คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สิทธิใช้ทาง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 152 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3884/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิใช้ทางข้ามที่ดินของผู้อื่นโดยอาศัยอนุญาต ไม่เป็นภารจำยอม แม้ใช้ต่อเนื่องนาน
เมื่อจำเลยซื้อที่ดินมาแล้วก็ได้สร้างกำแพงกั้นตลอดแนวระหว่างที่ดินของโจทก์จำเลย คงเว้นเป็นช่องกว้าง 3.85 เมตรเพื่อให้โจทก์ใช้ผ่านเข้าออกแต่ได้สร้างประตูเหล็กบานเลื่อนกั้นไว้ในที่ดินของจำเลย มีสายยูคล้องกุญแจและสามารถใส่กุญแจได้เมื่อไม่ประสงค์ให้โจทก์ใช้ แสดงถึงการหวงกันมิให้โจทก์หรือบุคคลอื่นใช้ทางพิพาทโดยพลการ จึงถือได้ว่า โจทก์ใช้ทางพิพาทโดยอาศัยสิทธิและการอนุญาตให้ใช้จากฝ่ายจำเลยดังนั้น ไม่ว่าโจทก์จะใช้ทางพิพาทมานานเท่าใดก็ไม่ทำให้ทางพิพาทตกเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3231/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิภารจำยอม: เจ้าของสามยทรัพย์มีสิทธิใช้ทาง แม้มีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของภารยทรัพย์ ผู้เช่า/ครอบครองไม่สามารถต่อสู้ได้
ที่ดินโฉนดเลขที่1870เป็นที่ดินสามยทรัพย์ได้ทางภารจำยอมเหนือที่ดินโฉนดเลขที่1871เมื่อปี2530ส. ในฐานะผู้จัดการมรดกได้ขอแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่1871โดยแบ่งแยกที่ดินส่วนที่เป็นทางภารจำยอมออกเป็นโฉนดเลขที่133383จำเลยที่1เป็นผู้เช่าที่ดินโฉนดเลขที่1871และ133382จากส. เมื่อปลายปี2534จำเลยได้ก่อสร้างอาคารลงในที่ดินที่เช่าและขึงลาดตาข่ายปิดกั้นทางภารจำยอมดังนี้เมื่อที่ดินภารยทรัพย์โฉนดเลขที่133383เป็นของส. ในฐานะผู้จัดการมรดกของม. ส. ในฐานะผู้จัดการมรดกจึงมีหน้าที่ต้องยอมให้โจทก์ในฐานะเจ้าของที่ดินสามยทรัพย์โฉนดเลขที่1870ใช้ทางภารจำยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1387และส.ในฐานะผู้จัดการมรดกของม. เท่านั้นที่มีสิทธิยกข้ออ้างว่าภารจำยอมสิ้นไปโดยอายุความหรือหมดประโยชน์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1399หรือมาตรา1400ส่วนจำเลยที่1เป็นแต่เพียงผู้เช่าและจำเลยที่2เป็นแต่เพียงผู้ครอบครองไม่อาจยกเอาเหตุดังกล่าวซึ่งเป็นสิทธิของเจ้าของภารยทรัพย์มาต่อสู้กับโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของสามยทรัพย์ได้ โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาเรื่องการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตเป็นปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องอันเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนการที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้เป็นการไม่ชอบ โจทก์เป็นเจ้าของสามยทรัพย์ได้สิทธิในการใช้ทางภารจำยอมเพราะมีการจดทะเบียนสิทธิโดยชอบโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองฐานกระทำละเมิดโดยปิดทางภารจำยอมได้ไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2519/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอม ทางสาธารณะ การอุทิศถนน และสิทธิในการใช้ทางของประชาชน
