คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อากร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 53 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2859/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องขอคืนอากร และการแจ้งความก่อนส่งมอบสินค้า
สิทธิในการเรียกร้องหรือในการฟ้องคดีเพื่อเรียกคืนเงินอากรเพราะเหตุที่ได้เสียไว้เกินจำนวนที่พึงต้องเสียนั้นจะต้องฟ้องเสียภายในสองปีนับแต่วันที่นำของเข้า และถ้าเป็นการเรียกร้องหรือฟ้องคดีเพื่อขอคืนอากรเพราะเหตุอันเกี่ยวกับชนิด คุณภาพ ปริมาณ น้ำหนัก หรือราคาแห่งของใด ๆ หรือเกี่ยวกับอัตราอากรสำหรับของใด ๆ นอกจากจะต้องเรียกร้องหรือฟ้องคดีภายในสองปีแล้ว ยังจะต้องแจ้งความไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนส่งมอบของว่าจะยื่นคำเรียกร้องด้วย
โจทก์นำสินค้าเข้าเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2521 แต่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2529 เป็นเวลาล่วงเลยเกินกว่าสองปีนับแต่วันที่นำสินค้าเข้าแล้ว ทั้งโจทก์มิได้แจ้งความไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนส่งมอบสินค้าว่าโจทก์จะยื่นคำเรียกร้องขอคืนอากร ดังนั้นคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้วตามนัยที่กล่าวข้างต้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 597/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษความผิดหลายกรรมต่างกันในคดีอากร โดยจำเลยรับสารภาพ ศาลอุทธรณ์ลงโทษทุกกรรมได้ชอบ
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยทั้งสามบังอาจร่วมกันอนุญาตให้ผู้ดูซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่ได้รับยกเว้นอากรมหรสพเข้าดูภาพยนตร์ โดยไม่เสียอากรมหรสพในชั้นราคา 8 บาท จำนวน 204 คนๆละ 1 ครั้ง กับในชั้นราคา 10 บาท จำนวน 21 คน คนละ 1 ครั้ง รวม 225 คน 225 ครั้ง เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2517 ระหว่างเวลา 10 นาฬิกา ถึง 21 นาฬิกา ดังนี้ เห็นได้ว่าฟ้องโจทก์บรรยายชัดเจนแล้วว่าจำเลยทั้งสามกระทำความหลายกรรมต่างกัน จำเลยทั้งสามรับสารภาพตามฟ้อง ศาลจึงต้องลงโทษจำเลยเป็น 225 กระทง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2390/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ใบรับเงินชั่วคราวและการชำระอากร: ผู้รับแทนเงินไม่ต้องรับผิดหากส่งมอบเงินให้เจ้าของเงินและมีการชำระอากรถูกต้อง
จำเลยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดโซไซท์เสตทได้ออกใบรับในการรับเงินไว้มีข้อความว่า "ใบรับเงินชั่วคราววันที่ 28 ตุลาคม 2507 ข้าพเจ้านายจิง แซ่โค้ว (จำเลย)ผู้แทนของห้างหุ้นส่วนจำกัดโซไซท์เสตท สามแยก กรุงเทพฯได้รับเงินที่นำมาลงทุนซื้อยาเบอร์เล่ย์เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น959,890 บาท 10 สตางค์ คืนจากกรรมการผู้จัดการบริษัทแพร่เกษตรภัณฑ์ จำกัดไว้เป็นที่ถูกต้องเรียบร้อยแล้วส่วนใบรับตัวจริงจะส่งมาให้ภายหลัง ลงชื่อนายจิง แซ่โค้วผู้แทนห้างหุ้นส่วนจำกัดโซไซท์เสตท" เป็นแต่เพียงเอกสารหลักฐานที่แสดงว่าจำเลยในฐานะผู้แทนของห้างหุ้นส่วนจำกัดโซไซท์เสตทได้รับเงินลงทุนซื้อยาของห้างหุ้นส่วนจำกัดโซไซท์เสตทคืนมาจากบริษัทแพร่เกษตรภัณฑ์ จำกัด ไว้แทนห้างหุ้นส่วนจำกัดโซไซท์เสตทเป็นการชั่วคราว จำเลยมิได้รับเงินไว้เป็นของตนเอง เมื่อจำเลยเอาเงินรายนี้ไปส่งมอบให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดโซไซท์เสตทซึ่งเป็นเจ้าของเงินที่แท้จริงแล้ว ห้างหุ้นส่วนจำกัดโซไซท์เสตทได้ออกใบรับเงินตัวจริงส่งมาให้บริษัทแพร่เกษตรภัณฑ์จำกัดอีกฉบับหนึ่งใน3 วันต่อมาและได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว ซึ่งแสดงว่าจำเลยได้ส่งมอบเงินที่รับแทนมาเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดโซไซท์เสตทผู้รับเงินแท้จริงไม่ได้ปฏิบัติการฝ่าฝืนประมวลรัษฎากร จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดชำระเงินอากรและเงินเพิ่มอากรสำหรับใบรับเงินชั่วคราวอีก (อ้างคำพิพากษาฎีกา ที่ 1765/2515) (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2517)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2390/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ใบรับเงินชั่วคราวและการส่งมอบเงินให้เจ้าของสิทธิ: จำเลยไม่ต้องรับผิดอากร หากมีการออกใบรับเงินตัวจริงและปิดอากรถูกต้อง
จำเลยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดโซไซท์เสตทได้ออกใบรับในการรับเงินไว้มีข้อความว่า "ใบรับเงินชั่วคราว วันที่ 28 ตุลาคม 2507 ข้าพเจ้านายจิง แซ่โค้ว(จำเลย)ผู้แทนของห้างหุ้นส่วนจำกัดโซไซท์เสตท สามแยก กรุงเทพฯ ได้รับเงินที่นำมาลงทุนซื้อยาเบอร์เล่ย์เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 959,890 บาท 10 สตางค์ คืนจากกรรมการผู้จัดการบริษัทแพร่เกษตรภัณฑ์ จำกัดไว้เป็นที่ถูกต้องเรียบร้อยแล้วส่วนใบรับตัวจริงจะส่งมาให้ภายหลัง ลงชื่อนายจิงแซ่โค้วผู้แทนห้างหุ้นส่วนจำกัดโซไซท์เสตท" เป็นแต่เพียงเอกสารหลักฐานที่แสดงว่าจำเลยในฐานะผู้แทนของห้างหุ้นส่วนจำกัดโซไซท์เสตทได้รับเงินลงทุนซื้อยาของห้างหุ้นส่วนจำกัดโซไซท์เสตทคืนมาจากบริษัทแพร่เกษตรภัณฑ์ จำกัด ไว้แทนห้างหุ้นส่วนจำกัดโซไซท์เสตทเป็นการชั่วคราว จำเลยมิได้รับเงินไว้เป็นของตนเอง เมื่อจำเลยเอาเงินรายนี้ไปส่งมอบให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดโซไซท์เสตทซึ่งเป็นเจ้าของเงินที่แท้จริงแล้ว ห้างหุ้นส่วนจำกัดโซไซท์เสตทได้ออกใบรับเงินตัวจริงส่งมาให้บริษัทแพร่เกษตรภัณฑ์จำกัดอีกฉบับหนึ่งใน3 วันต่อมาและได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว ซึ่งแสดงว่าจำเลยได้ส่งมอบเงินที่รับแทนมาเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดโซไซท์เสตทผู้รับเงินแท้จริงไม่ได้ปฏิบัติการฝ่าฝืนประมวลรัษฎากร จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดชำระเงินอากรและเงินเพิ่มอากรสำหรับใบรับเงินชั่วคราวอีก (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2765/2515) (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2517)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1724/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดเล่นโบว์ลิ่งเก็บเงินจากผู้เล่น ถือเป็น 'มหรสพ' ตามประมวลรัษฎากร ต้องเสียอากร
การแสดง การเล่น หรือการกีฬา การประกวดหรือการกระทำใด ๆถ้าเจ้าของจัดขึ้นเพื่อเก็บเงินจากผู้ดู ย่อมเป็นมหรสพตามประมวลรัษฎากรมาตรา 130 คำว่า 'ผู้ดู' ตามมาตรานี้ หมายความถึงบุคคลผู้เข้าดูหรือเข้าฟังหรือเข้ามีส่วนแสดงมหรสพนั้น ๆ เอง ประเภทใดประเภทหนึ่งก็ได้ แล้วแต่ประเภทของมหรสพ 'ค่าดู' มหรสพไม่ใช่หมายถึงเงินค่าตั๋วแต่อย่างเดียว เงินค่าอย่างอื่น เช่นเงินค่าเล่น หรือค่าเกม การเล่นโบว์ลิ่งก็เป็นค่าดูตามมาตรานี้ด้วย
การจัดให้มีการเล่นโบว์ลิ่ง โดยเก็บเงินผู้เข้าเล่น ซึ่งเป็นผู้เข้ามีส่วนแสดงในการเล่น เป็นการเก็บเงินจากผู้ดูตามกฎหมายแล้วแม้จะไม่เก็บเงินจากผู้เข้าชมหรือดูการเล่นเฉย ๆ ก็เป็น 'มหรสพ'ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 130 อันจะต้องเสียอากรตามกฎหมาย
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 28/2513)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1724/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเล่นโบว์ลิ่งเก็บเงินจากผู้เล่น ถือเป็น 'มหรสพ' ตามประมวลรัษฎากร ต้องเสียอากร
