พบผลลัพธ์ทั้งหมด 91 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายฝากไม่สมบูรณ์และประเด็นลาภมิควรได้ การคืนเงินและที่ดิน
สัญญาขายฝากอสังหาริมทรัพย์ระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะเพราะมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โจทก์ต้องคืนที่ดินให้จำเลย จำเลยก็ต้องคืนเงินให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 406 ในลักษณะลาภมิควรได้เพราะเป็นการรับไว้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ และทำให้โจทก์เสียเปรียบ ทั้งตามคำฟ้องโจทก์ก็ได้บรรยายถึงเรื่องลาภมิควรได้ไว้แล้วที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานให้ได้ความเสียก่อนว่าจำเลยได้รับเงินค่าขายฝาก 30,000 บาท จากโจทก์หรือไม่แล้วพิพากษาใหม่
คดีในชั้นฎีกาเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ โจทก์ชำระค่าขึ้นศาลมาอย่างคดีมีทุนทรัพย์ ศาลฎีกาให้คืนค่าขึ้นศาลที่ชำระเกินมาในชั้นฎีกาแก่โจทก์
คดีในชั้นฎีกาเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ โจทก์ชำระค่าขึ้นศาลมาอย่างคดีมีทุนทรัพย์ ศาลฎีกาให้คืนค่าขึ้นศาลที่ชำระเกินมาในชั้นฎีกาแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายฝากไม่สมบูรณ์ ศาลพิจารณาคืนเงินในลักษณะลาภมิควรได้ หากจำเลยรับเงินจริง
สัญญาขายฝากอสังหาริมทรัพย์ระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะเพราะมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โจทก์ต้องคืนที่ดินให้จำเลย จำเลยก็ต้องคืนเงินให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 406 ในลักษณะลาภมิควรได้เพราะเป็นการรับไว้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ และทำให้โจทก์เสียเปรียบ ทั้งตามคำฟ้องโจทก์ก็ได้บรรยายถึงเรื่องลาภมิควรได้ไว้แล้ว ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานให้ได้ความเสียก่อนว่าจำเลยได้รับเงินค่าขายฝาก 30,000 บาท จากโจทก์หรือไม่แล้วพิพากษาใหม่ คดีในชั้นฎีกาเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ โจทก์ชำระค่าขึ้นศาลมาอย่างคดีมีทุนทรัพย์ ศาลฎีกาให้คืนค่าขึ้นศาลที่ชำระเกินมาในชั้นฎีกาแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2505/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อจะขายต้องมีเจตนาผูกพัน สัญญาที่ไม่ชัดเจนไม่ถือเป็นสัญญาจะซื้อจะขายที่สมบูรณ์
ก่อนวันทำบันทึกเอกสารหมาย ล.3 แม้ฝ่ายโจทก์จะต้องการให้ จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาทให้โจทก์ แต่จำเลยก็มิได้สมัครใจที่จะทำสัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาทขึ้นให้เป็นการผูกพันระหว่างโจทก์จำเลย ส่วนบันทึกหมายล.3 รวม 7 แผ่น ศ. ปลัดอำเภอทำขึ้นระหว่างจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของนากับล.และพวกซึ่งเป็นผู้เช่านาและผู้ปลูกบ้านอาศัยอยู่ในที่พิพาท ในแผ่นที่ 1 และที่ 2 ระบุข้อความว่าเป็น เรื่องแจ้งการขายที่ดินโดยจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่นาจะทำการขายให้โจทก์หรือนิติบุคคลอื่นใดที่โจทก์เป็นกรรมการหรือผู้ถือหุ้น แต่ที่ดินแปลงนี้จำเลยได้ให้ผู้มีชื่อรวม 11 รายเช่าและปลูกบ้านอยู่อาศัย จำเลยมีความประสงค์จะขายที่นาแปลงดังกล่าวในราคา 2,688,000 บาทโดยชำระเงินงวดเดียวในวันโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดิน จึงขอเสนอขาย ให้ผู้เช่ามาก่อน จำเลยกับผู้เช่านารวม 8 รายได้ลงชื่อไว้ในบันทึกแผ่นที่ 2 นี้ ส่วนโจทก์มิได้ลงชื่อไว้ แผ่นที่ 3 ถึงที่ 5 เป็นบันทึกเกี่ยวกับ ความยินยอมของผู้เช่านาที่ยินยอมให้จำเลยขายที่พิพาทให้โจทก์ และผู้เช่านาทั้งหมดขอเลิกการเช่านาโดยมีเงื่อนไขว่าผู้เช่าขอที่นาจากโจทก์ผู้ซื้อคนละ 1 ไร่ ผู้เช่าและผู้ปลูกบ้านขอค่ารื้อถอน และผู้เช่านาทั้งหมดไม่มีความต้องการจะซื้อที่นาแปลงดังกล่าว โดยมีผู้เช่านาทั้งหมดลงชื่อไว้ฝ่ายเดียวในแผ่นที่ 4 และแผ่นที่ 5 ส่วนโจทก์และจำเลยมิได้ลงชื่อไว้ สำหรับแผ่นที่ 6 เป็นบันทึกเปรียบเทียบของนายอำเภอว่าผู้เช่านาและผู้อาศัยยินดีเลิกการเช่าและรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินยอมให้เจ้าของนาขายที่นาให้โจทก์ และโจทก์ยินดียกที่นาให้ผู้เช่านารายละ 1 ไร่ และยินยอมให้ค่ารื้อบ้านแก่ผู้เช่านาและผู้อาศัยปลูกบ้าน โดยผู้เช่านาและผู้อาศัยรวม 11 ราย จำเลยในฐานะผู้ให้เช่านา โจทก์ในฐานะผู้จะซื้อกับนายอำเภอผู้เปรียบเทียบลงชื่อไว้ในแผ่นที่ 7 ดังนี้ บันทึกหมาย ล.3ที่จำเลยเข้าไปเกี่ยวข้องลงชื่อไว้เป็นเพียงการกระทำของจำเลยในฐานะผู้ให้เช่านาเสนอขายที่นาให้แก่ผู้เช่านาก่อน ตามที่กฎหมายบังคับไว้ มิได้มีใจสมัครที่จะมุ่งหมายให้ข้อความในบันทึกดังกล่าวเป็นสัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาทระหว่างโจทก์จำเลย บันทึกหมาย ล.3 จึงมิใช่สัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3248/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายหุ้นต้องมีเจตนาเสนอและสนองที่ชัดเจน หากตกลงกันไม่ได้ในราคา สัญญาซื้อขายย่อมไม่สมบูรณ์
โจทก์จำเลยต่างเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ศ. ซึ่งมีข้อบังคับระบุว่า ผู้ถือหุ้นคนใดมีความประสงค์จะโอนหุ้น ต้องโอนให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทเดียวกันก่อน การที่จำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบว่าประสงค์จะขายหุ้น โดยมิได้กำหนดราคาค่าหุ้น หากแต่ให้มาติดต่อกับ น. ผู้รับมอบอำนาจของจำเลยก่อน จึงเป็นเพียงการเชื้อเชิญมิใช่คำเสนอ และหนังสือโต้ตอบระหว่างโจทก์จำเลยในเรื่องราคาค่าหุ้นอันเป็นข้อสำคัญแห่งสัญญาซึ่งยังไม่ตกลงกัน ก็มิใช่เป็นคำเสนอและคำสนองอันทำให้สัญญาซื้อขายหุ้นเกิดขึ้น โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิฟ้องให้บังคับจำเลยโอนหุ้นแก่โจทก์
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนขายหุ้นซึ่งมีราคาปรากฏตามเอกสารท้ายฟ้องเป็นเงิน 3,050,000 บาท เป็นคดีมีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ และต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ดังกล่าวตามตาราง 1 ข้อ 1 ก.ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนขายหุ้นซึ่งมีราคาปรากฏตามเอกสารท้ายฟ้องเป็นเงิน 3,050,000 บาท เป็นคดีมีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ และต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ดังกล่าวตามตาราง 1 ข้อ 1 ก.ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2051/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ดินและสถานีขนส่ง: สัญญาไม่สมบูรณ์หากยังไม่มีสัญญาเป็นหนังสือกับกรมการขนส่งทางบก
โจทก์ยื่นข้อเสนอต่อจำเลยให้ใช้ที่ดินที่โจทก์มีสิทธิเช่าเป็นที่ก่อสร้างสถานีจอดรถยนต์โดยสารประจำจังหวัด จำเลยนำเรื่องเสนอที่ประชุมคณะอนุกรรมการควบคุมการขนส่งประจำจังหวัด คณะอนุกรรมการเห็นชอบ จำเลยจึงเสนอเรื่องต่อไปยังกรมการขนส่งทางบกกรมการขนส่งทางบกพิจารณาแล้วเห็นชอบด้วย จึงมีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยให้ดำเนินการแจ้งให้โจทก์ไปทำสัญญากับกรมการขนส่งทางบก ดังนี้ กรณีต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 366 ตราบใดที่โจทก์ยังมิได้ทำสัญญากับกรมการขนส่งทางบกตามที่กรมการขนส่งทางบกประสงค์จะให้ทำสัญญาเป็นหนังสือตามที่ได้แจ้งให้โจทก์ทราบ สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยก็ยังไม่เกิดขึ้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญาเอาจากจำเลยได้
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2682/2519 และ 1957/2522)
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2682/2519 และ 1957/2522)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 142/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาที่ไม่สมบูรณ์: การนำสืบข้อต่อสู้เรื่องเหตุผลในการทำสัญญาและการไม่ได้รับเงินกู้
หนังสือสัญญากู้มีข้อความว่า จำเลยได้รับเงินกู้ไปเสร็จแล้วในวันทำสัญญา จำเลยให้การต่อสู้ว่ามิได้รับเงินกู้ เพราะโจทก์ซึ่งเป็นบิดาของภริยาจำเลยกับจำเลยได้ตกลงกันว่า โจทก์จะจัดการฌาปนกิจศพภริยาจำเลยและจะนำเงินซึ่งมีผู้มาช่วยงานศพมาใช้คืนโจทก์ โจทก์จึงให้จำเลยทำสัญญากู้ไว้เพื่อป้องกันมิให้จำเลยอ้างสิทธิในเงินที่มีผู้มาช่วย และโจทก์ได้รับเงินที่มีผู้มาช่วยงานศพไปแล้ว ดังนี้ ถ้าข้อเท็จจริงเป็นดังที่จำเลยต่อสู้มูลหนี้ระหว่างโจทก์จำเลยก็ไม่เกิดขึ้น สัญญากู้ที่ทำกันระหว่างโจทก์และจำเลยย่อมไม่สมบูรณ์ ไม่มีผลบังคับเท่ากับเป็นการนำสืบว่าสัญญาหรือหนี้ที่ระบุไว้ในเอกสารไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรค2 จำเลยจึงมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2505/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์ฎีกาในคดีเช่าทรัพย์สิน และการไม่มีผลผูกพันตามสัญญาจองที่ไม่สมบูรณ์
คดีที่โจทก์ฟ้องและจำเลยฟ้องแย้ง จะอุทธรณ์ฎีกาได้เพียงใดหรือไม่ต้องแยกพิจารณาคนละส่วน
สัญญาจองอาคารพาณิชย์ของโจทก์ ก็คือสัญญาซึ่ง จำเลยมีเจตนาจะเช่าอาคารพาณิชย์ของโจทก์อันเป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์
โจทก์จำเลยมีเจตนาที่จะทำสัญญาจองตึกแถวกันเป็นหนังสือเมื่อข้อความแห่งสัญญาอันเป็นสาระสำคัญยังไม่ได้ตกลงกันหมดทุกข้อ และสัญญายังมิได้ทำเป็นหนังสือตามที่ตกลงกัน ย่อมนับว่ายังมิได้มีสัญญาต่อกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 366 จำเลยจะอ้างว่า มีสัญญาจองอาคารพาณิชย์ระหว่างโจทก์จำเลยและอ้างสิทธิอย่างใดอย่างหนึ่งตามสัญญานั้นหาได้ไม่
เมื่อพยานจำเลยเท่าที่นำสืบมากระจ่างชัดแล้ว แม้จะให้สืบพยานจำเลยต่อไปก็ไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริงในเรื่องของจำเลยดีกว่าจำเลยเอง คดีจึงไม่มีประโยชน์อย่างใดที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยเพิ่มเติม
สัญญาจองอาคารพาณิชย์ของโจทก์ ก็คือสัญญาซึ่ง จำเลยมีเจตนาจะเช่าอาคารพาณิชย์ของโจทก์อันเป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์
