พบผลลัพธ์ทั้งหมด 419 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2176/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: จำเลยถูกผู้เสียหายคุกคามด้วยอาวุธ มีเหตุป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ
การที่ผู้เสียหายเมาสุราไม่เชื่อฟังมารดาพูดจาท้าทายจำเลยและถือมีดปลายแหลมซึ่งมีใบมีดยาวถึง17เซนติเมตรเดินไปตบหน้าภริยาจำเลยที่หน้าประตูห้องน้ำในขณะที่จำเลยอยู่ในห้องน้ำและอยู่ห่างกันเพียง1ว่าไม่มีทางที่จำเลยจะหลบหนีไปทางใดได้บุคคลที่อยู่ในภาวะเช่นจำเลยต้องเห็นว่าผู้เสียหายมีเจตนาจะทำร้ายจำเลยโดยใช้มีดที่ถือมาแทงจำเลยอย่างแน่นอนและอาจถึงแก่ความตายได้จึงเป็นภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงการที่จำเลยเปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายเพียง1นับแล้วหลบหนีจึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9781/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สนับสนุนการกระทำผิดฐานพยายามฆ่า: การให้ความสะดวกแก่ผู้กระทำผิดและการประเมินประสิทธิภาพอาวุธ
จำเลยเป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์ มีพวกของจำเลยซ้อนท้ายมายังบริเวณที่เกิดเหตุ แล้วรอรับพาพวกของจำเลยหลบหนี โดยจำเลยจอดรถรอห่างประมาณ 7 ถึง 8 วา แม้แต่เมื่อผู้เสียหายที่ 1 กอดปล้ำกับพวกของจำเลย จำเลยก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอย่างไร อีกทั้งวันเกิดเหตุเป็นวันสงกรานต์ที่เกิดเหตุเป็นร้านค้าและไม่ปรากฏว่าจำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหายทั้งสามมาก่อน พยานโจทก์เพียงเท่านี้จึงยังไม่พอฟังว่าจำเลยร่วมยิงกับพวกของจำเลยฟังได้เพียงว่าจำเลยให้ความสะดวกในการที่พวกของจำเลยมากระทำความผิดจำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด
การที่พวกของจำเลยใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มชาวบ้าน ซึ่งมีผู้เสียหายทั้งสามรวมอยู่ด้วย โดยยิงในระยะใกล้ แต่กระสุนปืนที่ถูกที่หน้าอกผู้เสียหายที่ 1 จำนวน 3 ลูก ได้รับบาดเจ็บเพียงเป็นบาดแผล 0.4 เซนติเมตรผู้เสียหายที่ 2 ถูกกระสุนปืนที่ต้นขาซ้าย 1 ลูก และผู้เสียหายที่ 3 ถูกกระสุนปืนที่ต้นขาซ้าย 1 ลูก แพทย์ผู้รักษาผู้เสียหายทั้งสามให้การในชั้นสอบสวนว่าผู้เสียหายที่ 1 ได้รับบาดเจ็บมากที่สุด แต่เนื่องจากกระสุนปืนกระจายออก และไม่ถูกอวัยวะสำคัญโดยกระสุนปืนไปฝังอยู่บริเวณชั้นกล้ามเนื้อ ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาในทันทีก็ยังไม่ถึงกับเสียชีวิตได้ การที่ยิงในระยะใกล้แต่กระสุนปืนฝังแค่ชั้นกล้ามเนื้อแสดงว่าอาวุธปืนที่พวกของจำเลยยิงไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถทำให้ถึงกับเสียชีวิตได้ อันถือได้ว่าการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นของพวกของจำเลยไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำ ตาม ป.อ.มาตรา 81 วรรคหนึ่ง จำเลยจึงมีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 288 ประกอบมาตรา 81 วรรคหนึ่ง มาตรา 86
