พบผลลัพธ์ทั้งหมด 61 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1157/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนกรณีผู้จัดการมรดกสมยอมขายทรัพย์สินมรดกให้ภรรยาตนเอง และการกำหนดดอกเบี้ยจากเหตุการณ์ที่จำเลยทำให้ไม่สามารถโอนโฉนดกลับได้
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายระหว่างหลวงสกลฯ ผู้ขายกับจำเลยผู้ซื้อ ในระหว่างพิจารณาคดีก่อนจำเลยโอนขายที่ดินแก่คนอื่น ๆ ไปหลายทอด จนคดีก่อนถึงที่สุดโดยศาลไม่อาจพิพากษาให้ใส่ชื่อโจทก์ในโฉนดที่ดินดังกล่าวได้ โจทก์จึงมาฟ้องคดีใหม่ขอเรียกเงินราคาที่ดินแทน ไม่เป็นการฟ้องซ้ำกับคดีเดิม
ป.พ.พ.มาตรา 240 เป็นเรื่องอายุความในกรณีเพิกถอนการฉ้อฉลอันลูกหนี้ได้กระทำนิติกรรมลงโดยรู้อยู่ว่าเป็นทางให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ ส่วนเรื่องผู้จัดการมรดกคนก่อนสมยอมขายที่ดินอันเป็นมรดกให้แก่ภรรยาของต้นนั้น จะใช้อายุความตาม ม.240 มายันแก่ผู้จัดการมรดกคนใหม่ไม่ได้
เมื่อจำเลยเป็นผู้ก่อเหตุขึ้นจนไม่สามารถโอนที่ดินพิพาทกลับคึนสู่ฐานะเดิมได้เช่นนี้ จึงเกิดเป็นหนี้ผูกพันจำเลยให้ต้องรับผิดใช้เงินราคาที่ดินแก่โจทก์รวมทั้งดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่เป็นราคาที่ดินนั้นอีกด้วย.
ป.พ.พ.มาตรา 240 เป็นเรื่องอายุความในกรณีเพิกถอนการฉ้อฉลอันลูกหนี้ได้กระทำนิติกรรมลงโดยรู้อยู่ว่าเป็นทางให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ ส่วนเรื่องผู้จัดการมรดกคนก่อนสมยอมขายที่ดินอันเป็นมรดกให้แก่ภรรยาของต้นนั้น จะใช้อายุความตาม ม.240 มายันแก่ผู้จัดการมรดกคนใหม่ไม่ได้
เมื่อจำเลยเป็นผู้ก่อเหตุขึ้นจนไม่สามารถโอนที่ดินพิพาทกลับคึนสู่ฐานะเดิมได้เช่นนี้ จึงเกิดเป็นหนี้ผูกพันจำเลยให้ต้องรับผิดใช้เงินราคาที่ดินแก่โจทก์รวมทั้งดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่เป็นราคาที่ดินนั้นอีกด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายทรัพย์สินโดยสมยอมหลีกเลี่ยงการบังคับคดี ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างว่าเป็นการกระทำที่ไม่สุจริต
ซื้อที่ดินบ้านเรือนจากลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยรู้ว่าศาลพิพากษาให้ใช้หนี้แล้วราคาที่ซื้อต่ำกว่าครึ่งและหักหนี้มิได้วางเงินกันเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึดเรือนบังคับคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอาศัยต้องจดทะเบียนเพื่อความสมบูรณ์ หากโอนทรัพย์สินโดยสมยอม ผู้โอนไม่มีอำนาจฟ้อง
สิทธิอาศัยเป็นทรัพย์สิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ถ้าไม่จดทะเบียนตาม ป.พ.พ.ม. 1299 ย่อมไม่บริบูรณ์
โจทก์ฟ้องขับไล่ จำเลยว่ามีสิทธิอาศัยตลอดชีวิตตามสัญญาที่ทำไว้กับเจ้าของเดิมและสู้ว่าโจทก์ได้รับโอนมาไม่ชอบด้วย ก.ม. ดังนี้แม้จะปรากฎว่าสิทธิอาศัยที่จำเลยอ้างนั้นไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งเจ้าของเดิมมีสิทธิบอกเลิกการให้อาศัยได้ก็ตาม ก็ยังมีประเด็นที่จะวินิจฉัยต่อไปว่าโจทก์ได้รับโอนมาชอบด้วย ก.ม.แล้วหรือยัง หากจำเลยสืบสมก็เท่ากับว่าโจทก์ยังไม่ใช่เจ้าของซึ่งไม่มีอำนาจฟ้อง ยังไม่ควรสั่งงดสืบพยานควรจะได้ฟังพยานในประเด็นข้อนี้ต่อไป
