คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เกี่ยวเนื่อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 51 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2587/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลต้องใช้ข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาคดีอาญา
เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีอาญาในความผิดฐานฉ้อโกงว่าโจทก์เข้าทำสัญญาโอนกิจการปั๊มน้ำมันและสิ่งปลูกสร้างจากจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 ทำกลฉ้อฉลหลอกลวงโจทก์ว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของและเป็นผู้มีสิทธิดำเนินกิจการปั๊มน้ำมันที่ขายสิทธิให้โจทก์ แต่ความจริงปั๊มน้ำมันเป็นของบริษัทน้ำมันเอง และจำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิดำเนินกิจการ ศาลพิพากษายกฟ้อง การที่โจทก์มาฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีแพ่งเรียกคืนเงินที่จ่ายตามสัญญาดังกล่าว จึงเป็นการฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาศาลจึงต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2555/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบข้าวสาร: ความผิดฐานละเว้นรายงานการค้าข้าว ต้องมีความเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับความผิด
ตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พ.ศ. 2489 มาตรา 21 ทวิ ซึ่งเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการค้าข้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2489 มาตรา 12 บัญญัติว่า "ข้าวซึ่งเกี่ยวเนื่องกับความผิดตลอดจนสิ่งที่ใช้บรรจุให้ริบเสีย" นั้น คำว่า "ข้าวซึ่งเกี่ยวเนื่องกับความผิด" นี้จะต้องเป็นข้าวซึ่งเกี่ยวเนื่องกับความผิดโดยตรง จำเลยเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบการค้าข้าวโดยชอบแล้ว ความผิดของจำเลยอยู่ที่การละเว้นไม่ทำรายงานเท่านั้น ข้าวของกลางไม่เกี่ยวเนื่องกับความผิดของจำเลยแต่อย่างใด จึงไม่ริบ (อ้างฎีกาที่ 491/2510)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2555/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบข้าวตาม พ.ร.บ.การค้าข้าว ต้องเป็นข้าวที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดโดยตรง
คำว่า "ข้าวซึ่งเกี่ยวเนื่องกับความผิดให้ริบเสีย" ตามมาตรา 21 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการค้าข้าวนั้น จะต้องเป็นข้าวซึ่งเกี่ยวเนื่องกับความผิดโดยตรงจำเลยเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบการค้าข้าวโดยชอบแล้ว ความผิดของจำเลยอยู่ที่ละเว้นไม่ทำรายงานการค้าข้าวแสดงปริมาณข้าวในครอบครองเท่านั้น ข้าวของกลางไม่เกี่ยวเนื่องกับความผิดของจำเลยแต่อย่างใด จึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่จะพึงริบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 115/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มเติมฟ้องจำเลยใหม่ในคดีอาญา: ข้อหาและการกระทำผิดต้องเกี่ยวเนื่องกัน
เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 คนเดียวในข้อหาฐานทำให้เสียทรัพย์แล้วต่อมาได้ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องโดยขอให้มารดาจำเลยที่ 1 เข้ามาเป็นจำเลยอีกคนหนึ่งในข้อหาฐานฉ้อโกง ซึ่งเป็นข้อหาและการกระทำผิดที่มิได้เกี่ยวข้องเป็นคดีเดียวกันคำร้องของโจทก์ที่ยื่นขอเพิ่มเติมนี้ถือได้ว่าเป็นการฟ้องจำเลยคนใหม่เป็นคดีใหม่เข้ามาอีกเรื่องหนึ่ง โจทก์จะมาขอเพิ่มเติมฟ้องเช่นนี้ไม่ได้ ไม่มีเหตุอันควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 163

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271-1272/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ที่เกี่ยวเนื่องกัน หักกลบลบหนี้ได้ และฟ้องแย้งเกี่ยวกับฟ้องเดิมต้องรับไว้พิจารณา
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลย จำเลยรับว่าได้กู้จริง แต่ต่อสู้ว่าโจทก์ยังเป็นหนี้จำเลยค่าจ้างว่าความ ค่าเดินทาง และค่าอาหาร ขอหักกลบลบหนี้ และฟ้องแย้งขอให้ชำระเงินค่าจ้างว่าความ ค่าเดินทางและค่าอาหารนั้น ดังนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวกับฟ้องเดิม ต้องรับไว้พิจารณา(อ้างฎีกาที่ 460/2499)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271-1272/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักกลบลบหนี้ที่ถึงกำหนดชำระพร้อมกัน และการรับฟ้องแย้งที่เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลย จำเลยรับว่าได้กู้จริง แต่ต่อสู้ว่าโจทก์ยังเป็นหนี้จำเลย ค่าจ้างว่าความและค่าอาหาร ขอหักกลบลบหนี้ และฟ้องแย้งขอให้ชำระเงินค่าจ้างว่าความ ค่าเดินทางและค่าอาหารนั้น ดังนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวกับฟ้องเดิม ต้องรับไว้พิจารณา (อ้างฎีกา ที่ 460/2499)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1055/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลต้องถือข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีอาญาที่ถึงที่สุด