โจทก์ได้ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 73454 และโฉนดเลขที่ 37455จาก น.เมื่อปี 2532 โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้เข้าอยู่อาศัยหรือทำประโยชน์ในที่ดินทั้งสองแปลงโดยใช้ทางพิพาทมาก่อน ทั้งไม่ปรากฏว่า น.หรือบุคคลอื่นที่เคยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโจทก์ทั้งสองแปลงเคยใช้ทางพิพาทมาก่อน ดังนี้ ถึงแม้ว่าบุคคลอื่นซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงอื่นที่อยู่ติดทางพิพาทได้ใช้ทางพิพาทมาเกิน 10 ปี ที่ดินของจำเลยในส่วนทางพิพาทตัดผ่านก็ไม่เป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ แต่อาจเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินแปลงอื่นเท่านั้น แต่เมื่อปรากฏว่า ด.เจ้าของที่ดินพิพาทเดิมได้อุทิศถนนซอยพิพาทให้แก่มัสยิดเพื่อให้ประชาชนใช้ร่วมกันไปทำศาสนกิจในมัสยิด และได้อุทิศทางพิพาทให้เป็นทางสาธารณะให้ประชาชนทั่วไปใช้ร่วมกันโดยไม่หวงห้าม แสดงว่าได้อุทิศทางพิพาทให้เป็นทางสาธารณะโดยปริยายแล้ว จำเลยซึ่งเป็นทายาทและผู้จัดการมรดกของ ด.จึงไม่มีสิทธิขัดขวางการใช้ทางพิพาทของโจทก์ และศาลมีอำนาจวินิจฉัยว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะได้เพราะโจทก์ได้บรรยายฟ้องมาด้วยว่าทางพิพาทนอกจากเป็นทางภาระจำยอมแล้วยังเป็นทางสาธารณะอีกด้วย ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 236/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิใช้ทางร่วมกันตามข้อตกลง ไม่ใช่ภารจำยอม แม้จะใช้ต่อเนื่องกัน ศาลไม่บังคับจดทะเบียนภารจำยอม
จำเลยกับ จ. ได้ทำหนังสือยินยอมยกที่ดินของจำเลยกับ จ. ให้เป็นทางใช้ร่วมกันกว้างฝ่ายละ 0.50 เมตร ยาวตลอดสุดที่ดินของจำเลย จ. เจ้าของที่ดินเดิมใช้ทางพิพาทร่วมกับจำเลยก็โดยอาศัยสิทธิตามข้อตกลง มิใช่ใช้ทางโดยเจตนาจะให้ได้ภารจำยอมจึงไม่อาจได้ภารจำยอมโดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1401 เมื่อโจทก์ซื้อที่ดินจาก จ. และใช้ทางพิพาทต่อมา จึงไม่ได้ภารจำยอมเช่นกันแต่การที่โจทก์ซื้อที่ดินมาดังกล่าวแล้ว ได้ปรับปรุงตึกแถวบนที่ดินนั้นทำเป็นหอพักมีผู้เช่าตึกแถวของโจทก์ใช้ทางพิพาทเข้าออกสู่ถนน และโจทก์ต่อท่อระบายน้ำเข้ากับท่อระบายน้ำของจำเลยที่ฝังอยู่ใต้ทางพิพาท โดยจำเลยมิได้โต้แย้งหวงห้ามหรือปิดกั้นทางพิพาท จนเมื่อโจทก์เทปูนยกระดับทางพิพาทสูงขึ้นและเกิดมีปัญหาน้ำท่วมขังจำเลยจึงบอกเลิกการใช้ทางต่อโจทก์แล้วกั้นรั้วบนทางพิพาท แสดงว่าจำเลยกับโจทก์ตกลงยอมรับโดยปริยายที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงของจำเลยกับ จ. เจ้าของที่ดินเดิมในอันที่ต่างฝ่ายต่างเว้นที่ดินของตนไว้เป็นทางพิพาทเพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกันมา จำเลยจึงต้องยอมให้โจทก์ใช้ทางพิพาทตามข้อตกลงต่อไป
เหตุที่เกิดน้ำท่วมขังบ้านจำเลยเกิดจากเหตุที่ปัจจุบันบ้านจำเลยอยู่ต่ำกว่าระดับถนนซอยมากกว่าการที่โจทก์เทพื้นทางพิพาทสูงขึ้น ถือไม่ได้ว่าโจทก์ปฏิบัติผิดข้อตกลงในการใช้ทางพิพาทร่วมกับจำเลย จำเลยไม่มีสิทธิบอกเลิกข้อตกลงดังกล่าวและไม่มีสิทธิทำรั้วปิดกั้นทางพิพาทและต้องรื้อถอนรั้วออกไป แต่เมื่อโจทก์มีสิทธิใช้ทางพิพาทตามข้อตกลงดังกล่าวซึ่งเป็นบุคคลสิทธิและไม่ใช่ภารจำยอม โจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยจดทะเบียนภารจำยอมตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 236/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิใช้ทางร่วม: ข้อตกลงส่วนตัวมิใช่ภารจำยอม แม้ใช้ทางต่อเนื่องก็ไม่เกิดสิทธิภารจำยอม
