พบผลลัพธ์ทั้งหมด 48 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1197/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำหน่ายคดี-ค่าธรรมเนียมศาล: อุทธรณ์ไม่ทันเวลา สิทธิสิ้นสุด
ศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความเพราะโจทก์ทิ้งฟ้องโจทก์ต้องอุทธรณ์คำสั่งศาลที่สั่งไม่คืนค่าธรรมเนียมศาลให้โจทก์เสียภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่ ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดี การที่โจทก์ยื่นคำแถลงขอให้ศาลชั้นต้นสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลเมื่อล่วงเลยอายุอุทธรณ์ดังกล่าวแล้วไม่เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีสิทธิฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 229/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้และการยึดถือโฉนดที่ดิน สิทธิยึดถือสิ้นสุดเมื่อหนี้ขาดอายุความ การยึดถือไม่เข้าข่ายจำนำ
แม้จะฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยนำสืบว่า โจทก์ได้กู้เงินจำเลยและได้มอบโฉนดที่ดินให้จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันการกู้เงิน ตามสัญญากู้มิได้กำหนดวันชำระเงินไว้ สิทธิเรียกร้องของจำเลยที่จะให้โจทก์ชำระเงินตามสัญญากู้ เริ่มนับตั้งแต่วันกู้เป็นต้นไป และมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 นับตั้งแต่วันกู้เงิน ถึงวันที่โจทก์ฟ้องเป็นเวลาเกิน 10 ปีแล้ว จำเลยมิได้นำสืบให้เห็นว่าสิทธิเรียกร้องของจำเลยไม่ขาดอายุความเพราะเหตุใด เมื่อหนี้ที่จำเลยอาศัยป็นมูลเหตุยึดถือโฉนดฉบับพิพาทของโจทก์ไว้ขาดอายุความเสียแล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิยึดถือโฉนดไว้เป็นประกันหนี้นั้นต่อไป
การที่โจทก์กู้เงินและมอบโฉนดให้จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ ไม่เข้าลักษณะจำนำ กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 189 จำเลยไม่มีสิทธิยึดหน่วงโฉนดของโจทก์ไว้ต้องคืนให้โจทก์ (วรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2521)
การที่โจทก์กู้เงินและมอบโฉนดให้จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ ไม่เข้าลักษณะจำนำ กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 189 จำเลยไม่มีสิทธิยึดหน่วงโฉนดของโจทก์ไว้ต้องคืนให้โจทก์ (วรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2521)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 229/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้และการยึดถือโฉนดที่ดิน: เมื่อหนี้ขาดอายุความ สิทธิยึดถือโฉนดก็สิ้นสุดลง
แม้จะฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยนำสืบว่า โจทก์ได้กู้เงินจำเลยและได้มอบโฉนดที่ดินให้จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันการกู้เงิน ตามสัญญากู้มิได้กำหนดวันชำระเงินไว้สิทธิเรียกร้องของจำเลยที่จะให้โจทก์ชำระเงินตามสัญญากู้เริ่มนับตั้งแต่วันกู้เป็นต้นไป และมีอายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 นับตั้งแต่วันกู้เงินถึงวันที่โจทก์ฟ้องเป็นเวลาเกิน 10 ปีแล้วจำเลยมิได้นำสืบให้เห็นว่าสิทธิเรียกร้องของจำเลยไม่ขาดอายุความเพราะเหตุใด เมื่อหนี้ที่จำเลยอาศัยเป็นมูลเหตุยึดถือโฉนดฉบับพิพาทของโจทก์ไว้ขาดอายุความเสียแล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิยึดถือโฉนดไว้เป็นประกันหนี้นั้นต่อไป
การที่โจทก์กู้เงินและมอบโฉนดให้จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ ไม่เข้าลักษณะจำนำ กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา189 จำเลยไม่มีสิทธิยึดหน่วงโฉนดของโจทก์ไว้ต้องคืนให้โจทก์ (วรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2521)
การที่โจทก์กู้เงินและมอบโฉนดให้จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ ไม่เข้าลักษณะจำนำ กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา189 จำเลยไม่มีสิทธิยึดหน่วงโฉนดของโจทก์ไว้ต้องคืนให้โจทก์ (วรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2521)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 882/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมหลังชำระหนี้: เมื่อเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้แล้ว สิทธิในการเพิกถอนนิติกรรมย่อมสิ้นสุดลง
การฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 237 นั้น หากจำเลยนำเงินกู้ตามคำพิพากษามาวางศาล เพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้ว โจทก์ก็ไม่อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้จำเลยอันจะขอให้เพิกถอนต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 882/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมหลังชำระหนี้: เมื่อเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้แล้ว สิทธิในการขอเพิกถอนนิติกรรมย่อมสิ้นสุด
การฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 237 นั้น หากจำเลยนำเงินกู้ตามคำพิพากษามาวางศาลเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้ว โจทก์ก็ไม่อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้จำเลยอันจะขอให้เพิกถอนต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 344/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อบ้านและผลของการผิดสัญญา โดยการไม่รื้อถอนบ้านตามกำหนด ทำให้สิทธิเรียกร้องค่ารื้อถอนสิ้นสุดลง
ผู้เช่าที่ดินปลูกบ้านอยู่อาศัยทำสัญญากับผู้ให้เช่าว่าจะรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินภายในเวลาที่กำหนด และผู้ให้เช่าตกลงจะให้เงินค่ารื้อถอน แต่ผู้เช่าผิดสัญญาขายบ้านให้ผู้ซื้อรื้อไปหลังจากพ้นกำหนดแล้ว ตามสัญญาระบุว่าหากผู้เช่าไม่รื้อบ้านออกจากที่เช่าไปให้เสร็จสิ้นตามกำหนด ผู้เช่ายอมเลิกสละสิทธิการเช่าที่ดินและให้บ้านของผู้เช่าตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ให้เช่าตามสัญญาแล้วผู้เช่าย่อมหมดสิทธิที่จะรื้อถอนบ้านออกไปและเรียกค่ารื้อถอนจากผู้ให้เช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 325/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำนองสิ้นสุดเมื่อ น.ส.3 ที่ออกโดยไม่สุจริตถูกเพิกถอน แม้โจทก์จะรับจำนองโดยสุจริต
จำเลยเอาที่ดินมือเปล่าของผู้ร้องไปออก น.ส.3 เป็นของตนแล้วจำนองไว้กับโจทก์ เมื่อศาลได้พิพากษาให้เพิกถอน น.ส.3 โดยฟังว่าเป็นที่ดินของผู้ร้องแล้วเช่นนี้ แม้ศาลจะมิได้พิพากษาให้เพิกถอนการจำนองด้วย และรับฟังว่าโจทก์รับจำนองไว้โดยสุจริตก็ตาม สิทธิจำนองของโจทก์ที่จะบังคับเอาแก่ที่ดินที่รับจำนองไว้นี้ย่อมเป็นอันหมดสิ้นไปด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 325/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำนองเป็นอันสิ้นสุดเมื่อ น.ส.3 ที่ออกโดยไม่สุจริตถูกเพิกถอน แม้โจทก์จะรับจำนองโดยสุจริต
จำเลยเอาที่ดินมือเปล่าของผู้ร้องไปออก น.ส.3 เป็นของตนแล้วจำนองไว้กับโจทก์ เมื่อศาลได้พิพากษาให้เพิกถอน น.ส.3 โดยฟังว่าเป็นที่ดินของผู้ร้องแล้วเช่นนี้ แม้ศาลจะมิได้พิพากษาให้เพิกถอนการจำนองด้วย และรับฟังว่าโจทก์รับจำนองไว้โดยสุจริตก็ตาม สิทธิจำนองของโจทก์ที่จะบังคับเอาแก่ที่ดินที่รับจำนองไว้นี้ย่อมเป็นอันหมดสิ้นไปด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 805/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินให้แล้วครอบครองเอง: สิทธิของเจ้าของเดิมสิ้นสุดเมื่อการครอบครองถึงที่สุด แม้มีการแจ้ง ส.ค.1
โจทก์ยกที่พิพาทให้จำเลยโดยจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายแม้ภายหลังโจทก์จะได้เข้าครอบครองที่พิพาท จนได้สิทธิครอบครองและจำเลยไม่มีสิทธิเรียกเอาคืนซึ่งการครอบครองแล้วก็ไม่มีเหตุที่จะขอให้ทำลายนิติกรรมการยกให้นั้น
ที่ดินซึ่งไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ การแจ้งการครอบครองไม่ก่อให้เกิดสิทธิขึ้นใหม่แก่ผู้แจ้งแต่ประการใด ดังนั้น เมื่อจำเลยไม่มีสิทธิในที่พิพาทและศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องย่อมเป็นการเพียงพอ หาจำเป็นที่จะต้องเพิกถอนชื่อจำเลยออกจากแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1)ไม่
ที่ดินซึ่งไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ การแจ้งการครอบครองไม่ก่อให้เกิดสิทธิขึ้นใหม่แก่ผู้แจ้งแต่ประการใด ดังนั้น เมื่อจำเลยไม่มีสิทธิในที่พิพาทและศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องย่อมเป็นการเพียงพอ หาจำเป็นที่จะต้องเพิกถอนชื่อจำเลยออกจากแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1)ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 245/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอยู่อาศัยในที่ดินของผู้อื่นโดยไม่ชัดเจนถึงสัญญาจ้าง และสิทธิการอยู่อาศัยสิ้นสุดเมื่อถูกบอกกล่าว
โจทก์จ้างจำเลยทำสวน จำเลยเข้ามาปลูกเรือนอยู่ในที่ดินของโจทก์โดยโจทก์มิได้ว่ากล่าวประการใด ถือได้ว่าการเข้ามาอยู่ในที่ดินของโจทก์เป็นการอาศัย มิได้เข้ามาโดยมีข้อสัญญาจ้างตกลงเช่นนั้น ดังนั้น ถึงแม้โจทก์จะยังมิได้บอกเลิกสัญญาจ้าง และยังมิได้ชำระค่าจ้าง เมื่อโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไปแล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิจะอยู่ในที่พิพาทนี้อีกต่อไป