พบผลลัพธ์ทั้งหมด 61 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 30/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับเด็กเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย: พฤติการณ์ต้องเปิดเผยและต่อเนื่อง
โจทก์ได้เสียกับจำเลยครั้งแรกเมื่อจำเลยรับโจทก์ไปทำปลาที่บ้านจำเลยต่อมาก็ได้เสียกันในทุ่งนาประมาณ 10 กว่าครั้ง และไม่เคยอยู่ร่วมเรือนเดียวกันฉันสามีภริยาเลย นอกจากจำเลยเขียนจดหมายรัก ส่งรูปถ่ายของจำเลย และบัตรส่งความสุขให้โจทก์บ้างเท่านั้น เมื่อโจทก์ตั้งครรภ์จำเลยเพียงแต่ส่งเสียเงินทองให้และรับว่าจะไปจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร แต่พอโจทก์คลอดบุตรจำเลยกลับไม่รับว่าเป็นบุตรของจำเลย กรณีเช่นนี้ถือไม่ได้ว่าโจทก์และจำเลยได้อยู่กินด้วยกันอย่างเปิดเผยในระยะเวลาซึ่งโจทก์อาจตั้งครรภ์ได้ และถือไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์ที่รู้กันอยู่ทั่วไปตลอดมาว่าเด็กหญิงเน้ยเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของจำเลย จึงไม่เข้าเกณฑ์ที่จะขอให้รับเด็กเป็นบุตรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1529 อันเป็นบทบัญญัติซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะฟ้องคดี
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2520
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2520
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2162/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดทรัพย์สิน: แม้มีผู้สู้ราคาคนเดียวก็ชอบด้วยกฎหมาย หากเป็นการเปิดเผยและราคาสมควร
ในการขายทอดตลาดทรัพย์เพื่อเอาเงินชำระค่าปรับฐานผิดสัญญาประกันมีทรัพย์ 3 รายการ รวมทั้งทรัพย์รายพิพาทด้วย เจ้าพนักงานบังคับคดีได้โฆษณาบอกขายเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปเข้าสู้ราคาได้โดยเปิดเผยแล้ว เวลาขายทรัพย์อีก 2 รายการนั้น มีผู้เข้าสู้ราคา 2-3 คน แต่เมื่อขายทรัพย์รายพิพาทมีผู้สู้ราคาเพียงคนเดียว เมื่อไม่มีผู้อื่นสู้ราคาสูงขึ้นไปอีกแล้ว ผู้สู้ราคาคนเดียวนี้ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้สู้ราคาสูงสุด ศาลย่อมอนุญาตให้ขายให้แก่ผู้สู้ราคานี้ได้เมื่อเห็นว่าเป็นราคาสมควรแล้ว แม้จะมีผู้สู้ราคาเพียงคนเดียวก็จะถือว่าการขายทอดตลาดทรัพย์รายพิพาทนี้ ไม่เป็นไปตามวิธีการขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 513, 514 หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองบุตรโดยไม่จดทะเบียนสมรส: พฤติการณ์เปิดเผยความสัมพันธ์ฉันชู้สาวเพียงพอตามกฎหมาย
พยานโจทก์เบิกความถึงพฤติการณ์ต่างๆ ของโจทก์จำเลยตามที่ตนเห็นย่อมเป็นประจักษ์พยาน มิใช่พยานบอกเล่า
จำเลยมิได้ยกเป็นประเด็นต่อสู้ไว้ในคำให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและไม่เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์จำเลยได้แสดงโดยเปิดเผยต่อลูกจ้างเพื่อนและลูกจ้างของโจทก์ให้เห็นความสัมพันธ์ที่โจทก์จำเลยมีต่อกันฉันชู้สาว โจทก์ได้เล่าให้มารดาและเพื่อนๆ ฟังถึงการได้เสียและความสัมพันธ์กับจำเลยทั้งก่อนและหลังตั้งครรภ์และคลอดบุตรอันแสดงว่าไม่ใช่เป็นการอยู่ด้วยกันอย่างลักลอบปกปิด กรณีต้องด้วยมาตรา 1529(4) ที่โจทก์จะฟ้องขอให้รับรองบุตรได้ไม่จำเป็นต้องมีพฤติการณ์ถึงขนาดอยู่กินร่วมกันฉันสามีภริยาจริงๆ แต่มิได้จดทะเบียนเท่านั้น