การที่พวกของจำเลยใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มชาวบ้าน ซึ่งมีผู้เสียหายทั้งสามรวมอยู่ด้วย โดยยิงในระยะใกล้ แต่กระสุนปืนที่ถูกที่หน้าอกผู้เสียหายที่ 1 จำนวน 3 ลูก ได้รับบาดเจ็บเพียงเป็นบาดแผล 0.4 เซนติเมตรผู้เสียหายที่ 2 ถูกกระสุนปืนที่ต้นขาซ้าย 1 ลูก และผู้เสียหายที่ 3 ถูกกระสุนปืนที่ต้นขาซ้าย 1 ลูก แพทย์ผู้รักษาผู้เสียหายทั้งสามให้การในชั้นสอบสวนว่าผู้เสียหายที่ 1 ได้รับบาดเจ็บมากที่สุด แต่เนื่องจากกระสุนปืนกระจายออก และไม่ถูกอวัยวะสำคัญโดยกระสุนปืนไปฝังอยู่บริเวณชั้นกล้ามเนื้อ ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาในทันทีก็ยังไม่ถึงกับเสียชีวิตได้ การที่ยิงในระยะใกล้แต่กระสุนปืนฝังแค่ชั้นกล้ามเนื้อแสดงว่าอาวุธปืนที่พวกของจำเลยยิงไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถทำให้ถึงกับเสียชีวิตได้ อันถือได้ว่าการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นของพวกของจำเลยไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำ ตาม ป.อ.มาตรา 81 วรรคหนึ่ง จำเลยจึงมีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 288 ประกอบมาตรา 81 วรรคหนึ่ง มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9781/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สนับสนุนการกระทำความผิด พยายามฆ่า: ประเมินความรุนแรงของอาวุธและเจตนา
จำเลยเป็นผู้ขับรถยนต์จักรยานยนต์มีพวกของจำเลยซ้อนท้ายมายังบริเวณที่เกิดเหตุแล้วรอรับพาพวกของจำเลยหลบหนีโดยจำเลยจอดรถรอห่างประมาณ7ถึง8วาแม้แต่เมื่อผู้เสียหายที่1กอดปล้ำกับพวกของจำเลยจำเลยก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอย่างไรอีกทั้งวันเกิดเหตุเป็นวันสงกรานต์ที่เกิดเหตุเป็นร้านค้าและไม่ปรากฏว่าจำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหายทั้งสามมาก่อนพยานโจทก์เพียงเท่านี้จึงยังไม่พอฟังว่าจำเลยร่วมยิงกับพวกของจำเลยฟังได้เพียงว่าจำเลยให้ความสะดวกในการที่พวกของจำเลยมากระทำความผิดจำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด การที่พวกของจำเลยใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มชาวบ้านซึ่งมีผู้เสียหายทั้งสามรวมอยู่ด้วยโดยยิงในระยะใกล้แต่กระสุนปืนที่ถูกที่หน้าอกผู้เสียหายที่1จำนวน3ลูกได้รับบาดเจ็บเพียงเป็นบาดแผล0.4เซนติเมตรผู้เสียหายที่2ถูกกระสุนปืนที่ต้นขาซ้าย1ลูกและผู้เสียหายที่3ถูกกระสุนปืนที่ต้นขาซ้าย1ลูกแพทย์ผู้รักษาผู้เสียหายทั้งสามให้การในชั้นสอบสวนว่าผู้เสียหายที่1ได้รับบาดเจ็บมากที่สุดแต่เนื่องจากกระสุนปืนกระจายออกและไม่ถูกอวัยวะสำคัญโดยกระสุนปืนไปฝังอยู่บริเวณชั้นกล้ามเนื้อถ้าหากไม่ได้รับการรักษาในทันทีก็ยังไม่ถึงกับเสียชีวิตได้การที่ยิงในระยะใกล้แต่กระสุนปืนฝังแค่ชั้นกล้ามเนื้อแสดงว่าอาวุธปืนที่พวกของจำเลยยิงไม่มีประสิทธิภาพไม่สามารถทำให้ถึงกับเสียชีวิตได้อันถือได้ว่าการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นของพวกของจำเลยไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา81วรรคหนึ่งจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา288ประกอบมาตรา81วรรคหนึ่งมาตรา86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5219/2539 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้าย vs. เจตนาฆ่า: การพิจารณาจากอาวุธและสภาพแวดล้อม
จำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหายมาก่อน แต่ไม่รุนแรงมากถึงกับคิดจะฆ่าผู้เสียหาย แม้มีดที่จำเลยใช้แทงผู้เสียหายเป็นมีดปลายแหลมคมมีดยาวประมาณ 7 นิ้ว แต่จำเลยแทงไม่แรงและบริเวณที่เกิดเหตุเป็นที่มืด จำเลยไม่สามารถเลือกแทงได้ จำเลยจึงมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5219/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้าย vs. พยายามฆ่า: การพิจารณาจากบาดแผล, อาวุธ, และสถานการณ์
จำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหายมาก่อน แต่ไม่รุนแรงมากถึงกับคิดจะฆ่าผู้เสียหาย แม้มีดที่จำเลยใช้แทงผู้เสียหายเป็นมีดปลายแหลมคมมีดยาวประมาณ 7 นิ้ว แต่จำเลยแทงไม่แรงและบริเวณที่เกิดเหตุเป็นที่มือ จำเลยไม่สามารถเลือกแทงได้ จำเลยจึงมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2755/2539 เวอร์ชัน 5 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเอง: การตอบโต้ด้วยอาวุธเพื่อหยุดยั้งการทำร้ายร่างกาย
ผู้เสียหายใช้ไม้ท่อนยาวประมาณ 1 ศอก ขว้างถูกจำเลยจนจำเลยตกลงไปในสระน้ำแล้ววิ่งเข้าไปหาจำเลยใช้ไม้ตีซ้ำอีกในขณะที่จำเลยกำลังขึ้นจากสระน้ำ จำเลยก็ชอบที่จะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงโดยพอสมควรแก่เหตุได้ ฉะนั้นการที่จำเลยใช้อาวุธแทงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย 3 ครั้ง เพื่อยับยั้งมิให้ผู้เสียหายใช้ไม้ท่อนตีทำร้ายร่างกายจำเลยอีกต่อไป ไม่ว่าอาวุธที่จำเลยใช้แทงผู้เสียหายเป็นอาวุธมีดดังที่โจทก์นำสืบ หรือเป็นใบเลื่อยดังที่จำเลยอ้าง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับไม้ท่อนที่ผู้เสียหายใช้ตีทำร้ายร่างกายจำเลยแล้ว เป็นกระทำไปพอสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย ตาม ป.อ. มาตรา 68 จำเลยย่อมไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2755/2539 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเองจากการถูกทำร้าย: การใช้อาวุธเพื่อยับยั้งการทำร้ายเป็นเหตุสมควร
ผู้เสียหายใช้ไม้ท่อนยาวประมาณ 1 ศอก ขว้างถูกจำเลยจนจำเลยตกลงไปในสระน้ำแล้ววิ่งเข้าไปหาจำเลยใช้ไม้ตีซ้ำอีกในขณะที่จำเลยกำลังขึ้นจากสระน้ำ จำเลยก็ชอบที่จะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงโดยพอสมควรแก่เหตุได้ฉะนั้นการที่จำเลยใช้อาวุธแทงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย 3 ครั้งเพื่อยับยั้งมิให้ผู้เสียหายใช้ไม้ท่อนตีทำร้ายร่างกายจำเลยอีกต่อไป ไม่ว่าอาวุธที่จำเลยใช้แทงผู้เสียหายเป็นอาวุธมีดดังที่โจทก์นำสืบ หรือเป็นใบเลื่อยดังที่จำเลยอ้าง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับไม้ท่อนที่ผู้เสียหายใช้ตีทำร้ายร่างกาย จำเลยแล้วเป็นกระทำไปพอสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 จำเลยย่อมไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2755/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย: การกระทำเพื่อยับยั้งการทำร้ายร่างกาย แม้ใช้อาวุธ
