พบผลลัพธ์ทั้งหมด 81 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1057/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องฐานยักยอกที่ไม่ชัดเจน การระบุการกระทำผิดต้องเพียงพอให้จำเลยเข้าใจข้อหา
คำบรรยายฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2511 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2512 เวลาใดไม่ปรากฏ จำเลยบังอาจเบียดบังยักยอกเอาเครื่องรับโทรทัศน์ยี่ห้อชาร์ป ราคา 2,200 บาทของโจทก์ซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลย โดยจำเลยเช่าจากโจทก์ไปเป็นอาณาประโยชน์ส่วนตัวโดยเจตนาทุจริต ...ฯลฯ... ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ดังนี้ เป็นคำฟ้องที่มิได้บรรยายการกระทำของจำเลยให้ชัดว่าจำเลยได้กระทำการอย่างใดที่โจทก์ถือว่าจำเลยกระทำความผิดฐานยักยอกมาพอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1057/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่ชัดเจนการกระทำความผิดฐานยักยอก ทำให้จำเลยไม่เข้าใจข้อหา ศาลยกฟ้อง
คำบรรยายฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2511 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2512 เวลาใดไม่ปรากฏ จำเลยบังอาจเบียดบังยักยอกเอาเครื่องรับโทรทัศน์ยี่ห้อชาร์ป ราคา 2,200 บาทของโจทก์ซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลย โดยจำเลยเช่าจากโจทก์ไปเป็นอาณาประโยชน์ส่วนตัวโดยเจตนาทุจริต ...ฯลฯ... ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ดังนี้ เป็นคำฟ้องที่มิได้บรรยายการกระทำของจำเลยให้ชัดว่าจำเลยได้กระทำการอย่างใดที่โจทก์ถือว่าจำเลยกระทำความผิดฐานยักยอกมาพอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 951/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายสถานที่เกิดเหตุในคำฟ้องอาญา เพียงพอเมื่อจำเลยเข้าใจข้อหาได้จากบริบท
คำว่า สถานที่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 (5) นั้น หมายถึงสถานที่ที่เกิดกระทำผิด หาได้กำหนดไว้โดยเฉพาะเจาะจงว่าจะต้องระบุว่าอยู่หมู่ใด ตำบลใด เสมอไปไม่ เพียงแต่กล่าวไว้พอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีก็เป็นการเพียงพอแล้ว คดีนี้ราษฎรเป็นโจทก์ ในคำฟ้องระบุว่าโจทก์จำเลยต่างอยู่บ้านใกล้เคียงบ้านหนองแก ตำบลยางหล่อ อำเภอหนองบัวลำภู จังหวัดอุดรธานี เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้บังอาจเข้าไปในบ้านโจทก์ แม้จะไม่ลงว่าบ้านโจทก์ตั้งอยู่ที่ตำบล อำเภอ และจังหวัดใดก็ดี จำเลยก็ย่อมเข้าใจข้อหาได้ดีว่า การกระทำผิดเกิด ณ สถานที่ใด เพราะโจทก์จำเลยเป็นคนอยู่ในละแวกหมู่บ้านเดียวกัน ถือได้ว่าโจทก์ได้บรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2509)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1360/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาต้องระบุรายละเอียดทรัพย์สินที่ถูกปล้น เพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ชัดเจน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกสมคบกันปล้นทรัพย์ของนายชายและนางแอ๋ไปรวมราคา 3,344 บาท ตามบัญชีท้ายฟ้อง และบัญชีท้ายฟ้องระบุเพียงว่าทรัพย์ของนายชายราคา 1,344 บาท ทรัพย์ของนางแอ๋ราคา 2,000 บาท เมื่อโจทก์ไม่ได้ระบุว่าจำเลยปล้นทรัพย์อะไรไปบ้าง ฟ้องโจทก์จึงไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามมาตรา 158(5) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาจึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 25/2509)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 25/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1360/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาต้องระบุรายละเอียดทรัพย์ที่ถูกปล้นให้ชัดเจน เพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกสมคบกันปล้นทรัพย์ของนายชายและนางแอ๋ไปรวมราคา 3,344 บาท ตามบัญชีท้ายฟ้อง และบัญชีท้ายฟ้องระบุเพียงว่าทรัพย์ของนายชายราคา 1,344 บาททรัพย์ของนางแอ๋ราคา 2,000 บาท เมื่อโจทก์ไม่ได้ระบุว่าจำเลยปล้นทรัพย์อะไรไปบ้าง ฟ้องโจทก์จึงไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามมาตรา 158(5) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาจึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 25/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1185/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องอาญาต้องระบุรายละเอียดการกระทำผิดให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ชัดเจน หากระบุเพียงการหลอกลวงโดยไม่บอกความจริง คำฟ้องนั้นไม่สมบูรณ์
