คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หนี้กู้ยืม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 48 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้กู้ยืมไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ แม้มีเช็คก็ใช้ขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายไม่ได้
เจ้าหนี้มีความประสงค์ที่จะขอรับชำระหนี้ในเรื่องกู้ยืม แต่ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยผู้กู้มาแสดง จึงเป็นหนี้ที่จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 และเจ้าหนี้ก็ขอรับชำระหนี้จากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้ เพราะต้องห้ามตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้กู้ยืมไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ สิทธิในการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายเป็นอันตกไป
เจ้าหนี้มีความประสงค์ที่จะขอรับชำระหนี้ในเรื่องกู้ยืม แต่ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยผู้กู้มาแสดง จึงเป็นหนี้ที่จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 และ เจ้าหนี้ก็ขอรับชำระหนี้จากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้ เพราะต้องห้าม ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 593/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้จากค่าจ้างเป็นเงินกู้ และการนำสืบการใช้เงินในหนี้กู้ยืมที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
เมื่อมีหนี้ต่อกันแล้ว คู่กรณีก็อาจแปลงหนี้อย่างหนึ่งเป็นหนี้อีกอย่างหนึ่งได้ในภายหลังโจทก์จำเลยตกลงกันว่าให้หนี้เงินค่าจ้างระหว่างโจทก์จำเลยผูกพันกันในรูปเป็นหนี้เงินกู้ โจทก์จำเลยจึงมีความผูกพันต่อกันในหนี้เงินกู้ ในการกู้ยืมที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ เมื่อจะนำสืบการใช้เงินต้องมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง ลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดงหรือหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืนแล้ว หรือได้แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้ว จะนำพยานบุคคลมาสืบถึงการใช้เงินนั้นไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรค 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 504/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้ว่าหนี้กู้ยืมเป็นหนี้จากการเล่นแชร์ ศาลอนุญาตให้สืบได้
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเรียกเงินตามสัญญากู้ซึ่งผู้ร้องขัดทรัพย์จะต้องชำระให้แก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องขัดทรัพย์สู้ว่าเป็นหนี้ในการเล่นแชร์ ไม่ใช่หนี้กู้ยืม และได้ชำระหนี้เสร็จแล้ว ผู้ร้องย่อมนำสืบถึงวิธีการเล่นแชร์และการชำระหนี้ในการเล่นแชร์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 804/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คชำระหนี้กู้ยืมที่มีดอกเบี้ยเกินอัตรา: เช็คยังใช้บังคับได้ แต่ดอกเบี้ยเป็นโมฆะ
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็ค ได้ความว่าเป็นเช็คที่ออกให้เพื่อชำระหนี้เดิมซึ่งจำเลยกู้เงินโจทก์โดยมีดอกเบี้ยร้อยละสี่ต่อเดือนรวมอยู่ในจำนวนเงินที่ลงไว้ในเช็คนั้นด้วย ดอกเบี้ยทั้งหมดย่อมตกเป็นโมฆะ ผู้ให้กู้คงมีสิทธิเรียกร้องแต่เฉพาะต้นเงินเท่านั้น สัวนหนึ่งของนิติกรรมที่เป็นโมฆะ คือ การคิดดอกเบี้ยอันเป็นหนี้อุปกรณ์ในนิติกรรมกู้ยืมเท่านั้น แต่ต้นเงินอันเป็นหนี้ประธานยังสมบูรณ์อยู่ แยกออกจากกันได้ เช็คที่โจทก์นำมาฟ้องนี้เป็นนิติกรรมที่ทำขึ้นเป็นคนละอันกับนิติกรรมกู้ยืมคือ เมื่อกู้ยืมกันแล้วจำเลยออกเช็คเพื่อชำระเงินกู้ โจทก์ยอมรับเอาเช็คนั้นแทนการชำระการชำระหนี้โดยใช้เงินตามมาตรา 321 อันจะมีผลให้หนี้กู้ยืมเดิมระงับไปต่อเมื่อเช็คนี้ได้ใช้เงินแล้ว โจทก์มีสิทธิอาศัยเช็คนี้เป็นมูลฟ้องจำเลยได้ เป็นแต่จำเลยมีสิทธิยกข้อที่ว่าดอกเบี้ยเกินอัตราตกเป็นโมฆะขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ เมื่อจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์เกินกว่าที่ตนต้องผูกพันไป จำเลยก็ต้องรับผิดเพียงเท่าที่ต้องผูกพัน แต่จะไม่ยอมรับผิดตามเช็คเสียเลยหาได้ไม่ กรณีหาใช่เรื่องเช็คนี้ตกเป็นโมฆะทั้งหมดหรือบางส่วนไม่.