โจทก์ฟ้องขับไล่ จำเลยว่ามีสิทธิอาศัยตลอดชีวิตตามสัญญาที่ทำไว้กับเจ้าของเดิมและสู้ว่าโจทก์ได้รับโอนมาไม่ชอบด้วย ก.ม. ดังนี้แม้จะปรากฎว่าสิทธิอาศัยที่จำเลยอ้างนั้นไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งเจ้าของเดิมมีสิทธิบอกเลิกการให้อาศัยได้ก็ตาม ก็ยังมีประเด็นที่จะวินิจฉัยต่อไปว่าโจทก์ได้รับโอนมาชอบด้วย ก.ม.แล้วหรือยัง หากจำเลยสืบสมก็เท่ากับว่าโจทก์ยังไม่ใช่เจ้าของซึ่งไม่มีอำนาจฟ้อง ยังไม่ควรสั่งงดสืบพยานควรจะได้ฟังพยานในประเด็นข้อนี้ต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ที่ถูกพิพากษาให้โอนกรรมสิทธิ์แล้ว ศาลต้องพิจารณาความสมยอมเพื่อหลีกเลี่ยงหนี้
จำเลยเป็นหนี้ โจทก์ ๆ ฟ้อง จำเลยทำยอม จำเลยไม่ชำระโจทก์จึงนำยึดที่ดินของจำเลย ผู้ร้องคัดค้านว่าที่ดินที่โจทก์นำยึดนั้นศาลพิพากษาให้จำเลยโอนให้แก่ผู้ร้องแล้วในคดีอีกสำนวนหนึ่ง โจทก์และผู้ร้องต่างอ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งกับจำเลยสมยอมกันเพื่อเลี่ยงการชำระหนี้และโต้เถียงกันในประเด็นอื่นอีก ดังนี้ศาลจะต้องดำเนินการะบวนพิจารณาไปโดยไม่ต้องให้โจทก์ไปฟ้องเป็นคดีขึ้นใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ที่มีข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์และการสมยอมเพื่อเลี่ยงหนี้ ศาลต้องพิจารณาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
จำเลยเป็นหนี้โจทก์ โจทก์ฟ้องจำเลยทำยอม จำเลยไม่ชำระ โจทก์จึงนำยึดที่ดินของจำเลย ผู้ร้องคัดค้านว่าที่ดินที่โจทก์นำยึดนั้นศาลพิพากษาให้จำเลยโอนให้แก่ผู้ร้องแล้วในคดีอีกสำนวนหนึ่ง โจทก์และผู้ร้องต่างอ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งกับจำเลยสมยอมกันเพื่อเลี่ยงการชำระหนี้และโต้เถียงกันในประเด็นอื่นอีก ดังนี้ศาลจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาไปโดยไม่ต้องให้โจทก์ไปฟ้องเป็นคดีขึ้นใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 74/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินที่เกิดจากการสมยอมและปิดบังความจริงต่อศาล
ยื่นคำร้องต่อศาลขอเป็นผู้ปกครองเฉพาะทำนิติกรรมขายที่ดินของเด็ก แทนเด็ก ศาลไต่สวนแล้วมีคำสั่งอนุญาติ เมื่อปรากฎว่า การซื้อขายนั้นได้กระทำโดยสมยอมกันขายในราคาต่ำและปิดบังความจริงต่อศาล เด็กก็ย่อมมีสิทธิฟ้อง ขอให้ทำลายนิติกรรมการซื้อขายนั้นเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 74/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำนิติกรรมแทนเด็กโดยไม่ชอบ ศาลมีสิทธิเพิกถอนได้
ยื่นคำร้องต่อศาลขอเป็นผู้ปกครองเฉพาะทำนิติกรรมขายที่ดินของเด็ก แทนเด็ก ศาลไต่สวนแล้วมีคำสั่งอนุญาต เมื่อปรากฏว่าการซื้อขายนั้นได้กระทำโดยสมยอมกันขายในราคาต่ำและปิดบังความจริงต่อศาลเด็กก็ย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้ทำลายนิติกรรมการซื้อขายนั้นเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1145/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมยอมกันไม่ขายที่ดินแล้วไปขายให้ผู้อื่น ผู้ซื้อเดิมมีสิทธิเรียกร้องให้โอนที่ดิน
