คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลสั่ง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 67 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 929/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเริ่มนับโทษจำคุกและการฎีกาในชั้นบังคับคดี: ศาลสั่งนับโทษตามกฎหมายเมื่อไม่ได้ระบุในคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 2 ปี มิได้กล่าวว่าให้นับโทษจำคุกตั้งแต่วันใด จำเลยจะฎีกาว่าศาลไม่นับระยะเวลาที่จำเลยถูกควบคุมตัวตามประกาศคณะปฏิวัติหาได้ไม่ เพราะการเริ่มนับวันจำคุกวันใด ต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22 บัญญัติไว้ ซึ่งศาลจะสั่งในชั้นบังคับคดี เมื่อจำเลยมิได้ฎีกาขอให้ศาลสั่งนับโทษเป็นอย่างอื่นนอกจากที่กฎหมายบัญญัติไว้ ดังนี้ จึงถือว่าฎีกาของจำเลยมิใช่ฎีกาคัดค้านคำพิพากษา แต่เป็นการฎีกาในการบังคับคดี จำเลยจะฎีกาล่วงหน้ามาก่อนหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งต้องไม่เกี่ยวพันกับฟ้องเดิม ศาลสั่งแยกเป็นคดีต่างหากตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและตึกแถวซึ่งใช้เป็นที่ประกอบการค้าโดยอ้างว่าบอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว จำเลยให้การว่าสัญญาเช่ายังไม่ครบกำหนดขับไล่จำเลยไม่ได้พร้อมทั้งฟ้องแย้งว่าเมื่อจำเลยถูกขับไล่แล้ว โจทก์จะต้องชดใช้เงินค่าปลูกสร้างโกดังสินค้าและโรงรถด้วยนั้น เห็นได้ว่าฟ้องแย้งนั้นเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังกล่าวคือถ้าจำเลยชนะคดีตามคำให้การ ฟ้องแย้งของจำเลยก็ตกไปเพราะยังไม่ถึงเวลาที่จะชดใช้ จึงเป็นเรื่องที่จะเรียกร้องอีกเรื่องหนึ่งต่างหากในภายหลังเมื่อปรากฏผลในคดีนี้แล้ว จึงพิจารณาฟ้องแย้งของจำเลยไปพร้อมกันกับข้อต่อสู้ในคำให้การไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1438/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินสินบนนำจับในคดีพนัน: ศาลสั่งจ่ายเมื่อลงโทษปรับเท่านั้น
ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 15 ประกอบกับพระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2490 ที่ว่าในกรณีมีผู้นำจับ ให้พนักงานอัยการร้องขอและให้ศาลสั่งให้ผู้กระทำผิดใช้เงินสินบนแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินค่าปรับด้วยนั้น เงินสินบนนำจับนี้ศาลจะสั่งให้จ่ายก็ต่อเมื่อมีการลงโทษปรับแก่ผู้กระทำผิดด้วย เพราะเป็นเกณฑ์คำนวณว่าผู้กระทำผิดจะต้องจ่ายเงินสินบนแก่ผู้นำจับเท่าใด
ในคดีที่ศาลลงโทษจำคุกแต่อย่างเดียวโดยไม่ลงโทษปรับศาลไม่สั่งเรื่องให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับ แม้คดีนั้นจะมีเงินของกลางที่ศาลสั่งให้ริบอยู่ด้วยก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1351/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำลายเอกสารก่อนศาลสั่งให้ส่งเป็นพยานหลักฐาน ไม่ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
เอกสารอยู่ในกระดาษฟูลสะแก็ปแผ่นเดียวกัน2ซีก ซีกหนึ่งเป็นพินัยกรรม อีกซีกหนึ่งเป็นสัญญาผูกแก้(สัญญาเช่าอย่างหนึ่ง) จำเลยได้ฉีกกระดาษ 2 ซีกแผ่นนี้ให้ขาดออกจากกันเป็นซีกละแผ่น (ข้อความคงเดิม)และจำเลยฉีกก่อนจำเลยได้รับหมายเรียกจากศาลให้ส่งพินัยกรรมดังกล่าวเป็นพยาน เช่นนี้ จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 142 เพราะขณะฉีกเอกสารรายนี้ยังไม่ใช่เอกสารที่ศาลสั่งให้จำเลยส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐาน
อนึ่ง เมื่อจำเลยฉีกให้ขาดโดยไม่ได้ทำให้โจทก์หรือผู้ใดเสียหาย และโจทก์สืบไม่ได้ว่าจำเลยเจตนาทำให้เอกสารไร้ประโยชน์ จำเลยก็ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1098/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ส่งสำเนาฎีกาและการทิ้งฟ้อง: ศาลสั่งซ้ำความในกฎหมายไม่ได้ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง
ตามปกติในคดีแพ่ง เมื่อศาลสั่งรับอุทธรณ์หรือฎีกาแล้ว ก็สั่งไว้ด้วยว่าให้คู่ความที่ยื่นอุทธรณ์หรือฎีกานั้นนำส่งสำเนาให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งแก้ภายในกี่วันก็ตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนด หมายความว่า คู่ความฝ่ายนั้นจะต้องมานำส่งสำเนาภายในกำหนดเวลานั้นนับแต่วันทราบคำสั่งศาล ถ้าไม่ปฏิบัติตามและไม่สามารถชี้แจงเหตุขัดข้อง ศาลก็อาจวินิจฉัยสั่งว่าเป็นการทิ้งฟ้องได้