การที่จ. เจ้าของที่ดินเดิมใช้ทางพิพาทร่วมกับจำเลยโดยอาศัยสิทธิตามข้อตกลงยินยอมอนุญาตให้ใช้ทางร่วมกันมิใช่การใช้ทางโดยเจตนาจะให้ได้ภารจำยอมจึงไม่อาจได้ภารจำยอมโดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1401เมื่อโจทก์ที่1ซื้อที่ดินจากจ. มาเมื่อปี2534และใช้ทางพิพาทต่อมาจนถึงปี2535จึงไม่ได้ภารจำยอมเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1218/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิใช้ทางจำเป็น - การใช้สิทธิโดยไม่สุจริต - ทางพิพาท - การยินยอมทำทาง
บันทึกเอกสารหมาย จ.9 มีข้อความเพียงว่า จำเลยที่ 1สัญญาว่าจะให้ทางเดินเข้าออกกว้าง 3.50 เมตร แก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 182541ถึง 182547 บันทึกดังกล่าวไม่มีคู่สัญญา แต่มี อ.ลงชื่อในฐานะพยานไว้ จึงเป็นเพียงบันทึกอนุญาตหรือให้ความยินยอมแก่เจ้าของที่ดินด้านในผ่านที่ดินของจำเลยที่ 1ได้เท่านั้น และไม่เป็นสัญญาเพื่อประโยชน์ของบุคคลภายนอก
การที่จำเลยที่ 1 ได้ทำบันทึกยินยอมให้โจทก์และเจ้าของที่ดินที่อยู่ด้านใน ทำทางเข้าออกผ่านที่ดินของจำเลยที่ 1 ได้ ทั้งโจทก์ก็ได้ร่วมกันออกเงินเป็นค่าใช้จ่ายทำทางพิพาทผ่านที่ดินของจำเลยที่ 1 และได้ใช้ทางพิพาทตลอดมาเป็นเวลา 8 ปีแล้ว การที่จำเลยที่ 1 ปิดกั้นทางพิพาทมิให้โจทก์ทั้งห้าใช้ประโยชน์จากทางพิพาทจึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ตาม ป.พ.พ.มาตรา 5 จำเลยที่ 2และที่ 3 ซึ่งเป็นบุตรของจำเลยที่ 1 ทราบเรื่องนี้และปิดกั้นทางพิพาท จึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตเช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 จำเลยทั้งสามต้องเปิดทางพิพาทให้โจทก์ทั้งห้าใช้ประโยชน์ได้ตามปกติ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9308/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิใช้ทางน้ำสาธารณะ คลองเปรมประชากร และสิทธิเรียกร้องทางเดิน
คลองเปรมประชากรเป็นคลองประเภท 2 ตาม พ.ร.บ.การชลประทานหลวง พ.ศ.2485 มาตรา 5 ซึ่งประชาชนสามารถขับเรือหางยาวที่ไม่ใช่เรือโดยสารในคลองได้ และในปัจจุบันเรือหางยาวก็สามารถแล่นในคลองดังกล่าวได้ เพราะสภาพคลองมีน้ำเต็ม คลองเปรมประชากรจึงเป็นทางน้ำที่ราษฎรทั่วไปมีสิทธิใช้สัญจรไปมาได้ และเป็นทางสาธารณะตามความหมายแห่ง ป.พ.พ.มาตรา 1349, 1350 แม้ พ.ร.บ.การชลประทานหลวง พ.ศ.2485 มาตรา 15จะบัญญัติให้อธิบดีกรมชลประทานมีอำนาจ ปิด ขุดลอก ห้าม จำกัด หรือกำหนดเงื่อนไขในการนำเรือ แพ ผ่านทางน้ำชลประทานก็ตาม แต่อำนาจดังกล่าวก็เป็นการกำหนดไว้เพื่อให้อธิบดีกรมชลประทานจัดการดูแลรักษาทางน้ำชลประทานเพื่อให้เกิดความปลอดภัยและเพื่อประโยชน์ของการชลประทานเท่านั้น หาทำให้ทางน้ำที่ราษฎรใช้ในการคมนาคมกลายสภาพเป็นทางน้ำที่ไม่ใช่ทางสาธารณะไม่
เมื่อที่ดินของโจทก์มีทางออกไปสู่คลองเปรมประชากรซึ่งเป็นทางสาธารณะได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินผ่านที่ดินของจำเลยไปสู่ทางสาธารณะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 503/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิใช้ทางจำเป็น & การรื้อถอนสิ่งกีดขวางทางเข้าออกที่ดิน
ภริยาจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินได้แบ่งขายที่ดินให้ผู้อื่นรวมทั้งโจทก์ โดยตกลงยินยอมให้ผู้ซื้อที่ดินใช้ถนนที่ยังเป็นที่ดินของผู้ขายและอยู่ติดที่ดินที่โจทก์ซื้อเพื่อเข้าออกสู่ถนนสาธารณะได้ การที่จำเลยก่อรั้วอิฐบล็อกและปักเสาคอนกรีตตามแนวรั้วอิฐบล็อกปิดขวางหน้าที่ดินที่โจทก์ซื้อตลอดแนว ทำให้โจทก์ได้รับความไม่สะดวกในการเข้าออกบ้านโจทก์ในที่ดินที่ซื้อสู่ที่ดินของภริยาจำเลยที่ยังคงอนุญาตให้โจทก์ใช้เพื่อออกสู่ถนนสาธารณะดังที่เคยได้รับ เป็นการทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายหรือเดือนร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าเป็นไปตามปกติและเหตุอันควร โจทก์จึงมีสิทธิปฏิบัติการเพื่อยังความเสียหายหรือเดือนร้อนนั้นให้สิ้นไปด้วยการฟ้องคดีให้จำเลยรื้อถอนไปได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1337 และแม้โจทก์จะได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำดังกล่าวในที่ดินซึ่งเป็นทางสาธารณประโยชน์ ก็ไม่ใช่เป็นข้อสาระสำคัญ เมื่อข้อเท็จจริงตามทางพิจารณารับฟังได้ด้วยข้อกฎหมายบทใด ศาลย่อมวินิจฉัยปรับบทบังคับไปตามกฎหมายนั้น ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิใช้ทางในที่ดินของเจ้าของรวม การใช้สิทธิโดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย และขอบเขตความรับผิดทางละเมิด
ถนนพิพาทสร้างขึ้นโดยได้รับความยินยอมจากจำเลยที่3และที่4ซึ่งเป็น เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่สร้างถนนกรณีจึงเข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา146ที่จะไม่ตกเป็นส่วนควบของที่ดิน จำเลยที่1ที่3ที่4ที่5และที่6เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินอันเป็นที่ตั้งถนนพิพาทบริษัท พ. เป็นผู้สร้างถนนพิพาทโดยได้รับความยินยอมจากจำเลยที่3และที่4เพื่อให้บุคคลในเคหะชุมชนบัวขาวและจำเลยที่3กับที่4ใช้สอยด้วยดังนั้นจำเลยที่1ที่5และที่6ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินย่อมมีสิทธิใช้สอยถนนพิพาทได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1360 จำเลยที่1ว่าจ้างรถยนต์บรรทุก10ล้อบรรทุกดินไปถมที่ดินในโครงการหมู่บ้านของจำเลยที่1เป็นเหตุให้ถนนพิพาทเสียหายดังนี้แม้จำเลยที่1จะมีสิทธิใช้สอยถนนพิพาทได้ก็ตามแต่ในการใช้สิทธิของจำเลยที่1จะต้องไม่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา421,1360การกระทำของจำเลยที่1จึงเป็นการกระทำที่ ละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของที่ดินมีสิทธิใช้ทาง แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น การถมดินทำให้เสียหายถือเป็นการละเมิด
บริษัทพ. ซึ่งโจทก์ได้รับโอนกรรมสิทธิ์มาได้สร้างถนนพิพาทโดยได้รับความยินยอมจากจำเลยที่3และที่4ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่สร้างถนนฉะนั้นจึงถือได้ว่าถนนพิพาทเข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา146ที่จะไม่เป็นส่วนควบของที่ดินจำเลยที่1ที่3ที่4ที่5และที่6เป็นเจ้าของรวมในที่ดินที่มีถนนพิพาทผ่านก็ย่อมมีสิทธิใช้ที่ดินเป็นทางเข้าออกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1360 แม้จำเลยที่1จะเป็นเจ้าของรวมในที่ดินที่ตั้งถนนพิพาทและมีสิทธิใช้ที่ดินและถนนพิพาทนั้นในฐานะเจ้าของรวมก็ตามแต่การใช้สิทธิของจำเลยที่1จะต้องไม่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา421และ1360การกระทำของจำเลยที่1ที่ใช้รถยนต์บรรทุกสิบล้อขนดินและวัสดุต่างๆในการทำโครงการจัดสรรที่ดินและบ้านทำให้ถนนพิพาทเสียหายจึงเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์
of 16