำลงบัญชีของกลางในคดีอาญา ก็โดยเจตนาที่จะเบียดบังเอากัญชานั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต อันเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว จึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 157 อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2729/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์: การกระทำความผิดฐานละเว้นหน้าที่โดยเจตนาทุจริต ไม่ถือเป็นความผิดหลายกรรม
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ตำแหน่งหัวหน้าเสมียนคดี มีหน้าที่เก็บรักษาของกลาง จำเลยตรวจรับกัญชาของกลางและลงลายมือชื่อในสำเนาบัญชีของกลางกับสำเนาหนังสือนำส่งของกลางของสถานีตำรวจภูธรอำเภอ ทับสะแก แต่ไม่ลงบัญชีของกลางในคดีอาญาของกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเป็นหลักฐานว่ามีการรับกัญชาของกลางรายนี้แล้ว ต่อมาจำเลยเบียดบังเอากัญชานั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 การที่จำเลยตรวจรับกัญชาของกลางไว้แล้วไม่นำลงบัญชีของกลางในคดีอาญา ก็โดยเจตนาที่จะเบียดบังเอากัญชานั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต อันเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว จึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 157 อีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1030/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่รับผิดชอบเงินเบียดบังจากผู้ใต้บังคับบัญชา: ศาลฎีกาวินิจฉัยประเด็นละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
คดีที่กระทรวงการคลังและการสื่อสารแห่งประเทศไทยฟ้องโจทก์กับพวก ศาลฎีกาได้วินิจฉัยว่า โจทก์มิได้กระทำละเมิดต่อกระทรวงการคลังและการสื่อสารแห่งประเทศไทย โดยร่วมกับ ส. จงใจเบียดบังเงินค่าภาษีอากรเงินรายได้อื่นและเงินทุนไปรษณีย์ตามฟ้องแต่คดีนี้มีประเด็นที่พิพาทกันว่า โจทก์ละเว้นปฏิบัติการตามหน้าที่โดยไม่ตรวจตราควบคุมดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาในการปฏิบัติงานเป็นเหตุให้ ส. เบียดบังเอาเงินดังกล่าวไปหรือไม่ ซึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นนี้ให้ในคดีก่อน จึงหามีข้อเท็จจริงในคดีก่อนมาผูกพันคดีนี้ที่โจทก์จะไม่ต้องรับผิดใช้เงินคืนดังที่โจทก์อ้างไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4584/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานตำรวจละเว้นหน้าที่ช่วยเหลือหญิงโสเภณีกลับสู่สำนักโสเภณี ถือเป็นการฝ่าฝืนศีลธรรม
จำเลยที่ 3 เป็นเจ้าพนักงานตำรวจมีหน้าที่พาตัวหญิงโสเภณีไปส่งสถานฝึกอาชีพ แต่กลับมอบตัวหญิงดังกล่าวแก่ผู้ที่เป็นเจ้าของสำนักโสเภณีอีก เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดีจึงไม่สมควรรอการลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4392-4393/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: ละเว้นหน้าที่โดยทุจริต และรับรองเท็จ เจ้าหน้าที่ป่าไม้
จำเลยที่ 1 เป็นที่ดินอำเภอได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการตรวจสอบไม้ในที่ดิน น.ส.3 มีหน้าที่ออกไปตรวจสอบว่า มีไม้ขึ้นอยู่ในที่ดินแปลงที่ขออนุญาตทำไม้หรือไม่ แต่จำเลยที่ 1 ไม่ได้ออกไปตรวจสอบ อันเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อรับรองในบันทึกการตรวจสอบไม้ว่า เห็นสมควรให้ทำไม้ยางออกจากที่ดิน น.ส.3 ได้ เป็นการรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้ออกไปตรวจสอบไม้ดังกล่าวอันเป็นความเท็จ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162 (1) ซึ่งเป็นการกระทำต่อเนื่องกัน ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ โดยมีเจตนาเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นในคราวเดียวกัน จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด