พบผลลัพธ์ทั้งหมด 65 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1992/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนโทรมหญิง: การใช้กำลังข่มขืนในที่สาธารณะเข้าลักษณะโทรมหญิง
จำเลยสองคนร่วมกันใช้มีดปลายแหลมจี้ขู่บังคับและใช้กำลังฉุดผู้เสียหายเข้าไปในสวนมะพร้าวข้างทาง แล้วจับกดผู้เสียหายให้นอนลงบนพื้นดิน ช่วยกันจับมือและกดผู้เสียหายไว้ให้โอกาสอีกคนหนึ่งผลัดกันกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่ของจำเลยทั้งสองคนๆ ละ 1ครั้ง ดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเข้าลักษณะเป็นการโทรมหญิง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันกระทำผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนาจากการยิงปืนในที่สาธารณะ แม้ไม่ทราบกระสุนใครถูกใคร
การที่จำเลยทุกคนมาด้วยกันเป็นกลุ่มเดียวกัน โดยมีความมุ่งหมายอย่างเดียวกัน เพื่อทำการจับกุมคนร้ายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้แยกออกเป็นสองพวกๆ ละ 5 คน พวกหนึ่งไปหมอบอยู่ใต้ต้นมะพร้าว จ้องปืนไปทางเรือนของ ว. อีกพวกหนึ่งไปหมอบที่ใต้ต้นลองกองหันปากกระบอกปืนไปทางเรือนของ ว. และ อ.แล้วจำเลยกับพวกก็พากันยิงเข้าไปในที่เกิดเหตุพร้อมๆ กันปรากฏว่ามีคนถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตายและบาดเจ็บถือได้ว่าจำเลยทุกคนร่วมกันกระทำความผิดแล้ว
การที่จำเลยทุกคนต่างใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธที่ร้ายแรงยิงเข้าไปในกลุ่มบ้านเรือนประชาชนซึ่งมีคนอยู่บนเรือนและที่พื้นดินในบริเวณนั้นพร้อมๆ กัน จำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการยิงของจำเลยกับพวกได้ว่ากระสุนปืนอาจถูกบุคคลที่อยู่ในบริเวณนั้นเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตก็ได้ เมื่อปรากฏว่ามีผู้ถูกกระสุนปืนของจำเลยกับพวกถึงแก่ความตายและบาดเจ็บและฟังได้ว่าจำเลยทุกคนร่วมกันกระทำความผิดแล้วแม้จะไม่ได้ความแน่ชัดว่ากระสุนปืนของจำเลยคนใดถูกผู้ตายทั้งสามคนนั้นคนใดบ้าง ก็ถือได้ว่าจำเลยทุกคนร่วมกันกระทำความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา และพยายามฆ่า
การที่จำเลยทุกคนต่างใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธที่ร้ายแรงยิงเข้าไปในกลุ่มบ้านเรือนประชาชนซึ่งมีคนอยู่บนเรือนและที่พื้นดินในบริเวณนั้นพร้อมๆ กัน จำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการยิงของจำเลยกับพวกได้ว่ากระสุนปืนอาจถูกบุคคลที่อยู่ในบริเวณนั้นเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตก็ได้ เมื่อปรากฏว่ามีผู้ถูกกระสุนปืนของจำเลยกับพวกถึงแก่ความตายและบาดเจ็บและฟังได้ว่าจำเลยทุกคนร่วมกันกระทำความผิดแล้วแม้จะไม่ได้ความแน่ชัดว่ากระสุนปืนของจำเลยคนใดถูกผู้ตายทั้งสามคนนั้นคนใดบ้าง ก็ถือได้ว่าจำเลยทุกคนร่วมกันกระทำความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา และพยายามฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 894/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องความผิดทะเลาะวิวาทในที่สาธารณะ ไม่ต้องใช้ถ้อยคำตามกฎหมายเป๊ะๆ หากพอเข้าใจได้ว่าผิดก็ชอบด้วยกฎหมาย
คำฟ้องในข้อหาความผิดฐานทะเลาะกันอย่างอื้ออึงในทางสาธารณะหรือ สาธารณสถาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 372 ไม่เคร่งครัดถึงกับต้องบรรยายใช้ถ้อยคำในตัวบทกฎหมายเสมอไป เมื่ออ่านคำฟ้องทั้งหมดพอเข้าใจได้ว่าเป็นการทะเลาะกันอย่างอื้ออึงในทางสาธารณะหรือสาธารณสถานแล้ว ก็เป็นคำฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 140/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีอาวุธปืนเถื่อนและพกพาในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร เป็นความผิดหลายกรรม
การมีปืนซึ่งไม่มีเครื่องหมายของนายทะเบียนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และยังได้พกปืนพร้อมด้วยกระสุนปืนนั้นไปในทางสาธารณะในเมืองโดยไม่มีเหตุสมควร ย่อมเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ และตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 เป็นสองกรรมต่างกันหาใช่กรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1818/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาจากการยิงปืนในที่สาธารณะโดยประมาทและความมึนเมาสุรา
จำเลยเมาสุราแล้วยิงปืนเข้าไปในฝูงชนโดยมิได้คำนึงว่ากระสุนปืนจะไปถูกใครเข้า จำเลยย่อมเล็งเห็นผลที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำของตน จำเลยจะอ้างความมึนเมาเป็นเหตุยกเว้นโทษไม่ได้เพราะจำเลยเสพสุราโดยมิได้ถูกขืนใจให้เสพหรือเสพโดยไม่รู้ว่าเป็นของมึนเมา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508-510/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแนะนำตัวเพื่อค้าประเวณีในที่สาธารณะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ. ปรามการค้าประเวณี
การที่จำเลยกับพวกนั่งรออยู่ในห้องโถงชั้นล่างของโรงแรมอันเป็นสถานที่เปิดเผยก็เพื่อการค้าประเวณี โดยแสดงตัวให้ชายที่มาเที่ยวพบเห็นเพื่อจะได้ร่วมประเวณีด้วยเท่ากับจำเลยได้แนะนำตัวในที่อันเป็นการเปิดเผยและน่าอับอายตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 5 (1) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508-510/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแนะนำตัวเพื่อค้าประเวณีในที่สาธารณะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ. ปรามการค้าประเวณี
การที่จำเลยกับพวกนั่งรออยู่ในห้องโถงชั้นล่างของโรงแรมอันเป็นสถานที่เปิดเผยก็เพื่อการค้าประเวณี โดยแสดงตัวให้ชายที่มาเที่ยวพบเห็นเพื่อจะได้ร่วมประเวณีด้วยเท่ากับจำเลยได้แนะนำตัวในที่อันเป็นการเปิดเผยและน่าอับอายตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 5(1) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1608/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่สาธารณะ - การรบกวนการครอบครอง - อำนาจฟ้อง - ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ฟ้องของโจทก์คดีก่อน โจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาทโดยซื้อได้จากการขายทอดตลาดของศาล แล้วให้จำเลยเช่า จำเลยผิดสัญญาเช่า จึงขอให้ขับไล่จำเลย ศาลฎีกาฟังว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะโจทก์ไม่มีสิทธิเอาไปให้จำเลยเช่า พิพากษายกฟ้องโจทก์ ส่วนคดีนี้โจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นผู้ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาทอันเป็นที่สาธารณะนี้อยู่ตั้งแต่จำเลยแพ้คดีโจทก์ในชั้นศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ครั้นเมื่อจำเลยชนะคดีในชั้นศาลฎีกา จำเลยจึงได้บุกรุกเข้ามาปลูกต้นมะพร้าวอันเป็นการโต้แย้งรบกวนสิทธิของโจทก์ ดังนี้ แม้ที่พิพาทจะเป็นแปลงเดียวกัน คู่ความเดียวกัน แต่สิทธิที่โจทก์อ้างมาในฟ้องเป็นคนละอย่างคนละประเด็น การกระทำที่โจทก์อ้างว่าจำเลยรบกวนสิทธิของโจทก์เป็นคนละวาระและมิได้ต่อเนื่องกัน ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
แม้ที่พิพาทจะเป็นที่สาธารณประโยชน์ของแผ่นดินซึ่งพลเมืองมีสิทธิใช้ร่วมกัน แต่เมื่อโจทก์ครอบครองใช้ประโยชน์อยู่ก่อนแล้วจำเลยเข้าไปแย่งการครอบครองซ้อน ในระหว่างโจทก์จำเลยสิทธิเหนือที่พิพาทจึงดีกว่าจำเลย การที่จำเลยนำต้นมะพร้าวเข้าไปปลูกในที่พิพาทซึ่งโจทก์ครอบครองทำประโยชน์อยู่ จึงเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนสิทธิของโจทก์ได้
แม้ที่พิพาทจะเป็นที่สาธารณประโยชน์ของแผ่นดินซึ่งพลเมืองมีสิทธิใช้ร่วมกัน แต่เมื่อโจทก์ครอบครองใช้ประโยชน์อยู่ก่อนแล้วจำเลยเข้าไปแย่งการครอบครองซ้อน ในระหว่างโจทก์จำเลยสิทธิเหนือที่พิพาทจึงดีกว่าจำเลย การที่จำเลยนำต้นมะพร้าวเข้าไปปลูกในที่พิพาทซึ่งโจทก์ครอบครองทำประโยชน์อยู่ จึงเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนสิทธิของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1855/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอนสิทธิเพื่อนบ้านจากสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำพื้นที่สาธารณะและการฟ้องละเมิดที่ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ
โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ 3308 อยู่ริมแม่น้ำ โดยซื้อจาก บ. ซึ่ง บ. รับซื้อจาก อ. อีกต่อหนึ่ง ที่ดินแปลงนี้อยู่ติดกับบ้านของจำเลยซึ่งปลูกอยู่ชายตลิ่งแม่น้ำในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตัวเรือนของจำเลยบังหน้าที่ดินของโจทก์ ขัดต่อความสะดวกในการที่โจทก์จะใช้สอยหรือรับประโยชน์จากแม่น้ำลำคลองอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ดังนี้ถือว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายพิเศษ จำเลยจะอ้างว่าโจทก์ไม่เสียหาย เพราะที่ดินโจทก์ใช้เป็นทางเดินจำเป็นแล้ว ย่อมไม่ได้ (อ้างฎีกาที่1095/2500)
พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 มาตรา 89หาได้ตัดอำนาจโจทก์ที่จะฟ้องร้องจำเลยทางแพ่งเพื่อบังคับตามสิทธิของโจทก์อันมีอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่
คดีแดงที่ 3425/2504 นั้น ศาลวินิจฉัยในประเด็นที่ว่าจำเลยปลูกเรือนอยู่ได้เพราะบิดาของ อ. โจทก์ในคดีนั้นให้จำเลยเช่า และโจทก์ได้รับรองการเช่าแล้ว โจทก์ในคดีนั้นจึงไม่มีอำนาจที่จะฟ้องขับไล่จำเลย เพราะจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าฯ อันเป็นประเด็นโต้เถียงเกี่ยวกับเรื่องเช่าทรัพย์ ไม่ใช่เรื่องละเมิด ส่วนคดีนี้โจทก์อ้างว่าได้รับซื้อที่ดินโฉนดที่ 3308 จาก บ. โดย บ. ซื้อจาก อ. เป็นโฉนดแบ่งแยกจากโฉนดเลขที่ 2389 คือ ที่ดินที่พิพาทในคดีแดงที่3425/2504. แต่โจทก์คดีนี้มิได้เป็นคู่ความกับจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 3425/2504 จะถือว่าโจทก์เป็นผู้สืบสิทธิมาจากโจทก์ในคดีก่อนก็ไม่ได้ เพราะสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับโจทก์ในคดีก่อนเป็นสัญญาเช่าที่ในแม่น้ำนอกที่ดินที่โจทก์ในคดีนี้ซื้อมา จึงไม่ได้โอนมายังโจทก์พร้อมกับที่ดินที่โจทก์ซื้อ คดีจึงไม่มีประเด็นในเรื่องเช่าทรัพย์ดังในคดีก่อน ประเด็นในคดีนี้คือ โจทก์ให้จำเลยออกไปจากหน้าที่ดิน จำเลยไม่ยอมออก อันเป็นเรื่องละเมิด ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแดงที่ 3425/2504
พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 มาตรา 89หาได้ตัดอำนาจโจทก์ที่จะฟ้องร้องจำเลยทางแพ่งเพื่อบังคับตามสิทธิของโจทก์อันมีอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่
คดีแดงที่ 3425/2504 นั้น ศาลวินิจฉัยในประเด็นที่ว่าจำเลยปลูกเรือนอยู่ได้เพราะบิดาของ อ. โจทก์ในคดีนั้นให้จำเลยเช่า และโจทก์ได้รับรองการเช่าแล้ว โจทก์ในคดีนั้นจึงไม่มีอำนาจที่จะฟ้องขับไล่จำเลย เพราะจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าฯ อันเป็นประเด็นโต้เถียงเกี่ยวกับเรื่องเช่าทรัพย์ ไม่ใช่เรื่องละเมิด ส่วนคดีนี้โจทก์อ้างว่าได้รับซื้อที่ดินโฉนดที่ 3308 จาก บ. โดย บ. ซื้อจาก อ. เป็นโฉนดแบ่งแยกจากโฉนดเลขที่ 2389 คือ ที่ดินที่พิพาทในคดีแดงที่3425/2504. แต่โจทก์คดีนี้มิได้เป็นคู่ความกับจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 3425/2504 จะถือว่าโจทก์เป็นผู้สืบสิทธิมาจากโจทก์ในคดีก่อนก็ไม่ได้ เพราะสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับโจทก์ในคดีก่อนเป็นสัญญาเช่าที่ในแม่น้ำนอกที่ดินที่โจทก์ในคดีนี้ซื้อมา จึงไม่ได้โอนมายังโจทก์พร้อมกับที่ดินที่โจทก์ซื้อ คดีจึงไม่มีประเด็นในเรื่องเช่าทรัพย์ดังในคดีก่อน ประเด็นในคดีนี้คือ โจทก์ให้จำเลยออกไปจากหน้าที่ดิน จำเลยไม่ยอมออก อันเป็นเรื่องละเมิด ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแดงที่ 3425/2504
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 292/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมงในบ่อส่วนตัว: บ่อต้องไม่ล่อสัตว์น้ำจากที่จับสัตว์น้ำสาธารณะจึงไม่ผิด
การวิดบ่อล่อสัตว์สัตว์น้ำอันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2490 มาตรา 18 แก้ไขโดย (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2496 มาตรา 4 นั้น ต้องได้ความว่าเป็น บ่อล่อสัตว์น้ำ จากที่จับสัตว์น้ำ ดังที่กฎกระทรวง(ฉบับที่ 6) พ.ศ.2490 ว่าด้วยบ่อล่อสัตว์น้ำ ออกตามความในพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2490 ข้อ 1 กำหนดไว้ สำหรับ หนอง ก็ เฉพาะที่เป็นหนองสาธารณะ จึงจะเป็นที่จับสัตว์น้ำตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2490 มาตรา 4(5) เมื่อข้อเท็จจริงยุติว่า หนอง(พิพาท) ไม่ใช่หนองสาธารณะก็ไม่เป็นที่จับสัตว์น้ำ บ่อล่อปลาของจำเลยในหนองดังกล่าว จึงถือไม่ได้ว่าเป็นบ่อล่อสัตว์น้ำ ดังนี้ จำเลยวิดน้ำทำการประมงในบ่อของจำเลย จึงเอาผิดแก่จำเลยมิได้ (อ้างนัยฎีกาที่ 1103/2493)