การแสดง การเล่น หรือการกีฬา การประกวดหรือการกระทำใด ๆถ้าเจ้าของจัดขึ้นเพื่อเก็บเงินจากผู้ดู ย่อมเป็นมหรสพตามประมวลรัษฎากรมาตรา 130 คำว่า 'ผู้ดู' ตามมาตรานี้ หมายความถึงบุคคลผู้เข้าดูหรือเข้าฟังหรือเข้ามีส่วนแสดงมหรสพนั้น ๆ เอง ประเภทใดประเภทหนึ่งก็ได้แล้วแต่ประเภทของมหรสพ 'ค่าดู' มหรสพไม่ใช่หมายถึงเงินค่าตั๋วแต่อย่างเดียว เงินค่าอย่างอื่น เช่นเงินค่าเล่น หรือค่าเกมการเล่นโบว์ลิ่งก็เป็นค่าดูตามมาตรานี้ด้วย
การจัดให้มีการเล่นโบว์ลิ่ง โดยเก็บเงินผู้เข้าเล่น ซึ่งเป็นผู้เข้ามีส่วนแสดงในการเล่น เป็นการเก็บเงินจากผู้ดูตามกฎหมายแล้วแม้จะไม่เก็บเงินจากผู้เข้าชมหรือดูการเล่นเฉย ๆ ก็เป็น 'มหรสพ'ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 130 อันจะต้องเสียอากรตามกฎหมาย
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 28/2513)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 804/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกใบรับเงินตามประมวลรัษฎากรเมื่อชำระด้วย L/C การซื้อขายในประเทศ
การรถไฟแห่งประเทศไทยซื้อสินค้าจากโจทก์ผู้ขาย ซึ่งอยู่ในประเทศไทย การทำสัญญาซื้อขายตลอดจนการชำระราคาก็ทำในประเทศไทย ตามวิธีการที่ให้การรถไฟชำระเงินโดยเปิดเลตเตอร์อ๊อฟเครดิตต่อธนาคารในประเทศไทยตามข้อตกลงที่ได้กำหนดกันไว้ในสัญญาซื้อขาย โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องออกใบรับเงินตามความในมาตรา 105 แห่งประมวลรัษฎากร หลักฐานการรับเงินเลตเตอร์อ๊อฟเครดิตตามวิธีการและประเพณีของธนาคารที่บริษัทในต่างประเทศตัวแทนโจทก์ทำให้ไว้แก่ธนาคารในต่างประเทศผู้จ่ายเงินไม่ถือว่าเป็นใบรับตามความในมาตรา 105 นั้น และไม่ได้รับความยกเว้นไม่ต้องเสียอากรตามประมวลรัษฎากร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 804/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ใบรับเงินตามประมวลรัษฎากร: การซื้อขายในประเทศและเลตเตอร์ออฟเครดิต
การรถไฟแห่งประเทศไทยซื้อสินค้าจากโจทก์ผู้ขายซึ่งอยู่ในประเทศไทยการทำสัญญาซื้อขายตลอดจนการชำระราคาก็ทำในประเทศไทย ตามวิธีการที่ให้การรถไฟชำระเงินโดยเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตต่อธนาคารในประเทศไทยตามข้อตกลงที่ได้กำหนดกันไว้ในสัญญาซื้อขายโจทก์จึงมีหน้าที่ต้องออกใบรับเงินตามความในมาตรา 105 แห่งประมวลรัษฎากร หลักฐานการรับเงินเลตเตอร์ออฟเครดิตตามวิธีการและประเพณีของธนาคารที่บริษัทในต่างประเทศตัวแทนโจทก์ทำให้ไว้แก่ธนาคารในต่างประเทศผู้จ่ายเงินไม่ถือว่าเป็นใบรับตามความในมาตรา 105 นั้น
และไม่ได้รับความยกเว้นไม่ต้องเสียอากรตามประมวลรัษฎากร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 576/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารกู้เงินปิดแสตมป์ไม่ครบ แต่ยังใช้เป็นหลักฐานได้หากเสียอากรเพิ่มเติม
หนังสือกู้ปิดแสตมป์ครบจำนวนตามอัตราแล้ว แม้จะได้ขีดฆ่าแสตมป์เหล่านั้นไม่ครบก็ยังใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีฟ้องเรียกเงินกู้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 664/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับโทษทางศุลกากร: ห้ามปรับเกินสี่เท่าของราคาของรวมอากร แม้จะแบ่งปรับเป็นรายบุคคล
กรณีที่พระราชบัญญัติศุลกากรบัญญัติไว้เป็นพิเศษว่า สำหรับความผิดครั้งหนึ่ง ๆ ให้ปรับสี่เท่าของราคาของซึ่งรวมค่าอากรเข้าด้วยกันนั้น ถ้าศาลพิพากษาปรับจำเลยแต่ลำคน คนละสี่เท่าของราคาของซึ่งรวมค่าอากรด้วย ก็ย่อมเป็นการปรับจำเลยสำหรับความผิดครั้งหนึ่ง ๆ เกินกว่าสี่เท่า อันเป็นการผิดข้อความที่บัญญัติไว้และกรณีเช่นนี้ย่อมจะนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 31 ซึ่งให้ปรับเรียงตามรายตัวบุคคลมาใช้บังคับไม่ได้ด้วย
of 6