พบผลลัพธ์ทั้งหมด 60 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 604/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของทรัพย์สินของกลางในการคัดค้านการริบทรัพย์สิน ทั้งในระหว่างพิจารณาคดีและหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุด
ในคดีอาญาที่โจทก์มีคำขอให้ริบของกลางนั้น เจ้าของทรัพย์สินของกลางจะมีคำเสนอหรือคำร้องต่อศาลชั้นต้นในระหว่างพิจารณาคดีนั้นก็ได้ ซึ่งศาลชั้นต้นจำต้องรับคำเสนอหรือคำร้องนั้นไว้เพื่อพิจารณาและวินิจฉัยต่อไปตามมาตรา 33 วรรคท้าย หรือมาตรา 34
ในกรณีที่ศาลได้สั่งให้ริบทรัพย์สินตามมาตรา 33 หรือ 34 แล้วเจ้าของอันแท้จริงมีสิทธิที่จะทำคำเสนอต่อศาลตามมาตรา 36 ไม่ว่าคดีจะถึงที่สุดหรือไม่ก็ตาม และถ้าปรากฏตามคำเสนอดังกล่าวว่าเจ้าของอันแท้จริงมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้น ศาลก็ต้องสั่งให้คืนทรัพย์สินแก่เจ้าของอันแท้จริงถ้าทรัพย์นั้นยังคงมีอยู่แต่คำเสนอนี้จะต้องกระทำต่อศาลภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุดเท่านั้น
ในกรณีที่ศาลได้สั่งให้ริบทรัพย์สินตามมาตรา 33 หรือ 34 แล้วเจ้าของอันแท้จริงมีสิทธิที่จะทำคำเสนอต่อศาลตามมาตรา 36 ไม่ว่าคดีจะถึงที่สุดหรือไม่ก็ตาม และถ้าปรากฏตามคำเสนอดังกล่าวว่าเจ้าของอันแท้จริงมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้น ศาลก็ต้องสั่งให้คืนทรัพย์สินแก่เจ้าของอันแท้จริงถ้าทรัพย์นั้นยังคงมีอยู่แต่คำเสนอนี้จะต้องกระทำต่อศาลภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุดเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของทรัพย์สินด้วยพยานบุคคล แม้ไม่มีเอกสารสนับสนุน ย่อมทำได้หากเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทระหว่างโจทก์และจำเลย
การที่โจทก์นำสืบพยานบุคคลว่า ความจริงผู้ซื้อทรัพย์พิพาทคือจำเลยมิใช่ผู้ร้องซึ่งมีชื่อเป็นผู้ซื้อในสัญญาซื้อขายนั้นเป็นการสืบพยานในประเด็นข้อพิพาทระหว่างผู้ร้องกับโจทก์ว่าทรัพย์พิพาทเป็นของผู้ร้องหรือจำเลยที่ 1 ซึ่งไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงโจทก์จึงนำพยานบุคคลมาสืบถึงความเป็นมาอันแท้จริงเพื่อแสดงว่าทรัพย์พิพาทเป็นของจำเลยได้ กรณีไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของทรัพย์สินโดยพยานบุคคล ยึดทรัพย์ได้แม้ไม่มีเอกสาร
การที่โจทก์นำสืบพยานบุคคลว่า ความจริงผู้ซื้อทรัพย์พิพาทคือจำเลย. มิใช่ผู้ร้องซึ่งมีชื่อเป็นผู้ซื้อในสัญญาซื้อขายนั้น. เป็นการสืบพยานในประเด็นข้อพิพาทระหว่างผู้ร้องกับโจทก์ว่าทรัพย์พิพาทเป็นของผู้ร้องหรือจำเลยที่ 1. ซึ่งไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง.โจทก์จึงนำพยานบุคคลมาสืบถึงความเป็นมาอันแท้จริงเพื่อแสดงว่าทรัพย์พิพาทเป็นของจำเลยได้. กรณีไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 811/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิคัดค้านการขายทอดตลาด: ผู้มีส่วนได้เสียต้องพิสูจน์ความเป็นเจ้าของทรัพย์สิน
แม้ผู้ร้องจะได้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยนาที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดมาก็ตาม คำร้องดังกล่าวก็ถูกศาลฎีกาพิพากษาให้ยกเสียในชั้นที่สุด โดยวินิจฉัยไม่เชื่อว่าทรัพย์สินที่ถูกยึดเป็นของผู้ร้อง ดังนี้ จึงถือไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีการบังคับคดีอันเกี่ยวด้วยทรัพย์สินที่ถูกยึด ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์สินรายนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่ฐานผิดสัญญาเช่า ไม่จำกัดว่าผู้ให้เช่าต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สิน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยจำเลยให้การว่าได้ทำสัญญาเช่ากับโจทก์แต่ได้เลิกเช่ากันแล้ว ภายหลังวันชี้สองสถานและได้สืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้วจำเลยได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ และจำเลยเพิ่งทราบเมื่อสืบพยานโจทก์จึงขอตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ทั้งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยจึงยื่นภายหลังวันชี้สองสถานได้นั้นศาลฎีกาเห็นว่าตามคำฟ้องและคำให้การแสดงว่าจำเลยเป็นคู่สัญญาเช่ากับโจทก์โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยฐานผิดสัญญาได้ แม้จะฟังได้อย่างคำร้องขอเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยก็ไม่ได้ทำให้อำนาจฟ้องที่โจทก์มีอยู่เสียไปเพราะผู้ให้เช่าไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ให้เช่า