(ประชุมใหญ่ ครั้ง 7/2506)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 804/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คกับการชำระหนี้เดิม: ดอกเบี้ยเกินอัตราไม่ทำให้เช็คเป็นโมฆะ
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คได้ความว่าเป็นเช็คที่ออกให้เพื่อชำระหนี้เดิมซึ่งจำเลยกู้เงินโจทก์โดยมีดอกเบี้ยร้อยละสี่ต่อเดือนรวมอยู่ในจำนวนเงินที่ลงไว้ในเช็คนั้นด้วย ดอกเบี้ยทั้งหมดย่อมตกเป็นโมฆะผู้ให้กู้คงมีสิทธิเรียกร้องแต่เฉพาะต้นเงินเท่านั้น ส่วนหนึ่งของนิติกรรมที่เป็นโมฆะ คือ การคิดดอกเบี้ยอันเป็นหนี้อุปกรณ์ในนิติกรรมกู้ยืมเท่านั้นแต่ต้นเงินอันเป็นหนี้ประธานยังสมบูรณ์อยู่ แยกออกจากกันได้เช็คที่โจทก์นำมาฟ้องนี้เป็นนิติกรรมที่ทำขึ้นเป็นคนละอันกับนิติกรรมกู้ยืมคือ เมื่อกู้ยืมกันแล้วจำเลยออกเช็คเพื่อชำระเงินกู้ โจทก์ยอมรับเอาเช็คนั้นแทนการชำระหนี้โดยใช้เงินตามมาตรา 321 อันจะมีผลให้หนี้กู้ยืมเดิมระงับไปต่อเมื่อเช็คนี้ได้ใช้เงินแล้วโจทก์มีสิทธิอาศัยเช็คนี้เป็นมูลฟ้องจำเลยได้เป็นแต่จำเลยมีสิทธิยกข้อที่ว่าดอกเบี้ยเกินอัตราตกเป็นโมฆะขึ้นต่อสู้โจทก์ได้เมื่อจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์เกินกว่าที่ตนต้องผูกพันไป จำเลยก็ต้องรับผิดเพียงเท่าที่ต้องผูกพันแต่จะไม่ยอมรับผิดตามเช็คเสียเลยหาได้ไม่กรณีหาใช่เรื่องเช็คนี้ตกเป็นโมฆะทั้งหมดหรือบางส่วนไม่
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2506)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 766-767/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาโอนสิทธิการเช่าเพื่อชำระหนี้กู้ยืมที่เป็นโมฆะ หากมิได้ตกลงราคาตลาดของทรัพย์สิน
ข้อสัญญาเด็ดขาดว่า เมื่อผู้กู้ไม่ใช้เงินต้องโอนสิทธิการเช่าให้แก่ผู้ให้กู้โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าสิทธิแห่งการเช่านั้นมีราคาเท่าใดในท้องตลาดในเวลาส่งมอบย่อมขัดกับมาตรา 656 วรรคสอง ย่อมเป็นโมฆะตามวรรคสาม ตามนัยฎีกาที่ 779/2497 ผู้ให้กู้ไม่มีสิทธิฟ้องให้โอนสิทธิการเช่าดังกล่าว
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 8/2506)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 366/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขายฝากไม่มีผลทางกฎหมาย หนี้กู้ยืมยังคงมีผลบังคับใช้
การขายฝาก มีบัญญัติไว้เป็นเอกเทศสัญญาโดยเฉพาะ แต่นิติกรรมจะซื้อจะขายฝากมิได้มีบัญญัติไว้ในที่ใดให้มีได้ สัญญาจะซื้อจะขายฝากจึงมีขึ้นไม่ได้ตามกฎหมาย
จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไป แล้วโจทก์จำเลยตกลงกันว่าจำเลยจะขายฝากที่ดินและห้องแถวให้แก่โจทก์ ให้ถือเอาหนี้ตามสัญญากู้เงินนั้นเป็นเงินชำระหนี้บางส่วนตามสัญญาขายฝาก แต่ครั้นเมื่อจำเลยยื่นคำขอแบ่งแยกที่ดินเพื่อขายฝากให้โจทก์ และเจ้าพนักงานได้บันทึกถ้อยคำโจทก์จำเลยไว้เท่านั้น โจทก์จำเลยก็เกี่ยงงอนกันเรื่องราคา จึงมิได้ทำสัญญาขายฝากกันเป็นหนังสือและจดทะเบียน ดังนี้ เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายฝากมีขึ้นไม่ได้ตามกฎหมายแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าการกระทำของโจทก์จำเลยดังกล่าวนั้นจะเข้าลักษณะเป็นสัญญาจะซื้อจะขายฝากแล้วหรือไม่ และย่อมถือว่ายังไม่มีหนี้อันใดเกิดขึ้นใหม่อันจะเป็นการเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งหนี้เดิม ซึ่งจะทำให้หนี้กู้ยืมเดิมต้องระงับสิ้นไปด้วยการแปลงหนี้ใหม่ โจทก์จึงคงมีสิทธินำสัญญากู้ยืมมาฟ้องบังคับจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1772/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาต่างตอบแทนแปลงหนี้กู้ยืมเงิน - ผลผูกพันตามสัญญา
เจ้าของเรือนกู้เงินโจทก์จำเลย ต่อมาจำเลยจะรื้อเอาเรือนไป โจทก์คัดค้าน ในที่สุดจำเลยตกลงจะใช้หนี้ให้โจทก์แทนเจ้าของเรือน โดยโจทก์เลิกคัดค้านมอบเรือนให้จำเลยไป ดังนี้ ถือว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนมีผลสมบูรณ์ผูกพันต่อกันตามกฎหมายได้ และหากจำเลยไม่มีเงินใช้ให้โจทก์ตามสัญญา จึงทำหนังสือกู้ให้โจทก์ไว้ก็เป็นการแปลงหนี้เดิมมาเป็นหนี้กู้ยืมเงินซึ่งมีผลสมบูรณ์และบริบูรณ์ตามกฎหมาย ผูกพันกันได้ตามสัญญากู้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้กู้ยืมของผู้ตายยังผูกพันกองมรดก แม้มีผู้รับรองหนี้ แต่ไม่เคยชำระหนี้จริง
เจ้าหนี้ของผู้ตาย ฟ้องเรียกเงินกู้ที่ผู้ตายกู้ไว้จากผู้ซึ่งอ้างตนว่า เป็นทายาทของผู้ตาย แล้วประนีประนอมยอมความกันในศาล โดยผู้อ้างว่าเป็นทายาทนั้น จะรับใช้ซึ่งเงินกู้ และดอกเบี้ยให้ ศาลจึงพิพากษาตามยอมครั้นครบกำหนดไม่ชำระ เจ้าหนี้จึงนำยึดที่ดินของกองมรดก
บุตรของผู้ตายซึ่งเป็นทายาทที่แท้จริง จึงขัดทรัพย์จนศาลสั่งถอนการยึด คดีถึงที่สุดแล้ว เจ้าหนี้จึงมาฟ้องบุตรของผู้ตาย ผู้เป็นทายาทที่แท้จริงเรียกเงินกู้จำนวนเดิมนั้นอีกได้ เพราะหากผู้ตายกู้เงินเขาไว้จริง หนี้นั้นก็ยังไม่ระงับ คงผูกพันกองมรดกอยู่
of 5