คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เบิกจ่ายเงิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 41 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 412/2475

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้แรงงานของเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว และการเบิกจ่ายเงินที่ไม่ถูกต้อง
นายตรวจทางรถไฟเอาคนงานที่ทำงานรัฐบาลไปทำงานส่วนตัวแล้วจดเบิกเงินรัฐบาลไม่มีผิดตามมาตราข้างบน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 400/2475

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกแรงงาน - การเบิกจ่ายเงินเดือนรัฐบาลโดยมิชอบ
ถือเกณฑ์โทษอย่างสูงนับอายุความ
วิธีพิจารณาอาชญา
จำเลยไม่ยกอายุความต่อสู้ศาลอาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2473

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตในการเบิกจ่ายเงินหลวง แม้ไม่มีประวัติอาญา ศาลยังคงลงโทษแต่รอการลงโทษ
กรรมเปนเครื่องชี้เจตนา จำเลยเปนข้าราชการยังไม่เคยรับอาญามาแต่ก่อน เมื่อทำผิดศาลยกเปนเหตุรอการลงอาญาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 939/2473

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำเอกสารเท็จเพื่อเบิกจ่ายเงิน แต่มีเจตนาอื่นที่ไม่ใช่การหลอกลวงเจ้าหน้าที่
อย่างไรเรียกว่าปลอมหนังสือ เทียบฎีกาที่770/72 ทำใบสำคัญว่าจ้างคนหาบหาม แต่ความจริงเอาไปให้ค่าจ้างคนสืบสวนสุราเถื่อน และลงชื่อเอาเองโดยเขาอนุญาต ไม่ผิดฐานปลอมหนังสือ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 770/2472

