พบผลลัพธ์ทั้งหมด 46 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1227/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเฉลี่ยทรัพย์: สิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา vs. การโต้แย้งหนี้สมยอม
ผู้ร้องยื่นคำร้อง ขอเฉลี่ย ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดทรัพย์ของจำเลยไว้เพื่อขายชำระหนี้ ตามคำพิพากษา โดยผู้ร้องอ้างว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาอีกคดีหนึ่งและว่า จำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นใดอีกแล้ว เช่นนี้ แม้โจทก์จะยอมรับว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ จำเลยตามคำพิพากษาในคดีที่ผู้ร้องอ้างจริง ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ยังคัดค้านอยู่ว่า หนี้ตามคำพิพากษาที่ผู้ร้องอ้างมาขอเฉลี่ยทรัพย์นั้น เป็นหนี้ ที่เกิดการสมยอมกันระหว่างผู้ร้องกับจำเลย ดังนี้ ศาลไม่ชอบที่จะสั่งงดไต่สวนและอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยทรัพย์ได้เลย เพราะคำพิพากษาในคดีระหว่างผู้ร้องกับจำเลยนั้นไม่มีผลพูกพันโจทก์ในคดีนี้ซึ่งมิได้เป็นคู่ความด้วยในคดีนั้น โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะโต้แย้งคัดค้านว่า หนี้ตามคำพิพากษาที่ผู้ร้องอ้างมาขอเฉลี่ยนั้น เป็นหนี้ที่ไม่ชอบไม่ควรอย่างใดก็ย่อมได้ ศาลจะต้องดำเนินการไต่สวนคำขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องกับคำคัดค้านของโจทก์ แล้ววินิจฉัยสั่งไปตามประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1033/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลในคดีล้มละลาย: ลูกหนี้มีสิทธิโต้แย้งการรับชำระหนี้ แม้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจดำเนินคดี
ในคดีล้มละลาย เมื่อเจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ และจำเลยโต้แย้งคัดค้าน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนทำความเห็นแล้ว หากศาลสั่งขัดต่อข้อโต้แย้งของจำเลย จำเลยย่อมมีสิทธิจะอุทธรณ์คัดค้านได้ ไม่มีบทบัญญัติห้ามอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 524/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาเฉพาะคู่กรณี: สิทธิในการโต้แย้งของบุคคลภายนอก
คำพิพากษาย่อมมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น
คดีนี้โจทก์ชนะคดีจำเลยตามคำพิพากษาและได้ยึดเงินจำเลยไว้จำนวนหนึ่ง แต่มีผู้ร้องอีก 7 ราย ซึ่งต่างเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์รายนี้ โจทก์คัดค้านว่าผู้จัดการห้างหุ้นสวนจำเลยได้กู้เงินผู้ร้องทั้ง 7 รายไปเป็นการส่วนตัว และได้สมยอมกับผู้ร้องแกล้งเอานามของห้างหุ้นส่วนเข้าเป็นจำเลยในคดีเพื่อให้ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและอ้างเหตุอื่นอีกหลายประการว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอเฉลี่ยทรัพย์รายนี้
ดังนั้นโจทก์ย่อมมีสิทธิโต้แย้งคัดค้านได้ว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิด้วยเหตุต่าง ๆ ดังกล่าวนั้น เพราะคำพิพากษาเกี่ยวกับเรื่องกู้หนี้ยืมสินในคดีระหว่างผู้ร้องทั้ง 7 รายกับจำเลยย่อมมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น ไม่เป็นการผูกมัดคนภายนอกมิให้โต้แย้งเป็นอื่น ชอบที่ศาลชั้นต้นจะได้พิจารณาข้อคัดค้านของโจทก์.
