คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ส่วนร่วม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 44 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานเพื่อปล้นทรัพย์ และความรับผิดฐานพยายามฆ่าต้องพิสูจน์เจตนาและส่วนร่วม
ความผิดฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145 นั้น จะต้องปรากฎว่าผู้กระทำผิดได้แสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน และกระทำการเป็นเจ้าพนักงานด้วย เพียงแต่แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานแล้วก็ขึ้นเรือนปล้นทรัพย์ ยังไม่ครบองค์ความผิดมาตรานี้
คดีฟังได้ว่าจำเลย 3 คนกับพวกอีก 2 คนเป็นคนร้ายปล้นทรัพย์ และคนร้ายได้ใช้ปืนยิงในขณะที่จะหนีเพื่อปกปิดการกระทำความผิดหรือให้พ้นจากการจับกุม กระสุนปืนถูกบุตรีของเจ้าทรัพย์บาดเจ็บสาหัส จำเลยทั้งสามจะมีความผิดฐานพยายามฆ่า เมื่อไม่ได้ความว่าใครเป็นคนยิงและผู้ที่ไม่ได้ยิงได้ร่วมกระทำความผิดในการพยายามฆ่าด้วยหรือไม่ ย่อมลงโทษจำเลยตามมาตรานี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำผิดชิงทรัพย์: หลักฐานการกระทำความผิดต้องชัดเจนถึงส่วนร่วม
ฟ้องว่าจำเลยใช้กำลังทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเพื่อเป็นความสะดวกในการที่จะลักทรัพย์ ครั้นแล้วจำเลยลักเอาธนบัตรของผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษฐานชิงทรัพย์ เมื่อทางพิจารณาข้อที่ว่าจำเลยลักเงินพยานหลักฐานไม่มี เป็นแต่ได้ความว่าจำเลยรัดคอผู้เสียหายล้มลงแล้วมีชายอื่นอีกคนหนึ่งเอามีดกรีดกระเป๋าผู้เสียหายขาด แล้วชายนั้นล้วงเอาเงินในกระเป๋าได้ และวิ่งหนีไปส่วนจำเลยพอลุกขึ้นได้ก็วิ่งตามหลังคนล้วงเงินลับตาไปดังนี้ จะลงโทษจำเลยโทษฐานชิงทรัพย์ ไม่ได้ศาลต้องพิพากษายกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบข้อเท็จจริงส่วนร่วมในการทำสัญญาซื้อขาย ไม่เป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร
ตามสัญญาซื้อขายมีชื่อสามีจำเลยเป็นผู้ซื้อ แต่ผู้เดียวนั้น โจทก์มีสิทธิที่จะนำสืบได้ว่าตนมีส่วนออกเงินร่วมด้วยในการทำสัญญานั้น ไม่เรียกว่าเป็นการนำสืบแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงเอกสารที่ห้ามไว้ตามมาตรา 94(ข)ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เพราะเป็นการนำสืบถึงข้อเท็จจริงส่วนหนึ่ง มิได้เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในตัวสัญญานั้นเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 570/2489

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความถูกต้องของฟ้องอาญา: การล่อลวงเด็กเพื่ออนาจาร จำเลยที่ 2 มีส่วนร่วม
ฟ้องโจทก์มีใจความว่าจำเลยที่ 1 ใช้อุบายทุจริตล่อลวงเด็กหญิง ท. ให้ไปเซ็นชื่อรับเงินออมสิน แล้วจะให้รางวัลเป็นเงิน 8 บาท และจำเลยที่ 2 ได้บังอาจติดต่อและพูดล่อลวงเด็กหญิง ท. ให้ไปกับจำเลยที่ 1 อันเป็นอุปการะแก่การที่จำเลยที่ 1 จะได้พาเด็กหญิง ท. ไปเสียจากนาง ท.เพื่อการอนาจารดังกล่าวข้างต้นด้วยจนเด็กหญิงท. หลงเชื่อและยอมให้จำเลยที่ 1 พาไป เป็นที่เข้าใจแล้วว่า จำเลยที่ 2 ได้พูดจาล่อลวงเด็กหญิง ท. ให้หลงเชื่อว่าจำเลยที่ 1 จะพาเด็กหญิงท. ไปเซ็นชื่อรับเงินและให้รางวัล ถือได้ว่าโจทก์ได้กล่าวข้อเท็จจริงและรายละเอียดพอสมควรที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี ทั้งจำเลยให้การรับสารภาพตามข้อหาโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยไม่เข้าใจข้อหาหรือให้การรับสารภาพโดยเข้าใจผิดฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 เป็นฟ้องที่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 705/2481

