คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
วิวาท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 301 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพยายามฆ่าหลังวิวาทและการลดโทษตามอายุ: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการยิงหลังเหตุการณ์ผ่านไป 15 นาที ไม่ถือเป็นบันดาลโทสะ
จำเลยหัวเราะ เมื่อผู้เสียหายสอบถามจำเลย จำเลยก็ไม่ตอบผู้เสียหายพูดว่าจะเตะ จำเลยว่าจะเตะก็ลองดู ผู้เสียหายจึงต่อยจำเลยแล้วเกิดต่อสู้กันขึ้น แสดงว่าจำเลยและผู้เสียหายสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายกันและกัน เมื่อจำเลยสู้ไม่ได้จึงกลับบ้านนำอาวุธปืนมายิงผู้เสียหายหลังเกิดเหตุแล้วประมาณ 15นาทีการที่จำเลยยิงผู้เสียหายจึงไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น
เมื่อปรากฏว่าขณะกระทำความผิดจำเลยอายุเกิน 17 ปีแล้วการที่ศาลชั้นต้นลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา75 ย่อมไม่ถูกต้อง สมควรแก้ไขให้ถูกต้องโดยปรับบทลดมาตราส่วนโทษตามมาตรา 76.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3232/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยบันดาลโทสะหลังจากการวิวาทและการยิงตอบโต้
ก่อนเกิดเหตุ ก. และบุตรกับจำเลยทั้งสองทะเลาะวิวาทและชกต่อยทำร้ายร่างกายกันอันเป็นการสมัครใจวิวาท แล้ว ก.ใช้ปืนไล่ยิงจำเลยที่ 1 แต่ไม่ถูกซึ่งเป็นเหตุที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสองกลับบ้านเอาปืนไปยิงเข้าไปในร้านของ ก.ถูก ว. ได้รับบาดเจ็บ จำเลยทั้งสองจะอ้างว่าถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำไปโดยบันดาลโทสะหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1662/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดอาวุธปืนเพื่อห้ามปรามวิวาท ไม่ถือเป็นความผิดฐานมีอาวุธปืนและพกพา
จำเลยแย่งอาวุธปืนของกลางมาจากพวกของจำเลยซึ่งทะเลาะวิวาทกันและยึดถือไว้ชั่วขณะหนึ่งเพื่อบรรเทาเหตุการณ์ร้ายแรงซึ่งอาจเกิดขึ้น ดังนี้เป็นการยึดถือไว้ชั่วคราวจึงไม่ใช่มีอาวุธปืนของกลางไว้ในครอบครอง และจำเลยไม่ได้พาอาวุธปืนของกลางเคลื่อนที่ไป จึงไม่ใช่พาอาวุธปืนของกลางไปในที่สาธารณสถาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1508/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวิวาทที่โจทก์สมัครใจต่อสู้กับจำเลย ทำให้ไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากการทำร้ายร่างกายได้
การที่โจทก์สมัครใจวิวาทต่อสู้กับจำเลยจนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัสเป็นการยอมรับผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ตนเอง ถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1508/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวิวาทโดยสมัครใจไม่ถือเป็นการละเมิด แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส
การที่โจทก์สมัครใจวิวาทต่อสู้กับจำเลยจนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส เป็นการยอมรับผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ตนเองถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1508/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวิวาทสมัครใจไม่ถือเป็นการละเมิด ผู้ได้รับบาดเจ็บไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย
การที่โจทก์สมัครใจวิวาทต่อสู้กับจำเลยจนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัสเป็นการยอมรับผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ตนเอง ถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาลักทรัพย์หลังวิวาท: การกระทำหลังเสื้อหล่นพื้นบ่งชี้เจตนา
จำเลยกับพวกและผู้เสียหายกับพวกวิวาทชกกันเพราะเหตุไม่ชอบหน้ากัน เสื้อที่พาดไว้ที่ไหล่ผู้เสียหายตกลงที่พื้น โดยจำเลยมิได้กระชากยื้อแย่งจากตัวผู้เสียหาย แล้วจำเลยหยิบเอาเสื้อของผู้เสียหายวิ่งหนีไปขึ้นรถประจำทางภายหลังที่การชกต่อยกันสิ้นสุดลงแล้ว เช่นนี้แสดงว่าจำเลยมีเจตนาลักเอาเสื้อดังกล่าวภายหลังที่เสื้อตกลงที่พื้นแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์และฐานใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตาม ป.อ. มาตรา 334 และ 391 หาใช่ความผิดฐานชิงทรัพย์ไม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3187/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการวิวาทและการใช้อาวุธปืน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีสิทธิอ้างเหตุป้องกันตน
โจทก์ร่วมกับจำเลยมีเรื่องโต้เถียงท้าทายกันก่อน แล้วจำเลยเป็นฝ่ายนัดโจทก์ร่วมไปชกต่อย เมื่อถึงที่เกิดเหตุโจทก์ร่วมซึ่งไม่มีอาวุธใดติดตัวเดินเข้าหาจำเลยห่างประมาณ 1 เมตร จำเลยกลับใช้อาวุธปืนจ้องยิงบริเวณหน้าอกของโจทก์ร่วม 2 นัดโจทก์ร่วมเอี้ยวตัวหลบ กระสุนปืนถูกโจทก์ร่วมที่ต้นแขนซ้ายและต้นขาซ้ายตามลำดับ พฤติการณ์ที่จำเลยสมัครใจวิวาท ท้าทาย และใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วม โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ร่วมกำลังจะทำร้ายจำเลยก่อน จึงเป็นการแสดงเจตนาฆ่า จำเลยจะอ้างว่าเป็นการป้องกันหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3187/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการวิวาทและการใช้อาวุธปืน การอ้างป้องกันตัวเองไม่สมเหตุสมผล
โจทก์ร่วมกับจำเลยมีเรื่องโต้เถียงท้าทายกันก่อน แล้วจำเลยเป็นฝ่ายนัดโจทก์ร่วมไปชกต่อย เมื่อถึงที่เกิดเหตุโจทก์ร่วมซึ่งไม่มีอาวุธใดติดตัวเดินเข้าหาจำเลยห่างประมาณ 1 เมตรจำเลยกลับใช้อาวุธปืนจ้องยิงบริเวณหน้าอกของโจทก์ร่วม 2 นัดโจทก์ร่วมเอี้ยวตัวหลบ กระสุนปืนถูกโจทก์ร่วมที่ต้นแขนซ้ายและต้นขาซ้ายตามลำดับ พฤติการณ์ที่จำเลยสมัครใจวิวาท ท้าทาย และใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วม โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ร่วมกำลังจะทำร้ายจำเลยก่อน จึงเป็นการแสดงเจตนาฆ่า จำเลยจะอ้างว่าเป็นการป้องกันหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 49/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงเพื่อป้องกันตัวต้องเกิดจากการถูกข่มขู่หรือทำร้ายก่อน การท้าทายเพื่อวิวาทไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
จำเลยได้ใช้ปืนยิงผู้ตายเนื่องมาจากจำเลยเป็นฝ่ายท้าทายผู้ตายให้ออกไปยิงกับจำเลยจำเลยจะอ้างว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวหาได้ไม่.
of 31