คดีนี้โจทก์ชนะคดีจำเลยตามคำพิพากษาและได้ยึดเงินจำเลยไว้จำนวนหนึ่ง แต่มีผู้ร้องอีก 7 ราย ซึ่งต่างเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์รายนี้ โจทก์คัดค้านว่าผู้จัดการห้างหุ้นสวนจำเลยได้กู้เงินผู้ร้องทั้ง 7 รายไปเป็นการส่วนตัว และได้สมยอมกับผู้ร้องแกล้งเอานามของห้างหุ้นส่วนเข้าเป็นจำเลยในคดีเพื่อให้ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและอ้างเหตุอื่นอีกหลายประการว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอเฉลี่ยทรัพย์รายนี้
ดังนั้นโจทก์ย่อมมีสิทธิโต้แย้งคัดค้านได้ว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิด้วยเหตุต่าง ๆ ดังกล่าวนั้น เพราะคำพิพากษาเกี่ยวกับเรื่องกู้หนี้ยืมสินในคดีระหว่างผู้ร้องทั้ง 7 รายกับจำเลยย่อมมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น ไม่เป็นการผูกมัดคนภายนอกมิให้โต้แย้งเป็นอื่น ชอบที่ศาลชั้นต้นจะได้พิจารณาข้อคัดค้านของโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 524/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาเฉพาะคู่กรณี และสิทธิในการโต้แย้งของบุคคลภายนอก
คำพิพากษาย่อมมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น
คดีนี้โจทก์ชนะคดีจำเลยตามคำพิพากษาและได้ยึดเงินจำเลยไว้จำนวนหนึ่งแต่มีผู้ร้องอีก 7 รายซึ่งต่างเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์รายนี้โจทก์คัดค้านว่าผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำเลยได้กู้เงินผู้ร้องทั้ง 7 รายไปเป็นการส่วนตัวและได้สมยอมกับผู้ร้องแกล้งเอานามของห้างหุ้นส่วนเข้าเป็นจำเลยในคดีเพื่อให้ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและอ้างเหตุอื่นอีกหลายประการว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอเฉลี่ยทรัพย์รายนี้
ดังนั้นโจทก์ย่อมมีสิทธิโต้แย้งคัดค้านได้ว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิด้วยเหตุต่างๆ ดังกล่าวนั้นเพราะคำพิพากษาเกี่ยวกับเรื่องกู้หนี้ยืมสินในคดีระหว่างผู้ร้องทั้ง 7 รายกับจำเลยย่อมมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีเท่านั้นไม่เป็นการผูกมัดคนภายนอกมิให้โต้แย้งเป็นอื่น ชอบที่ศาลชั้นต้นจะได้พิจารณาข้อคัดค้านของโจทก์
คดีนี้โจทก์ชนะคดีจำเลยตามคำพิพากษาและได้ยึดเงินจำเลยไว้จำนวนหนึ่งแต่มีผู้ร้องอีก 7 รายซึ่งต่างเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์รายนี้โจทก์คัดค้านว่าผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำเลยได้กู้เงินผู้ร้องทั้ง 7 รายไปเป็นการส่วนตัวและได้สมยอมกับผู้ร้องแกล้งเอานามของห้างหุ้นส่วนเข้าเป็นจำเลยในคดีเพื่อให้ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและอ้างเหตุอื่นอีกหลายประการว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอเฉลี่ยทรัพย์รายนี้
ดังนั้นโจทก์ย่อมมีสิทธิโต้แย้งคัดค้านได้ว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิด้วยเหตุต่างๆ ดังกล่าวนั้นเพราะคำพิพากษาเกี่ยวกับเรื่องกู้หนี้ยืมสินในคดีระหว่างผู้ร้องทั้ง 7 รายกับจำเลยย่อมมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีเท่านั้นไม่เป็นการผูกมัดคนภายนอกมิให้โต้แย้งเป็นอื่น ชอบที่ศาลชั้นต้นจะได้พิจารณาข้อคัดค้านของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1231/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้าพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือเป็นข้อแพ้ชนะคดี แต่ศาลสืบพยานแล้ว ถือเป็นสิทธิโต้แย้งที่จำเลยเสียไป
แม้คู่ความจะได้ตกลงท้าพิศูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือโดยถือเป็นแพ้ชนะคดีแล้วศาลสั่งให้สืบให้สืบพยานเนื่องโจทก์แถลงขัดข้องและจำเลยก็มิได้โต้แย้งจนได้กะประเด็นหน้าที่นำสืบและสืบพยานทั้งสองฝ่ายเสร็จสิ้นและพิพากษาชี้ขาดไปแล้วดังนี้ จำเลยไม่มีสิทธิจะยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์ฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 979/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิโต้แย้งคำชี้ขาดและบัญชีงบดุลของผู้ชำระบัญชี: ต้องรอถูกฟ้องเรียกหนี้ก่อน จึงมีสิทธิร้อง