การฟ้องคดีอาญานั้น โจทก์จะต้องระบุการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี
คำฟ้องของโจทก์บรรยายแต่เพียงว่า จำเลยทั้งสองหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า ให้ผู้เสียหายนำเงินมามอบให้กับจำเลยเพื่อเอาไปลงแชร์และให้คำรับรองอันเป็นเท็จว่า ถ้าส่งเงินครบแล้วจำเลยจะคืนเงินพร้อมทั้งผลประโยชน์ให้ จำเลยทั้งสองได้เก็บเงินจากผู้เสียหายไปจวนครบจำนวนแล้วก็ปฏิเสธไม่ยอมรับไม่ยอมคืนเงิน โดยตามคำฟ้องมิกล่าวว่าความจริงเป็นอย่างไร เพื่อที่จะแสดงให้เข้าใจได้ว่าจำเลยทั้งสองหลอกลวงผู้เสียหายตรงไหน ฉะนั้น คำฟ้องในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องที่ระบุความพอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ดังนี้ ศาลก็ต้องยกฟ้อง
คำฟ้องของโจทก์บรรยายแต่เพียงว่า จำเลยทั้งสองหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า ให้ผู้เสียหายนำเงินมามอบให้กับจำเลยเพื่อเอาไปลงแชร์และให้คำรับรองอันเป็นเท็จว่า ถ้าส่งเงินครบแล้วจำเลยจะคืนเงินพร้อมทั้งผลประโยชน์ให้ จำเลยทั้งสองได้เก็บเงินจากผู้เสียหายไปจวนครบจำนวนแล้วก็ปฏิเสธไม่ยอมรับไม่ยอมคืนเงิน โดยตามคำฟ้องมิกล่าวว่าความจริงเป็นอย่างไร เพื่อที่จะแสดงให้เข้าใจได้ว่าจำเลยทั้งสองหลอกลวงผู้เสียหายตรงไหน ฉะนั้น คำฟ้องในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องที่ระบุความพอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ดังนี้ ศาลก็ต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1185/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องอาญาต้องระบุรายละเอียดการกระทำผิดให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ เพื่อให้การฟ้องเป็นไปตามหลักกฎหมาย
การฟ้องคดีอาญานั้น โจทก์จะต้องระบุการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี
คำฟ้องของโจทก์บรรยายแต่เพียงว่า จำเลยทั้งสองหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า ให้ผู้เสียหายนำเงินมามอบให้กับจำเลยเพื่อเอาไปลงแชร์และให้คำรับรองอันเป็นเท็จว่าถ้าส่งเงินครบแล้วจำเลยจะคืนเงินพร้อมทั้งผลประโยชน์ให้ จำเลยทั้งสองได้เก็บเงินจากผู้เสียหายไปจวนครบจำนวนแล้วก็ปฏิเสธไม่ยอมรับไม่ยอมคืนเงินโดยตามคำฟ้องมิกล่าวว่าความจริงเป็นอย่างไร เพื่อที่จะแสดงให้เข้าใจได้ว่าจำเลยทั้งสองหลอกลวงผู้เสียหายตรงไหน ฉะนั้น คำฟ้องในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องที่ระบุความพอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ดังนี้ ศาลก็ต้องยกฟ้อง
คำฟ้องของโจทก์บรรยายแต่เพียงว่า จำเลยทั้งสองหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า ให้ผู้เสียหายนำเงินมามอบให้กับจำเลยเพื่อเอาไปลงแชร์และให้คำรับรองอันเป็นเท็จว่าถ้าส่งเงินครบแล้วจำเลยจะคืนเงินพร้อมทั้งผลประโยชน์ให้ จำเลยทั้งสองได้เก็บเงินจากผู้เสียหายไปจวนครบจำนวนแล้วก็ปฏิเสธไม่ยอมรับไม่ยอมคืนเงินโดยตามคำฟ้องมิกล่าวว่าความจริงเป็นอย่างไร เพื่อที่จะแสดงให้เข้าใจได้ว่าจำเลยทั้งสองหลอกลวงผู้เสียหายตรงไหน ฉะนั้น คำฟ้องในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องที่ระบุความพอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ดังนี้ ศาลก็ต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การระบุวันเวลาส่งมอบเงินและวันที่รู้เรื่องยักยอกเพียงพอต่อการเข้าใจข้อหา
ฟ้องคดีอาญาหาว่าจำเลยยักยอกเงิน โจทก์ได้ระบุวันเวลาที่มอบเงินกับวันที่ตรวจสอบบัญชีพบรู้ว่าจำเลยยักยอก แม้จะไม่ได้ระบุวันเวลาที่จำเลยยักยอก ก็เป็นฟ้องที่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การระบุวันเวลามอบเงินและพบการยักยอกเพียงพอต่อการเข้าใจข้อหา
ฟ้องคดีอาญาว่าจำเลยยักยอกเงินโจทก์ได้ระบุวันเวลาที่มอบเงินกับวันที่ตรวจสอบบัญชีพบรู้ว่าจำเลยยักยอกแม้จะไม่ได้ระบุวันเวลาที่จำเลยยักยอก ก็เป็นฟ้องที่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดอาญาแผ่นดินไม่จำเป็นต้องมีการร้องทุกข์ และการฟ้องไม่เคลือบคลุมหากจำเลยเข้าใจข้อหาได้
ความผิดอาญาแผ่นดินซึ่งยินยอมความกันมิได้นั้น ผู้เสียหายไม่ต้องร้องทุกข์ พนักงานเจ้าหน้าที่ก็สอบสวนฟ้องร้องได้
ในกรณีที่ฟ้องว่าจำเลยขับรถประมาทไปชนรถที่ผู้ใดขับขี่มานั้น แม้โจทก์จะไม่กล่าวว่ารถนั้นเป็นของใครและเลขทะเบียนเท่าใด ก็หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
ในกรณีที่ฟ้องว่าจำเลยขับรถประมาทไปชนรถที่ผู้ใดขับขี่มานั้น แม้โจทก์จะไม่กล่าวว่ารถนั้นเป็นของใครและเลขทะเบียนเท่าใด ก็หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่