คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อ่านคำพิพากษา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 44 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1128/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฎีกาในคดีอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย เริ่มนับแต่วันที่ถือว่าจำเลยได้ฟังคำพิพากษา
อายุความฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในกรณีอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยนั้น ให้นับแต่วันถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 182 ที่แก้ไขแล้วแม้จับจำเลยได้มาแล้ว ศาลจะอ่านคำพิพากษานั้นให้ฟังอีก ก็หาทำให้จำเลยมีสิทธิฎีกาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาอาญา: การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังเป็นสำคัญ
ป.ม.วิ.อาญามาตรา 216 บัญญัติให้ฎีกาภายในหนึ่งเดือน นับแต่วันอ่านคำพิพากษาหรือมีคำสั่งศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง ฉะนั้นเมื่อตัวจำเลยยังไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แม้โจทก์และทนายจำเลยจะได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว หมายจำเลยก็ยังไม่มีสิทธิฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาอาญา: การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังเป็นสำคัญ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 บัญญัติให้ฎีกาภายในหนึ่งเดือน นับแต่วันอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง ฉะนั้นเมื่อตัวจำเลยยังไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แม้โจทก์และทนายจำเลยจะได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วทนายจำเลยก็ยังไม่มีสิทธิฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1612/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังเป็นสาระสำคัญ หากไม่ครบถ้วน ฎีกาไม่รับพิจารณา
แม้ศาลจะได้ดำเนินการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังฝ่ายเดียวเป็นการถูกต้องตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 182 วรรค 3 แล้ว แต่เมื่อจำเลยยังไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ก็ไม่ถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 216 ฉะนั้นหากโจทก์จะฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็จะรับพิจารณาฎีกาของโจทก์ไม่ได้ต้องให้จำหน่ายคดี ส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้นเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้องต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1612/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง: เงื่อนไขการฎีกา
แม้ศาลจะได้ดำเนินการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังฝ่ายเดียวเป็นการถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 182 วรรคสาม แล้ว แต่เมื่อจำเลยยังไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ก็ไม่ถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 216 ฉะนั้นหากโจทก์จะฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็จะรับพิจารณาฎีกาของโจทก์ไม่ได้ ต้องให้จำหน่ายคดี ส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้นเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้องต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง – ผลต่อการพิจารณาของศาลฎีกา
คดีอาญาที่โจทก์ยื่นฎีกาโดยจำเลยยังมิได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แม้ศาลชั้นต้นจะดำเนินการให้โจทก์ฟังคำ พิพากษาศาลอุทธรณ์ฝ่ายเดียวถูกต้องตาม ม.182 วรรค 3 แล้วก็ไม่ถือว่าได้อ่านให้จำเลยฟังตาม ม.216 ศาลฎีกาไม่รับพิจารณาฎีกาโจทก์ให้จำหน่ายคดีส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้น เพื่อดำเนินการตามกระบวนพิจารณาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 803/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นฎีกาก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์: ถือว่ายื่นฎีกาแล้วเมื่ออ่านให้จำเลยฟัง
การที่โจทก์ยื่นฎีกาไว้ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง ดังนี้ เมื่อใด ได้อ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ให้จำเลยฟังแล้ว เป็นอันถือได้ว่าได้ยื่นฎีกาแล้วตามกฎหมาย
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/92

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1222/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฎีกาเกิดขึ้นเมื่ออ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังแล้ว
เมื่อยังไม่ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง โจทก์ยังไม่มีอำนาจฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2479

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แก่จำเลยที่ถูกบังคับใช้คำพิพากษา ศาลชั้นต้นต้องดำเนินการให้ถูกต้อง
ในกรณีที่คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาบังคับเกี่ยวถึงตัวจำเลยอื่น ศาลชั้นต้นต้องอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยผู้ที่มีคำบังคับเกี่ยวถึงนั้นฟังทุกคน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วันคดีถึงที่สุด: การอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยแต่ละคนฟังแยกกันไม่กระทบผลถึงที่สุด
ขณะศาลฎีกาส่งคำพิพากษาให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟัง จำเลยที่ 1 ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำเขาบิน จังหวัดราชบุรี ส่วนจำเลยที่ 2 อยู่ที่เรือนจำกลางคลองเปรม การที่ศาลชั้นต้นส่งคำพิพากษาศาลฎีกาให้ศาลจังหวัดราชบุรีอ่านให้จำเลยที่ 1 ฟังก่อน แล้วจึงอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยที่ 2 ฟัง จึงเป็นการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยที่ 2 ฟังโดยชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 182 จำเลยที่ 2 จะกล่าวอ้างว่า การที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ฟัง ย่อมมีผลถึงจำเลยที่ 2 ด้วยไม่ได้ เมื่อตาม ป.วิ.อ. มาตรา 188 บัญญัติเพียงว่า คำพิพากษามีผลตั้งแต่วันที่ได้อ่านในศาลโดยเปิดเผยเป็นต้นไป โดยมิได้บัญญัติว่า คดีถึงที่สุดเมื่อใด จึงต้องนำ ป.วิ.พ. มาตรา 147 มาใช้บังคับเท่าที่พอจะใช้บังคับได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 15 เมื่อศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยที่ 2 ฟังเมื่อ 18 กันยายน 2555 คดีของจำเลยที่ 2 จึงถึงที่สุดในวันดังกล่าว การที่ศาลชั้นต้นออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดให้แก่จำเลยที่ 2 โดยระบุว่าคดีถึงที่สุดวันที่ 18 กันยายน 2555 จึงชอบแล้ว
of 5