ในเรื่องผู้ชำระบัญชี ซึ่งศาลตั้งในกรณีเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญมิได้จดทะเบียน ได้ทำคำชี้ขาดและทำบัญชีงบดุลย์ของหุ้นส่วนนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ใดอื่นจะมาร้องขอให้ศาลเปลี่ยนแปลงแก้ไขมิได้ เพราะยังไม่มีสิทธิโต้แย้งอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 55 กล่าวคือ ผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดยังมิได้ถูกฟ้องเรียกหนี้ตามคำชี้ขาดหรือตามบัญชีแต่อย่างใด จึงไม่มีสิทธิที่จะมาร้องต่อศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 979/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิโต้แย้งคำชี้ขาดผู้ชำระบัญชี: ยังไม่มีสิทธิฟ้องหากยังไม่ถูกเรียกร้องหนี้
ในเรื่องผู้ชำระบัญชี ซึ่งศาลตั้งในกรณีเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญมิได้จดทะเบียน ได้ทำคำชี้ขาดและทำบัญชีงบดุลย์ของหุ้นส่วนนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ใดอื่นจะมาร้องขอให้ศาลเปลี่ยนแปลงแก้ไขมิได้ เพราะยังไม่มีสิทธิโต้แย้งอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55 กล่าวคือ ผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดยังมิได้ถูกฟ้องเรียกหนี้ตามคำชี้ขาดหรือตามบัญชีแต่อย่างใด จึงไม่มีสิทธิที่จะมาร้องต่อศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณาที่จำกัดสิทธิในการโต้แย้ง หากศาลไม่ได้ให้โอกาสคู่ความในการโต้แย้งอย่างเพียงพอ
คำสั่งระหว่างพิจารณาตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 226 นั้น คู่ความจะต้องโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้เสียก่อน จึงจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ในภายหลัง แต่ศาลจำจะต้องให้คู่ความมีโอกาศและมีเวลาพอสมควรที่จะโต้แย้งคำสั่งนั้นได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และสั่งให้งดสืบพยานจำเลยเสียด้วย แล้วนัดฟังคำพิพากษาเลยในวันนั้นเอง ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ไม่มีเวลาที่จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นได้ แม้โจทก์จะมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบไว้ โจทก์ก็มีสิทธิอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ต่อไปได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และสั่งให้งดสืบพยานจำเลยเสียด้วย แล้วนัดฟังคำพิพากษาเลยในวันนั้นเอง ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ไม่มีเวลาที่จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นได้ แม้โจทก์จะมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบไว้ โจทก์ก็มีสิทธิอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 714/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิโต้แย้งคำสั่งถอนการยึดทรัพย์ในคดีล้มละลาย: ศาลมีอำนาจพิจารณา แม้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งให้ถอน
การที่มีผู้คัดค้านให้ถอนการยึดทรัพย์ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดไว้ และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งให้ถอนการยึด ดังนี้โจทก์ย่อมร้องต่อศาลได้ตาม มาตรา146
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4097/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มติที่ประชุมใหญ่สมาคม สิทธิในการโต้แย้ง และระยะเวลาการฟ้องร้องเพิกถอนมติ
การที่โจทก์อ้างในคำฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ลงมติออกเสียงในที่ประชุมลำพัง ซึ่งไม่ถูกต้องตรงตามกับความจริง เท่ากับโจทก์โต้แย้งว่ามติของที่ประชุมไม่ชอบ โจทก์ในฐานะสมาชิกของสมาคมย่อมมีสิทธิร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่ในคราวนั้นได้ ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่ลงมติ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 100 เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งเพิกถอนมติที่ประชุมดังกล่าวเกินหนึ่งเดือน มติที่ประชุมใหญ่จึงมีผลใช้บังคับหาเสียไปไม่ และการที่จำเลยทั้งห้าร่วมประชุมและลงมติในการประชุมดังกล่าวจึงมิได้เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์