เมื่อศาลสั่งว่า "ให้รับฎีกาและนำส่งสำเนาให้จำเลยแก้ภายใน 15 วันนับแต่วันรับสำเนาฎีกา" เป็นการสั่งซ้ำความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 237, 247 และมิได้สั่งกำหนดวันให้โจทก์นำส่งสำเนาฎีกา ครบกำหนด 15 วันแล้ว โจทก์ยังไม่ติดต่อนำส่งสำเนาฎีกา ศาลก็จะสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องฎีกาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 964/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขอศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ: ผู้มีสิทธิและขอบเขต
ผู้ที่จะร้องขอต่อศาลเพื่อสั่งให้บุคคลใด เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา34 นั้นคือ ผู้ที่ระบุไว้ใน มาตรา 29 ซึ่งรวมทั้งผู้พิทักษ์ตามพฤตินัยของบุคคลที่ไม่สามารถจัดการงานของตนเองได้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คนใบ้ไม่ถือเป็นผู้ไร้ความสามารถ จนกว่าศาลสั่ง มีอำนาจดำเนินคดีได้
ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(12)และมาตรา 56 ศาลจะตั้งผู้แทนเฉพาะคดีให้ก็ต่อเมื่อ บุคคลใดเป็นผู้ไร้ความสามารถ และไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้แทนโดยชอบธรรมทำหน้าที่ไม่ได้
บุคคลใดแม้จะเป็นคนใบ้มาแต่กำเนิดก็ตาม เมื่อศาลยังมิได้สั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ก็ย่อมไม่ใช่บุคคลผู้ไร้ความสามารถตามกฎหมาย ฉะนั้น จึงมีอำนาจดำเนินคดีได้อย่างบุคคลธรรมดา ผู้อื่นจะร้องขอให้ศาลตั้งตนเป็นผู้แทนเฉพาะคดีไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 323/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขฟ้องที่ขาดการลงชื่อ - ศาลมีอำนาจสั่งให้แก้ไขได้หากไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
สืบพยานโจทก์ได้ 1 ปาก โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลว่า คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ โจทก์ยังมิได้ลงชื่อ ทั้งเป็นสำเนาด้วย โจทก์ขอส่งคำขอท้ายฟ้องอันแท้จริงใหม่ ศาลชั้นต้นสอบถามจำเลย จำเลยว่าแล้วแต่ศาลจะสั่ง ดังนี้ ศาลชั้นต้นจะสั่งยกคำร้องของโจทก์ หาชอบไม่น่าจะเป็นความพลั้งเผลอของผู้ที่กลัดคำฟ้อง กลัดสับสนกันไป หากศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์จัดทำใหม่ให้ถูกต้อง ก็ไม่ทำให้จำเลยเสียหายในการดำเนินคดี หรือต่อสู้คดีแต่ประการใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1066/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดต้องเคาะไม้ตกลงขาย หากยังไม่ได้เคาะไม้ ศาลย่อมสั่งให้ขายใหม่ได้
ในการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ ตามคำพิพากษา เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินคดีดำเนินการประมูลโดยไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้เคาะไม้ตกลงขาย แต่ทำรายงานเสนอต่อศาลเพื่อขออนุญาตขายแก่ผู้ให้ราคาสูงสุด ศาลเห็นว่า มีผู้ให้ราคาน้อย ไปยังไม่สมควรให้ขายศาลย่อมสั่งให้ดำเนินการขายทอดตลาดใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 989/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยร่วมนิ่งเงียบในคดีแล้วมาอ้างสิทธิใหม่หลังบังคับคดีไม่ได้ ศาลสั่งห้ามขัดขวางการคืนสิทธิให้โจทก์
ผู้ที่ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยในคดียกข้อต่อสู้พิพาทต่อโจทก์นั้นย่อมถือได้ว่าได้เข้ามามีฐานะเป็นจำเลยตามที่ตนขอ ต่อมาเมื่อคดีถึงที่สุดในชั้นบังคับคดี จะมาอ้างข้อต่อสู้ขึ้นใหม่ไม่ได้ เพราะเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นใหม่เพื่อลบล้างข้อเท็จจริงในคดีที่ถึงที่สุดแล้ว
ในกรณีดังกล่าวแล้ว เมื่อโจทก์ชนะคดีโจทก์ย่อมขอให้ศาลออกคำบังคับเอาแก่ผู้ร้องสอดที่เข้ามาเป็นจำเลยนั้นในประเด็นที่ได้ยกขึ้นพิพาทกับโจทก์ได้ (แม้โจทก์จะมิได้ขอเพิ่มเติมให้บังคับเอาแก่ผู้ร้องสอดหลังจากที่ได้มีการร้องสอดเข้ามาแล้วก็ตาม)
โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินคืนจากจำเลย ผู้ร้องสอดร้องเข้ามาว่าเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่นั้น โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง คดีถึงที่สุดว่าจำเลยต้องคืนที่ให้แก่โจทก์ ศาลย่อมออกคำบังคับผู้ร้องสอดไม่ให้มาเกี่ยวข้องขัดขวางการได้คืนที่ดินของโจทก์ได้
of 7