สัญญาจะขายที่ดินให้แก่เขาแล้ว กลับเอาไปขายแก่คนอื่น โดยสมยอมกันเพื่อจะไม่ขายที่ดินให้ผู้ซื้อคนแรก ดังนี้ ผู้ซื้อคนแรกมีสิทธิฟ้องผู้ขายและผู้ซื้อรายหลังขอให้ทำลายนิติกรรมการซื้อขายรายหลังเสียและขอให้ผู้ขายโอนที่ดินให้แก่ตนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1407/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของคำพิพากษาต่อบุคคลภายนอก: สิทธิในที่ดินที่พิพาทจากการสมยอมทำสัญญา
จำเลย 2 คนสมคบกันเอาที่ดินของโจทก์ไปทำสัญญาปรานีประนอมยอมความกันในศาล จนศาลพิพากษาไปตามยอมแล้วนั้น
โจทก์ผู้เป็นเจ้าของ ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้ง 2 ขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินพิพาทนั้นเป็นกรรมสิทธิของโจทก์ได้ แต่จะให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งในคดีเดิมสัญญาปรานีประนอมยอมความตลอดจนคำพิพากษาท้ายยอมในคดีเดิมที่จำเลยทั้งสองสมคบกันสมยอมไว้นั้น ศาลย่อมไม่เพิกถอนให้ เพราะเห็นว่าคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลตามธรรมดา ย่อมผูกพันคู่ความในคดีนั้น บุคคลภายนอกย่อมไม่มีความจำเป็นจะต้องให้เพิกถอน เมื่อโจทก์พิศูจน์ได้ว่ามีสิทธิดีกว่าจำเลย ศาลก็พิพากษาให้ที่ดินนั้นเป็นของโจทก์และพิพากษาให้คำสั่งในคดีก่อนสัญญาปรานีประนอมยอมความและคำพิพากษาท้ายยอมในคดีก่อนไม่ผูกพันโจทก์
โจทก์ผู้เป็นเจ้าของ ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้ง 2 ขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินพิพาทนั้นเป็นกรรมสิทธิของโจทก์ได้ แต่จะให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งในคดีเดิมสัญญาปรานีประนอมยอมความตลอดจนคำพิพากษาท้ายยอมในคดีเดิมที่จำเลยทั้งสองสมคบกันสมยอมไว้นั้น ศาลย่อมไม่เพิกถอนให้ เพราะเห็นว่าคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลตามธรรมดา ย่อมผูกพันคู่ความในคดีนั้น บุคคลภายนอกย่อมไม่มีความจำเป็นจะต้องให้เพิกถอน เมื่อโจทก์พิศูจน์ได้ว่ามีสิทธิดีกว่าจำเลย ศาลก็พิพากษาให้ที่ดินนั้นเป็นของโจทก์และพิพากษาให้คำสั่งในคดีก่อนสัญญาปรานีประนอมยอมความและคำพิพากษาท้ายยอมในคดีก่อนไม่ผูกพันโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเฉลี่ยทรัพย์จากสัญญากู้สมยอม: ศาลจำกัดสิทธิเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องโดยตรง
จำเลยสมยอมกันทำสัญญากู้แล้วนำมาฟ้องศาล ทำสัญญายอมความกัน แล้วจำเลยผู้ขนะคดีมายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีที่โจทก์เป็นเจ้าหนี้ยึดทรัพย์มาโจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งสองขอให้เพิกถอนสัญญากู้ สัญญายอมความอีกทั้งคำพิพากษาตามยอมและขอให้จำเลยถอนคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เสียนั้น ความประสงค์อันแท้จริงของโจทก์ ก็คือจะไม่ให้จำเลยมีสิทธิได้รับส่วนเฉลี่ยทรัพย์ที่โจทก์ได้ยึดไว้ ฉะนั้นศาลจึ่งพิพากษาแต่เพียงว่า จำเลยจะอ้างสิทธิตามสัญญากู้และสัญญายอมความอีกทั้งคำพิพากษาตามยอมในคดีที่สมยอมกันนั้นมาขอเฉลี่ย ทรัพย์ที่โจทก์ยึดในอีกคดีหนึ่งไม่ได้ไม่จำเป็นต้องเพิกถอนสัญญาตามคำขอของโจทก์ เพราะผลคำพิพากษาในคดีของจำเลยนั้นเป็นเรื่องระหว่างจำเลยด้วยกัน