จำเลยเพียงถือมีดพกเข้าไปหา ล. และผู้เสียหายในลักษณะธรรมดาเท่านั้นโดยไม่ได้แสดงกิริยาอาการรีบร้อนหรือส่อแสดงว่าจะเข้าไปทำร้ายร่างกายผู้เสียหายแต่อย่างใดยังบ่งบอกไม่ได้ว่าจำเลยจะเจ้าไปทำร้ายร่างกายผู้เสียหายก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายเข้าใจว่าจำเลยเอามีดพกของตนไปจึงไปสอบถามทำให้เกิดเหตุทะเลาะกันสาเหตุก็เกิดจากผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อขึ้นก่อนยังเรียกไม่ได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุหรือสมัครใจทะเลาะวิวาทกับผู้เสียหายดังนั้นการที่ผู้เสียหายเข้าใจว่าจำเลยจะเข้าไปแทงทำร้ายจึงใช้ไม้ท่อนยาว1ศอกขว้างจำเลยจนจำเลยตกลงไปในสระน้ำแล้ววิ่งไปหาจำเลยและใช้ไม้ตีซ้ำอีกในขณะจำเลยขึ้นจากสระน้ำจึงเป็นพฤติการณ์ที่ผู้เสียหายก่อเหตุขึ้นก่อนจำเลยย่อมมีสิทธิที่จะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นภยันอันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและภยันอันตรายที่ใกล้จะถึงได้โดยพอสมควรแก่เหตุได้การที่จำเลยใช้อาวุธแทงผู้เสียหาย3ครั้งเพื่อยับยั้งมิให้ผู้เสียหายใช้ไม้ท่อนตีทำร้ายร่างกายจำเลยอีกต่อไปเมื่อเปรียบเทียบอาวุธที่ใช้แล้วถือว่าจำเลยกระทำพอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2755/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเอง: การตอบโต้ด้วยอาวุธเมื่อถูกทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย
ผู้เสียหายใช้ไม้ท่อนยาวประมาณ1ศอกขว้างถูกจำเลยจนจำเลยตกลงไปในสระน้ำแล้ววิ่งเข้าไปหาจำเลยใช้ไม้ตีซ้ำอีกในขณะที่จำเลยกำลังขึ้นจากสระน้ำจำเลยก็ชอบที่จะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงโดยพอสมควรแก่เหตุได้ฉะนั้นการที่จำเลยใช้อาวุธแทงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย3ครั้งเพื่อยับยั้งมิให้ผู้เสียหายใช้ไม้ท่อนตีทำร้ายร่างกายจำเลยอีกต่อไปไม่ว่าอาวุธที่จำเลยใช้แทงผู้เสียหายเป็นอาวุธมีดดังที่โจทก์นำสืบหรือเป็นใบเลื่อยดังที่จำเลยอ้างแต่เมื่อเปรียบเทียบกับไม้ท่อนที่ผู้เสียหายใช้ตีทำร้ายร่างกายจำเลยแล้วเป็นกระทำไปพอสมควรแก่เหตุการกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา68จำเลยย่อมไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1351/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายสาหัส พยานหลักฐานเชื่อมโยงจำเลย การเปลี่ยนแปลงอาวุธที่ใช้ไม่ถึงขั้นเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ
โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องว่าจำเลยใช้ไม้ตี แต่ทางพิจารณาโจทก์นำสืบได้ความว่าจำเลยใช้เหล็กแป๊บตีโจทก์ ผลก็คือโจทก์ได้รับอันตรายแก่กายจากการกระทำของจำเลย จึงเป็นการแตกต่างกันมิใช่ข้อสาระสำคัญ ทั้งจำเลยให้การต่อสู้คดีอ้างฐานที่อยู่และมิได้หลงข้อต่อสู้ ศาลลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายได้ แม้การพิจารณาและสืบพยานในคดีก่อน มิได้กระทำต่อหน้าจำเลยที่ 4 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 172และจำเลยที่ 4 มิได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีดังกล่าวก็ตามศาลก็สามารถนำพยานหลักฐานในคดีก่อนมารับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 4ให้มีน้ำหนักมั่นคงยิ่งขึ้นได้