จำเลยมิได้ยกเป็นประเด็นต่อสู้ไว้ในคำให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและไม่เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์จำเลยได้แสดงโดยเปิดเผยต่อลูกจ้างเพื่อนและลูกจ้างของโจทก์ให้เห็นความสัมพันธ์ที่โจทก์จำเลยมีต่อกันฉันชู้สาว โจทก์ได้เล่าให้มารดาและเพื่อนๆ ฟังถึงการได้เสียและความสัมพันธ์กับจำเลยทั้งก่อนและหลังตั้งครรภ์และคลอดบุตรอันแสดงว่าไม่ใช่เป็นการอยู่ด้วยกันอย่างลักลอบปกปิด กรณีต้องด้วยมาตรา 1529(4) ที่โจทก์จะฟ้องขอให้รับรองบุตรได้ไม่จำเป็นต้องมีพฤติการณ์ถึงขนาดอยู่กินร่วมกันฉันสามีภริยาจริงๆ แต่มิได้จดทะเบียนเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1173/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดต่อหน้าธารกำนัลต้องปรากฏว่ามีการเปิดเผยให้ผู้อื่นเห็นการกระทำ
จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายต่อหน้าเด็กหญิงคนหนึ่งในห้องนอนมืดเพียงแต่เหตุเกิดต่อหน้าเด็กหญิงเท่านั้น และโจทก์มิได้ยืนยันโต้แย้งว่าจำเลยได้กระทำโดยประการที่ให้เด็กหญิงได้เห็นการกระทำของจำเลย หรือว่าจำเลยได้กระทำในลักษณะที่เปิดเผยให้บุคคลอื่นสามารถเห็นการกระทำของจำเลยได้ ดังนี้ พฤติการณ์แห่งคดีจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดต่อหน้าธารกำนัล หากผู้เสียหายได้แถลงต่อศาลไม่ติดใจเอาความจากจำเลย ขอถอนคำร้องทุกข์ ศาลก็ต้องสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2508)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1038/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่การนำสืบตามกฎหมายศุลกากร: ผู้ซื้อสินค้าเปิดเผยไม่ต้องรับผิดชอบการลักลอบหนีภาษี
หน้าที่ของจำเลยที่จะนำสืบตามมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 ต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ลอบลักหนีอากรขาเข้าขาออกหรือเป็นผู้สมรู้ ในการนั้นหรือหลีกเลี่ยงโดยเจตนาฉ้อด่านภาษี ถ้าหากว่าจำเลยซื้อของไว้จากพ่อค้าในตลาดโดยเปิดเผย แม้ของนั้นจะยังมิได้เสียภาษี จำเลยหาตกอยู่ในบังคับแห่งมาตรา 100 ไม่ จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องสืบให้สมฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 693/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่เปิดเผยสัญญาหลังสืบพยานทำให้เสียเปรียบ และสถานะบริวารทำให้ไม่คุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
การที่จำเลยเพิ่งส่งสำเนาเอกสารสัญญาหลังจากโจทก์สืบพยานเสร็จแล้ว ย่อมทำให้โจทก์เสียเปรียบในทางคดี เพราะอย่างน้อยก็ทำให้หมดโอกาสที่จะซํกถามพยานโจทก์หรือนำสืบหักล้างได้ ศาลย่อมไม่รับฟังเอกสารสัญญานั้นเป็นพยานหลักฐาน
จำเลยร่วมซึ่งเช่าห้องแถวจากจำเลยแม้จะเช่าเพื่ออยู่อาศัยก็ตาม เมื่ออยู่ในฐานะเป็นบริวารของจำเลยแล้ว ก็ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครอบตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ
จำเลยร่วมซึ่งเช่าห้องแถวจากจำเลยแม้จะเช่าเพื่ออยู่อาศัยก็ตาม เมื่ออยู่ในฐานะเป็นบริวารของจำเลยแล้ว ก็ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครอบตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1070/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกเคหสถาน: เจตนาสำคัญ การเข้าไปโดยเปิดเผยและเชื่อว่ามีสิทธิ ย่อมไม่ถือว่ามีความผิดฐานบุกรุก