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลทหาร: การลักทรัพย์โดยทหาร แม้มีส่วนร่วมกับพลเรือน ศาลทหารยังคงมีอำนาจพิจารณา หากไม่มีหลักฐานสนับสนุนข้ออ้าง
โจทก์ฟ้องคดียังศาลทหารว่าจำเลยเป็นทหารประจำการกระทำการลักทรัพย์จำเลยให้การรับสารภาพแต่ว่าได้สมคบกันกระทำ+ร่วมกับพลเรือนเมื่อจำเลยไม่มีพะยานหลักฐานใดประกอบข้ออ้างของตนดังนี้ ศาลทหารก็มีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 537/2478

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายและการป้องกันเกินกว่าเหตุ ศาลพิจารณาโทษตามการยั่วยุและการมีส่วนร่วม
เข้ามาด่าและทำร้ายพวกจำเลย แต่สู้พวกจำเลยไม่ได้จึงวิ่งหนีไปบนบ้านของผู้อื่นจำเลยยังไล่ตามไปบนบ้านลากเอาตัวออกมาทำร้ายอีกดังนี้ เป็นการที่จำเลยกระทำโดยถูกยั่วโทษะ มีคนมาทำร้ายบิดาจึงเข้าทำร้ายผู้นั้น ได้ลดฐานยั่วโทษะ มีคนเข้าทำร้ายผู้อื่นจึงเข้าทำร้ายผู้ทำร้ายนั้น ไม่ได้ลดฐานยั่วโทษะ ฎีกาอุทธรณ์แก้มาก ศาลเดิมพิพากษาให้จำคุกจำเลยคนละ 2 ปีตาม ม.256 ศาลอุทธรณ์แก้ให้จำคุกคนละ 6 เดือนตาม ม.256-50-53 +นี้เป็นแก้มาก อ้างฎีกา ที่ 41/2473 ที่ 60/2476

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 664/2473

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานขายฝิ่น แม้ไม่ใช่เจ้าของ แต่มีส่วนร่วมในการชักชวนซื้อขาย
ไปบอกขายฝิ่นซึ่งเปนของผู้อื่นให้เขา มีผิดฐานเปนตัวการด้วย วิธีพิจารณาอาญาตัดสินไม่เกินคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 834/2472

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบปล้นทรัพย์และการมีส่วนร่วมในการฆ่า: การจำแนกความผิดฐานปล้นทรัพย์และฆ่าผู้อื่น
ปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์เพื่อปกปิดการกระทำผิด วิธีพิจารณาอาญา ผู้ร้ายสมคบกันไปล้นทรัพย์ คนหนึ่งฆ่าเจ้าทรัพย์ตายในขณะนั้นคนที่มิได้ร่วมคิดในการฆ่าเจ้าทรัพย์มีผิดตาม ม.301 ตอน 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2471

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานชิงทรัพย์โดยมีส่วนร่วม ผู้ยืนดูเพื่อป้องกันเป็นความผิดด้วย
ปล้นทรัพย์สองคนทำการชิงทรัพย์อีกคนหนึ่งยืนดูเพื่อป้องกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6176/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษกรรมการผู้จัดการในความผิดของบริษัท และการพิพากษาเกินคำขอ/ขาดส่วนร่วม
ป.รัษฎากร มาตรา 90/5 บัญญัติว่า "ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดซึ่งต้องรับโทษตามหมวดนี้เป็นนิติบุคคล กรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการ หรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้น ต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้ยินยอมหรือมีส่วนในการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้น" คดีนี้ แม้คำฟ้องโจทก์ได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้จัดการมีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 ไว้ด้วย แต่คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ไม่ได้ระบุมาตรา 90/5 มาด้วย จึงถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามมาตรา 90/5 การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามมาตรา 90/5 จึงเป็นการเกินคำขอ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่งและวรรคสี่
พยานหลักฐานที่จำเลยที่ 2 นำสืบมามีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 2 อาจเป็นกรรมการผู้จัดการแต่เพียงในนาม ไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 กรณีมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยที่ 2 จะได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยที่ 2 ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227 วรรคสอง
of 5