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกจ่ายเงินเกินจริงจากคลังโดยใช้ใบสำคัญลายมือ ปฏิบัติมิชอบเข้าข่ายฉ้อโกง ไม่เข้าข่ายปลอมแปลงเอกสาร
เจ้าพนักงานทำใบสำคัญแลให้ผู้รับจ้างลงพิมพ์ลายมือแล้วนำไปเบิกจากคลังเกินกว่าค่าจ้างที่ได้จ่ายไปจริง ยังไม่มีผิดฐานปลอมหนังสือ แต่มีผิดฐานฉ้อโกง เทียบฎีกาที่ 275/61 ปัญหากฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8716/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยไม่มีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับการเบิกจ่ายเงินจ้างงานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้ลงลายมือชื่อในเอกสาร
วันที่ 19 สิงหาคม 2552 องค์การบริหารส่วนตำบลหนองบัวบานเพิ่งมีคำสั่งให้จำเลยที่ 5 ไปช่วยราชการที่องค์การบริหารส่วนตำบลหมากหญ้า ในการนี้วันที่ 21 สิงหาคม 2552 องค์การบริหารส่วนตำบลหมากหญ้ามีคำสั่งแต่งตั้งให้จำเลยที่ 5 ปฏิบัติหน้าที่จัดทำร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2553 โดยนัยของคำสั่งดังกล่าว จำเลยที่ 5 มีหน้าที่ปฏิบัติเฉพาะงานตามที่ระบุไว้ในคำสั่งเท่านั้น จำเลยที่ 5 จึงไม่มีหน้าที่ในการควบคุมโครงการจ้างแรงงานเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านอาชีพแก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติ จังหวัดอุดรธานี ปีงบประมาณ 2552 แต่อย่างใด หากนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหมากหญ้าต้องการแต่งตั้งจำเลยที่ 5 ให้เป็นผู้ควบคุมโครงการดังกล่าว จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลหมากหญ้าต้องขอความเห็นชอบจากผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 5 ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2548 ข้อ 32 วรรคหนึ่ง เสียก่อน แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้ขอความเห็นชอบจากนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองบัวบานซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 5 ดังนั้นคำสั่งขององค์การบริหารส่วนตำบลหมากหญ้าในส่วนแต่งตั้งจำเลยที่ 5 เป็นกรรมการผู้ควบคุมงานจึงเป็นคำสั่งที่ออกโดยไม่ชอบด้วยระเบียบกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว ถือว่าจำเลยที่ 5 ไม่มีหน้าที่เป็นกรรมการผู้ควบคุมงานโครงการตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9898-9899/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางสัญญาซื้อขายและการเบิกจ่ายเงินของหน่วยงานราชการ การพิสูจน์ความเสียหายและจำนวนค่าปรับ
จำเลยที่ 7 ออกหนังสือถึง ส.ป.จ. ต่าง ๆ ตามเอกสารหมาย จ.6 ว่าจำเลยที่ 1 ผู้ขายจะนำโต๊ะเก้าอี้นักเรียนไปส่งให้โรงเรียนเอง ก็หาใช่เป็นการสั่งให้เปลี่ยนแปลงสถานที่ส่งมอบโต๊ะเก้าอี้นักเรียนขัดต่อข้อตกลงในสัญญาซื้อขายตามที่โจทก์กล่าวอ้างไม่ เพราะในหนังสือดังกล่าวจำเลยที่ 1 แจ้งด้วยว่า ขอให้ ส.ป.จ. เหล่านั้นติดตามดูแลให้ผู้ขายนำโต๊ะเก้าอี้นักเรียนส่งโรงเรียนตามบัญชีจัดสรรของ ส.ป.จ. นั้น ๆ ด้วย ซึ่งจำเลยที่ 1 ก็ยังคงต้องนำโต๊ะเก้าอี้นักเรียนไปส่งมอบ ณ ส.ป.จ. ต่าง ๆ ตามสัญญา แล้ว ส.ป.จ. ต่าง ๆ จะเป็นผู้ติดตามดูแลให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้นำโต๊ะเก้าอี้นักเรียนไปส่งยังโรงเรียนในสังกัด ส.ป.จ. นั้นแทน อันเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2539/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารสิทธิปลอมเบิกจ่ายเงินงบประมาณ แม้ข้อเท็จจริงต่างจากฟ้อง ก็ลงโทษตามพยานหลักฐานได้
จำเลยเป็นลูกจ้างประจำตำแหน่งคนงาน ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่จัดทำใบสำคัญคุมใบยืม คุมเบิกจ่ายวัสดุสำนักงาน โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยนำใบเสร็จรับเงิน (บิลเงินสด) ปลอมไปใช้อ้างแสดงต่อเจ้าพนักงานของผู้เสียหายจนหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง และตั้งฎีกาเบิกเงินจากเงินงบประมาณของผู้เสียหายให้แก่จำเลยและจำเลยรับเงินจำนวนดังกล่าวไปเป็นของตนโดยทุจริต ซึ่งแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาว่า จำเลยนำใบเสร็จรับเงิน (บิลเงินสด) ปลอม ไปใช้ประกอบการจัดทำงบเดือนสำหรับการตรวจสอบของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ข้อแตกต่างนี้มิใช่ข้อสาระสำคัญและจำเลยไม่ได้หลงต่อสู้ ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 394/2553 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานฉ้อโกงจากพฤติกรรมเบิกจ่ายเงินเท็จของพนักงาน แม้ฟ้องฐานลักทรัพย์ ศาลลงโทษฐานฉ้อโกงได้
การกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ จะต้องเป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยพลการโดยทุจริต มิใช่ได้ทรัพย์ไปเพราะผู้อื่นยินยอมมอบให้เนื่องจากถูกหลอกลวง การที่จำเลยจัดทำใบเบิกเงินทดรองจ่ายไม่ตรงตามความเป็นจริงเบิกเงินไปจากโจทก์ร่วมมิใช่เอาเงินของโจทก์ร่วมไปโดยพลการโดยทุจริตอันจะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์หากแต่เป็นการหลอกลวงพนักงานและกรรมการของโจทก์ร่วมด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จในใบเบิกเงินทดรองจ่ายว่าต้องนำเงินไปชำระค่าใช้จ่าย การอนุมัติให้จำเลยเบิกเงินไปเกิดจากการที่พนักงานและกรรมการของโจทก์ร่วมหลงเชื่อข้อความในเอกสารจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง
คำขอบังคับในคดีนี้กับคดีของศาลแรงงานกลางมีลักษณะเป็นอย่างเดียวกัน คือขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย แต่ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในคดีนี้ที่พนักงานอัยการฟ้องและขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายเนื่องมาจากการกระทำผิดอาญา ส่วนคดีของศาลแรงงานกลางมีที่มาจากมูลกรณีของการผิดสัญญาจ้างแรงงานพนักงานอัยการไม่อาจจะอาศัยสิทธิในเรื่องของสัญญาจ้างแรงงานมาเป็นข้ออ้างในคำขอส่วนแพ่งได้ จึงมิใช่กรณีที่เป็นการฟ้องคดีในเรื่องเดียวกันอันจะเป็นฟ้องซ้อนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง (1) ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15
จำเลยเป็นพนักงานของโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้เสียหาย จำเลยถือโอกาสที่เป็นพนักงานกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพย์โดยมีเจตนาฉ้อโกงเงินของโจทก์ร่วมไปคดีนี้และคดีอื่นจึงมีความเกี่ยวพันกันจนอาจฟ้องเป็นคดีเดียวกันได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 160 วรรคหนึ่ง การนับโทษต่อจึงต้องอยู่ในบังคับตาม ป.อ. มาตรา 91 (1) กล่าวคือ เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงทุกคดีแล้วจะเกิน 10 ปี ไม่ได้ คดีนี้จำเลยถูกลงโทษเต็มตามกำหนดโทษดังกล่าวแล้วจึงไม่อาจนำโทษคดีนี้ไปนับต่อจากโทษคดีอื่นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8793/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐหลายคน กรณีทุจริตเบิกจ่ายเงิน ความรับผิดจำกัดเฉพาะส่วน
จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ในฐานะผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 มีหน้าที่พิจารณาและตรวจสอบเอกสารประกอบฎีกาการอนุมัติเบิกจ่ายเงินและในชั้นตรวจจ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้ของโจทก์ก่อนที่จะเก็บฎีกาไว้เป็นหลักฐานเพื่อการตรวจสอบ ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงินและการตรวจเงินสุขาภิบาล พ.ศ.2531 เมื่อจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ลงนามโดยมิได้มีการตรวจสอบตามระเบียบดังกล่าว อันทำให้จำเลยที่ 1 ยักยอกเงินไปใช้ส่วนตัวโดยทุจริต จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 1 ทำละเมิดต่อโจทก์คาบเกี่ยวก่อนและหลังวันที่ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 มีผลใช้บังคับ คือวันที่ 15 พฤศจิกายน 2539 ดังนั้น จึงต้องนำมาตรา 8 วรรคสี่ ที่บัญญัติเป็นคุณแก่เจ้าหน้าที่มาใช้บังคับต่อการทำละเมิดหลังวันที่ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่มีผลใช้บังคับ ส่วนการทำละเมิดก่อนวันที่ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ฯ มีผลใช้บังคับ จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 อย่างลูกหนี้ร่วม ตาม ป.พ.พ. มาตรา 432
of 5