จำเลยคนหนึ่งใช้จำเลยร่วมเข้าไปขนของในเคหสถานที่อยู่อาศัยของผู้เสียหาย โดยจำเลยที่เข้าไปเชื่อว่าทรัพย์เป็นของผู้ใช้ ๆ มีสิทธิจะให้เข้าไปเอามาได้ และได้เข้าไปอยางเปิดเผย เมื่อถูกห้ามก็มิได้ขัดขืน เช่นนี้ อมไม่มีความผิดฐานบุกรุกทางอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1070/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกเคหสถาน: เจตนาสำคัญ การเข้าไปโดยเปิดเผยและเชื่อว่ามีสิทธิย่อมไม่ถือว่าผิด
จำเลยคนหนึ่งใช้จำเลยร่วมเข้าไปขนของในเคหสถานที่อยู่อาศัยของผู้เสียหายโดยจำเลยที่เข้าไปเชื่อว่าทรัพย์เป็นของผู้ใช้ๆ มีสิทธิจะให้เข้าไปเอามาได้ และได้เข้าไปอย่างเปิดเผยเมื่อถูกห้ามก็มิได้ขัดขืน เช่นนี้ ย่อมไม่มีความผิดฐานบุกรุกทางอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370-1371/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมเปิดเผยทำตามแบบธรรมดา ไม่เป็นพินัยกรรมลับ แม้ฝากอำเภอเก็บรักษา
พินัยกรรมนั้นจะทำได้ก็แต่ตามแบบใดแบบหนึ่ง (มาตรา1655)โดยลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานอย่างน้อย 2 คนพร้อมกัน(มาตรา 1656)โดยทำเป็นเอกสารเขียนเองทั้งฉบับก็ได้(มาตรา 1657) ฯลฯ
เมื่อปรากฏว่าพินัยกรรมนั้นทำขึ้นโดยเปิดเผยเป็นสามฉบับข้อความตรงกัน มอบให้ผู้รับพินัยกรรมไว้ 1 ฉบับ ผู้ทำเก็บไว้ 1 ฉบับ การทำมิได้มีการปิดบังอย่างใดเช่นนี้มิใช่เป็นพินัยกรรมทำตามแบบเอกสารลับแม้จะระบุไว้ว่าฉบับหนึ่งให้ฝากอำเภอเก็บเป็นเอกสารลับนั้น ก็เป็นการเข้าใจของผู้ทำว่าเอกสารที่ฝากอำเภอนั้น อำเภอย่อมเก็บลับเท่านั้นเอง ผู้ทำมิได้เจตนาทำเป็นแบบเอกสารลับและเพียงเท่านี้ยังมิทำให้พินัยกรรมนั้นกลายเป็นพินัยกรรมทำตามแบบเอกสารลับไปไม่
เมื่อปรากฏว่าพินัยกรรมนั้นทำขึ้นโดยเปิดเผยเป็นสามฉบับข้อความตรงกัน มอบให้ผู้รับพินัยกรรมไว้ 1 ฉบับ ผู้ทำเก็บไว้ 1 ฉบับ การทำมิได้มีการปิดบังอย่างใดเช่นนี้มิใช่เป็นพินัยกรรมทำตามแบบเอกสารลับแม้จะระบุไว้ว่าฉบับหนึ่งให้ฝากอำเภอเก็บเป็นเอกสารลับนั้น ก็เป็นการเข้าใจของผู้ทำว่าเอกสารที่ฝากอำเภอนั้น อำเภอย่อมเก็บลับเท่านั้นเอง ผู้ทำมิได้เจตนาทำเป็นแบบเอกสารลับและเพียงเท่านี้ยังมิทำให้พินัยกรรมนั้นกลายเป็นพินัยกรรมทำตามแบบเอกสารลับไปไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370-1371/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมเปิดเผยทำตามแบบธรรมดา มิใช่พินัยกรรมลับ แม้ฝากอำเภอเก็บรักษา
พินัยกรรมนั้นจะทำได้ก็แต่ตามแบบใดแบบหนึ่ง (มาตรา1655)โดยลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานอย่างน้อย 2 คนพร้อมกัน(มาตรา 1656)โดยทำเป็นเอกสารเขียนเองทั้งฉบับก็ได้(มาตรา 1657) ฯลฯ
เมื่อปรากฏว่าพินัยกรรมนั้นทำขึ้นโดยเปิดเผยเป็นสามฉบับข้อความตรงกัน มอบให้ผู้รับพินัยกรรมไว้ 1 ฉบับ ผู้ทำเก็บไว้ 1 ฉบับ การทำมิได้มีการปิดบังอย่างใดเช่นนี้มิใช่เป็นพินัยกรรมทำตามแบบเอกสารลับแม้จะระบุไว้ว่าฉบับหนึ่งให้ฝากอำเภอเก็บเป็นเอกสารลับนั้น ก็เป็นการเข้าใจของผู้ทำว่าเอกสารที่ฝากอำเภอนั้น อำเภอย่อมเก็บลับเท่านั้นเอง ผู้ทำมิได้เจตนาทำเป็นแบบเอกสารลับและเพียงเท่านี้ยังมิทำให้พินัยกรรมนั้นกลายเป็นพินัยกรรมทำตามแบบเอกสารลับไปไม่
เมื่อปรากฏว่าพินัยกรรมนั้นทำขึ้นโดยเปิดเผยเป็นสามฉบับข้อความตรงกัน มอบให้ผู้รับพินัยกรรมไว้ 1 ฉบับ ผู้ทำเก็บไว้ 1 ฉบับ การทำมิได้มีการปิดบังอย่างใดเช่นนี้มิใช่เป็นพินัยกรรมทำตามแบบเอกสารลับแม้จะระบุไว้ว่าฉบับหนึ่งให้ฝากอำเภอเก็บเป็นเอกสารลับนั้น ก็เป็นการเข้าใจของผู้ทำว่าเอกสารที่ฝากอำเภอนั้น อำเภอย่อมเก็บลับเท่านั้นเอง ผู้ทำมิได้เจตนาทำเป็นแบบเอกสารลับและเพียงเท่านี้ยังมิทำให้พินัยกรรมนั้นกลายเป็นพินัยกรรมทำตามแบบเอกสารลับไปไม่