แต่เดิมโจทก์ฟ้องคดีอาญาว่าจำเลยโกงเจ้าหนี้โดยจำเลยกู้เงินโจทก์ไป หนี้ยังไม่ได้ชำระก็โอนที่ดินให้แก่บุคคลอื่น ศาลเห็นว่าจำเลยได้กู้เงินและยังไม่ได้ชำระจริงดังฟ้อง แต่โจทก์ยังไม่ได้ใช้สิทธิทางศาลฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้ การที่จำเลยโอนที่ดินให้แก่บุคคลอื่นไปจึงไม่เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ พิพากษายกฟ้องโจทก์ คดีถึงที่สุด โจทก์จึงมาฟ้องในทางแพ่งให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้รายนี้ จำเลยให้การปฏิเสธ ชั้นพิจารณาโจทก์จำเลยต่างอ้างพยานหลักฐานในคดีอาญา แล้วไม่สืบพยาน ศาลฎีกาเห็นว่าในการพิจารณาคดีอาญานั้น ศาลได้หยิบยกประเด็นที่ว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์ไปหรือไม่ขึ้นมาวินิจฉัยก่อน แล้วฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์และค้างชำระต้นเงินและดอกเบี้ยตามฟ้อง แล้วจึงวินิจฉัยต่อไปว่า การกระทำของจำเลยเป็นการโกงเจ้าหนี้หรือไม่ ฉะนั้น ประเด็นที่ว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์ไปตามสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องหรือไม่ จึงเป็นประเด็นโดยตรงที่ศาลหยิบยกขึ้นมาวินิจฉัยในคดีอาญา เมื่อโจทก์มาฟ้องคดีแพ่งให้จำเลยชำระเงินกู้และดอกเบี้ยรายเดียวกันนี้ จึงเป็นการฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ในการพิพากษาคดีแพ่งนี้ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์ไปจริง ยังคงค้างชำระเงินต้นและดอกเบี้ยตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1055/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลต้องถือข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีอาญา
แต่เดิมโจทก์ฟ้องคดีอาญาว่า จำเลยโกงเจ้าหนี้โดยจำเลยกู้เงินโจทก์ไปหนี้ยังไม่ได้ชำระก็โอนที่ดินให้แก่บุคคลอื่น ศาลเห็นว่าจำเลยได้กู้เงินและยังไม่ได้ชำระจริงดังฟ้อง แต่โจทก์ยังไม่ได้ใช้สิทธิทางศาลฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้ การที่จำเลยโอนที่ดินให้แก่บุคคลอื่นไปจึงไม่เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ พิพากษายกฟ้องโจทก์คดีถึงที่สุด โจทก์จึงมาฟ้องในทางแพ่งให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้รายนี้ จำเลยให้การปฏิเสธ ชั้นพิจารณาโจทก์จำเลยต่างอ้างพยานหลักฐานในคดีอาญา แล้วไม่สืบพยาน ศาลฎีกาเห็นว่าในการพิจารณาคดีอาญานั้น ศาลได้หยิบยกประเด็นที่ว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์ไปหรือไม่ขึ้นมาวินิจฉัยก่อนแล้วฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์และค้างชำระต้นเงินและดอกเบี้ยตามฟ้องแล้วจึงวินิจฉัยต่อไปว่า การกระทำของจำเลยเป็นการโกงเจ้าหนี้หรือไม่ ฉะนั้น ประเด็นที่ว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์ไปตามสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องหรือไม่ จึงเป็นประเด็นโดยตรงที่ศาลหยิบยกขึ้นมาวินิจฉัยในคดีอาญา เมื่อโจทก์มาฟ้องคดีแพ่งให้จำเลยชำระเงินกู้และดอกเบี้ยรายเดียวกันนี้ จึงเป็นการฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ในการพิพากษาคดีแพ่งนี้ ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์ไปจริง ยังคงค้างชำระต้นเงินและดอกเบี้ยตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 828/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่ง-อาญาเกี่ยวเนื่องกัน: ศาลต้องใช้ข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาคดีอาญาเป็นหลัก แม้ฟ้องแพ่งก่อน
การฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญานั้นโจทก์จะฟ้องคดีส่วนแพ่งก่อนก็ได้ และถ้าในระหว่างที่คดีส่วนแพ่งยังไม่ถึงที่สุด โจทก์ฟ้องคดีส่วนอาญาในมูลกรณีเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องในคดีส่วนแพ่งนั้นเองเช่นนี้ หาใช่เป็นเรื่องคดีแพ่งเกิดก่อนคดีอาญาไม่และการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
จำเลยทำใบมอบอำนาจปลอมให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเซ็น โดยหลอกลวงว่าเพื่อมอบอำนาจให้จำเลยเช่ามา แต่ความจริงเป็นใบมอบอำนาจให้โจทก์ขายนาให้จำเลยโดยโจทก์มิได้ยินยอมด้วย ดังนี้ เป็นการที่โจทก์ทำนิติกรรมมอบอำนาจไปโดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งนิติกรรมเป็นโมฆะ ใบมอบอำนาจจึงใช้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 828/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา: ศาลต้องถือข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีอาญา หากมีมูลเหตุเดียวกัน
การฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญานั้นโจทก์จะฟ้องคดีส่วนแพ่งก่อนก็ได้ และถ้าในระหว่างที่คดีส่วนแพ่งยังไม่ถึงที่สุดโจทก์ฟ้องคดีส่วนอาญาในมูลกรณีเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องในคดีส่วนแพ่งนั้นเอง เช่นนี้ หาใช่เป็นเรื่องคดีแพ่งเกิดก่อนคดีอาญาไม่และการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
จำเลยทำใบมอบอำนาจปลอมให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเซ็นโดยหลอกลวงว่าเพื่อมอบอำนาจให้จำเลยเช่านาแต่ความจริงเป็นใบมอบอำนาจให้โจทก์ขายนาให้จำเลยโดยโจทก์มิได้ยินยอมด้วย ดังนี้ เป็นการที่โจทก์ทำนิติกรรมมอบอำนาจไปโดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งนิติกรรมเป็นโมฆะใบมอบอำนาจจึงใช้ไม่ได้
of 6