แม้จำเลยจะอ้างว่าข้อตัดฟ้องนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ตาม แต่ก็ไม่ทำให้อำนาจฟ้องของโจทก์ที่มีอยู่แล้วเสียไป และทั้งไม่ทำให้รูปคดีของจำเลยดีขึ้นแต่อย่างใดจึงไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมคำให้การ
แม้จำเลยจะอ้างว่าข้อตัดฟ้องนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ตาม แต่ก็ไม่ทำให้อำนาจฟ้องของโจทก์ที่มีอยู่แล้วเสียไป และทั้งไม่ทำให้รูปคดีของจำเลยดีขึ้นแต่อย่างใดจึงไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมคำให้การ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 53/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าทรัพย์สิน: สิทธิของเจ้าของทรัพย์สินในการให้เช่า และอายุความค่าเช่า
จำเลยขอเช่ารถเกรดเดอร์ของโจทก์เพื่อเกลี่ยดินทำถนนโจทก์ตกลงให้จำเลยได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินของโจทก์ และจำเลยตกลงจะให้ค่าเช่าโจทก์เพื่อการนั้นรูปคดีเป็นการเช่าทรัพย์สินจำเลยไม่มีสิทธิคัดค้านในภายหลังว่า โจทก์ไม่มีอำนาจให้จำเลยเช่าและกรณีนี้ไม่อยู่นอกวัตถุประสงค์ของกรมทางหลวงแผ่นดินผู้เป็นโจทก์แต่อย่างใด
อายุความเรียกค่าเช่าทรัพย์สินที่ค้างส่งมีกำหนด 5 ปีมิใช่ 6 เดือน
อายุความเรียกค่าเช่าทรัพย์สินที่ค้างส่งมีกำหนด 5 ปีมิใช่ 6 เดือน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 676-689/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการฟ้องขับไล่ของผู้เช่าและการเข้าร่วมเป็นโจทก์ของเจ้าของทรัพย์สิน
โจทก์เช่าตึกจากสำนักงานทรัพย์สิน ฯ แล้วเข้าครอบครองทรัพย์ที่เช่าไม่ได้ โดยมีผู้รบกวนขัดสิทธิ์ โจทก์ชอบที่จะขอให้ศาลเรียกผู้ให้เช่าเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมด้วยได้ตาม ป.พ.พ.ม. 477 และ 549 แต่หามีสิทธิที่จะฟ้องขับไล่โดยลำพังไม่
ค่าธรรมเนียมที่ศาลชั้นต้นเรียกแล้ว ถ้ามิได้ได้แย้งไว้แต่แรก จะมาคัดค้านในชั้นศาลฎีกา ๆ ย่อมไม่รับวินิจฉัยให้
เมื่อสำนักงานทรัพย์สิน ฯ ผู้ให้เช่าถูกหมายเรียกเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม ย่อมมีสิทธิดำเนินคดีในฐานะเป็นโจทก์เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนแล้วก็ไม่จำเป็นยื่นฟ้องใหม่
ค่าธรรมเนียมที่ศาลชั้นต้นเรียกแล้ว ถ้ามิได้ได้แย้งไว้แต่แรก จะมาคัดค้านในชั้นศาลฎีกา ๆ ย่อมไม่รับวินิจฉัยให้
เมื่อสำนักงานทรัพย์สิน ฯ ผู้ให้เช่าถูกหมายเรียกเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม ย่อมมีสิทธิดำเนินคดีในฐานะเป็นโจทก์เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนแล้วก็ไม่จำเป็นยื่นฟ้องใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของทรัพย์สินมีสิทธิขอคืนของกลาง หากไม่รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด
ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยและให้ริบของกลางตาม พ.ร.บ.การพนัน เมื่อปรากฏว่าผู้อื่นเป็นเจ้าของของกลางและมิได้รู้เห็นยินยอมในการกระทำผิด-ด้วยแล้ว เจ้าของชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาล ขอให้ศาลสั่งคืนของกลางนั้นแก่ตนและศาลก็ย่อมสั่งให้คืนของกลางแก่เจ้าของได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 293-294/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทรัพย์สินจากการอยู่กินฉันสามีภริยา และการเป็นเจ้าของทรัพย์สินโดยชอบธรรม
ชายหญิงอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา แต่มิได้จดทะเบียนสมรสจึงนับว่าเป็นผัวเมียกันไม่ได้ ฉะนั้นเมื่อมารดาของหญิงได้ออกเงินจำนวนหนึ่งให้หญิงไปซื้อนาไว้แปลงหนึ่งใส่ชื่อหญิงนั้นในโฉนดแต่ผู้เดียวส่วนชายมิได้ออกเงินทองลงทุนเข้าหุ้นด้วยดังนี้ ต้องถือว่าที่นานั้นเป็นทรัพย์ส่วนตัวของหญิง เมื่อหญิงตายลง จึงตกเป็นมรดกตกทอดไปยังทายาทของหญิงนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1784/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการครอบครองสิ้นสุดเมื่อผู้เช่าสละการครอบครอง แม้เจ้าของสัญญาว่าจะให้กลับเข้าอยู่ใหม่ สิทธิเรียกร้องมีต่อเจ้าของทรัพย์สิน
ผู้เช่าตกลงยินยอมออกจากห้องเช่าโดยเจ้าของห้องจะซ่อมแซมห้องเช่า เมื่อซ่อมเสร็จแล้วจะให้ผู้เช่าเข้าอยู่ใหม่ แต่ครั้นซ่อมเสร็จแล้ว เจ้าของห้องกลับให้ผู้อื่นเช่าห้องนั้นอยู่ ดังนี้ ผู้เช่าคนเดิมไม่มีสิทธิฟ้องขอให้ขับไล่ผู้เช่าคนใหม่ให้ออกจากห้องเช่านั้น แต่ชอบที่จะไปว่ากล่าวเอาความกับเจ้าของห้องที่กระทำผิดข้อตกลง