โจทก์จำเลยมีเจตนาที่จะทำสัญญาจองตึกแถวกันเป็นหนังสือเมื่อข้อความแห่งสัญญาอันเป็นสาระสำคัญยังไม่ได้ตกลงกันหมดทุกข้อ และสัญญายังมิได้ทำเป็นหนังสือตามที่ตกลงกัน ย่อมนับว่ายังมิได้มีสัญญาต่อกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 366 จำเลยจะอ้างว่า มีสัญญาจองอาคารพาณิชย์ระหว่างโจทก์จำเลยและอ้างสิทธิอย่างใดอย่างหนึ่งตามสัญญานั้นหาได้ไม่
เมื่อพยานจำเลยเท่าที่นำสืบมากระจ่างชัดแล้ว แม้จะให้สืบพยานจำเลยต่อไปก็ไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริงในเรื่องของจำเลยดีกว่าจำเลยเอง คดีจึงไม่มีประโยชน์อย่างใดที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยเพิ่มเติม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2264/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อจะขายยังไม่สมบูรณ์ สิทธิครอบครองยังเป็นของเจ้าของเดิม การยึดทรัพย์ทำได้
สัญญาระบุให้ผู้ซื้อที่ดินชำระราคาเป็นงวด และมีเงื่อนไขกำหนดให้ผู้ขายโอนทรัพย์พิพาทให้แก่ผู้ซื้อในวันที่ผู้ขายได้รับเงินงวดสุดท้ายครบถ้วนแล้ว เมื่อผู้ซื้อยังชำระราคาไม่ครบถ้วนตามสัญญา สัญญาดังกล่าวจึงเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขายเท่านั้น การที่ผู้ขายส่งมอบการครอบครองทรัพย์พิพาท ซึ่งเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญให้แก่ผู้ซื้อในวันทำสัญญา เป็นเพียงการมอบให้ครอบครองไว้แทนเท่านั้น หาได้มอบการครอบครองให้โดยสิทธิขาด อันจะเป็นเหตุให้ผู้ซื้อได้มาซึ่งสิทธิครอบครองในที่ดินนั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1206/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายหลอกลวงเป็นโมฆะ: เจตนาลวงทำให้สัญญาไม่สมบูรณ์
บุตรโจทก์ชอบดื่มสุราและเล่นการพนัน จะเอาที่พิพาทไปจำนอง โจทก์จึงขายที่พิพาทให้จำเลยหลอก ๆ เมื่อกลับถึงบ้าน โจทก์คืนเงินที่จำเลยชำระให้แก่จำเลยดังนี้ สัญญาซื้อขายที่พิพาทจึงทำขึ้นโดยเจตนาลวงเป็นโมฆะต้องคืนที่พิพาทให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อจะขายที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย และอำนาจฟ้องบังคับคดี
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนขายบ้านให้โจทก์ โดยกล่าวอ้างว่าจำเลยทั้งสองทำสัญญาจะขายบ้านโดยมีหลักฐาน เป็นหนังสือปรากฏว่าตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้น จำเลยที่ 2 พิมพ์ ลายนิ้วมือในสัญญาโดยมีพยานรับรองเพียงคนเดียวซึ่งการพิมพ์ลายนิ้วมือจะต้องมีพยานลงลายมือชื่อรับรองสองคน จึงจะเสมอกับลงลายมือชื่อ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 9 วรรคสาม ที่โจทก์ลงชื่อในสัญญาไม่มีข้อความระบุว่าเป็นพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยที่ 2 ต้องถือว่าโจทก์ลงชื่อในฐานะผู้ซื้อ จึงถือไม่ได้ว่าสัญญาดังกล่าวได้ลงลายมือชื่อจำเลยที่ 2 ฝ่ายที่ต้องรับผิดส่วนจำเลยที่ 1 มิได้ลงลายมือชื่อในสัญญาด้วย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องบังคับแก่จำเลยทั้งสองตามสัญญาจะซื้อจะขายดังกล่าวได้
โจทก์มีอำนาจฟ้องตามสัญญาจะซื้อจะขายได้หรือไม่นั้น เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา142(5)
โจทก์มีอำนาจฟ้องตามสัญญาจะซื้อจะขายได้หรือไม่นั้น เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา142(5)