คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เพลิงไหม้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 63 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1637/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากเหตุเพลิงไหม้: ไม่มีประมาทเลินเล่อและมิได้อ้างความรับผิดตามมาตรา 437
ในคดีละเมิดเนื่องจากเหตุเกิดเพลิงไหม้ด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเล่อของจำเลยหรือลูกจ้าง เมื่อโจทก์มิได้กล่าวอ้างหรือตั้งประเด็นเกี่ยวกับความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 วรรคสอง ทั้งข้อเท็จจริงในทางพิจารณาก็ไม่ได้ความว่าเครื่องอบกระป๋องในโรงงานของจำเลยเป็นทรัพย์ที่อาจจะเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือโดยความมุ่งหมายที่จะใช้หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์สิน คดีจึงไม่มีประเด็นที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองเครื่องอบและน้ำยาฆ่าแมลงที่บรรจุอยู่ในกระป๋องที่ต้องอบในเครื่องอบนั้นเป็นทรัพย์ที่มีอันตรายโดยสภาพหรือโดยการใช้ตามมาตรา 437 วรรคสองและเหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่เหตุสุดวิสัยซึ่งจำเลยต้องรับผิดหรือไม่
เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ทำให้ทรัพย์สินที่เอาประกันภัยไว้กับโจทก์เสียหาย แม้โจทก์จะได้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยตามสัญญาประกันภัยแล้ว แต่เมื่อเหตุที่เพลิงไหม้มิได้เกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยหรือลูกจ้างของจำเลย โจทก์จึงไม่อาจรับช่วงสิทธิผู้เอาประกันภัยเรียกร้องให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์โดยอ้างมูลละเมิดได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1637/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากเพลิงไหม้โรงงาน: การพิสูจน์ความประมาทเลินเละและทรัพย์อันตราย
ประเด็นว่า เตา อบ และน้ำยาฆ่าแมลงที่จำเลยครอบครองเป็นทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพหรือโดยความมุ่งหมายที่จะใช้ตามป.พ.พ. มาตรา 437 วรรคสอง หรือไม่นั้น เมื่อโจทก์มิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างหรือตั้งประเด็นเกี่ยวกับความรับผิดตามมาตราดังกล่าวไว้จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาจากการลักทรัพย์โดยประมาท และการกระทำที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้
ในการลักทรัพย์เอาน้ำมันเบนซิน จำเลยที่ 2 และที่ 3 เตรียมถังใส่น้ำมันมาหลายใบ เมื่อดูด น้ำมันเต็ม ถังหนึ่งแล้วจะต้องเปลี่ยนสายยางไปใส่ถังใหม่ ในการเปลี่ยนสายยางต้องถอด สายไฟออกจากขั้วแบตเตอรี่ ที่ต่อระหว่างปั้ม น้ำมันกับแบตเตอรี่ ขณะเกิดเหตุดูด น้ำมันได้ 4 ถังแล้ว จำเลยที่ 2 เป็นผู้ดึง สายไฟออกจากขั้วแบตเตอรี่ เพื่อจะเปลี่ยนยางไปใส่ถังที่ 5 ก็เกิดประกายไฟขึ้นเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ ขณะนั้นจำเลยที่ 3 กำลังชะโงกหน้าเข้าไปดู น้ำมันในถังที่อยู่ในรถว่าเต็ม ถังหรือยังเช่นนี้แม้จำเลยที่ 3จะมิได้เป็นคนถอด สายไฟ แต่พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 3 กับจำเลยที่ 2ร่วมกันลักทรัพย์ด้วยวิธีดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยประมาทที่จำเลยที่ 3 ได้ร่วมกระทำด้วย เพราะแบตเตอรี่ เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและน้ำมันเป็นวัตถุที่ติดไฟได้ง่าย ทั้งวิธีการลักน้ำมันของจำเลยทั้งสองทำให้เกิดไอระเหย ของน้ำมันกระจายอยู่ทั่วไปเป็นการง่ายต่อการเกิดเพลิงไหม้ การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงเป็นความผิดฐานกระทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาของผู้ร่วมกระทำผิดฐานลักทรัพย์และทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันลักน้ำมันที่ปั๊มผู้เสียหายโดยใช้สายไฟต่อขั้วแบตเตอรี่กับเครื่องปั๊มดูดน้ำมันจากถังใต้ดินมาใส่ถังในรถยนต์ เมื่อดูดน้ำมันได้ 4 ถังแล้วจำเลยที่ 2 ดึงสายไฟจากขั้วแบตเตอรี่ให้ปั๊มติ๊กหยุดทำงานเพื่อจะเปลี่ยนสายยางไปใส่ถังที่ 5 ทำให้เกิดประกายไฟเป็นเหตุให้เพลิงไหม้ดังนี้พฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสองร่วมกันมาลักทรัพย์โดยวิธีการเช่นนี้ทำให้เกิดไอระเหยของน้ำมันกระจายอยู่ในบริเวณนั้นง่ายต่อการเกิดเพลิงไหม้ ถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยประมาท เพราะแบตเตอรี่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและน้ำมันเป็นวัตถุที่ติดไฟได้ง่าย เมื่อเกิดเพลิงไหม้ขึ้นเนื่องจากวิธีการในการลักทรัพย์ของจำเลยทั้งสองซึ่งกระทำด้วยความประมาท ต้องถือว่าเป็นผลอันเกิดจากการกระทำของจำเลยทุกคนที่ร่วมกันลักทรัพย์ ดังนั้นแม้จำเลยที่ 3 จะมิได้เป็นผู้ถอดสายไฟจากขั้วแบตเตอรี่ก็ต้องฟังว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกระทำด้วย จำเลยที่ 3 จึงต้องมีความผิดฐานทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท.(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2/2530)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประมาททำให้เกิดเพลิงไหม้: การพิจารณาองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 220 vs. 225
การที่จำเลยจุดไฟเผาฟางข้าวในนาของตนโดยไม่ปรากฏว่ามีลักษณะที่น่าจะเป็นอันตรายต่อทรัพย์สินของบุคคลอื่นอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 อย่างไร เช่น ขณะนั้นกำลังมีลมพัดแรงหรือโรงเรือนของผู้เสียหายอยู่ใกล้ชิดกับบริเวณที่จุดไฟขึ้น ซึ่งเป็นที่คาดเห็นได้ว่าเพลิงจะลามไปไหม้นาตลอดจนโรงเรือนข้างเคียงแน่ แต่จำเลยยังขืนจุดไฟจนลุกลามไปไหม้ทรัพย์สินของผู้เสียหาย เมื่อระยะเวลาที่จำเลยจุดไฟจนถึงเวลาที่บ้านผู้เสียหายถูกเพลงไหม้ห่างกันถึงหลายชั่วโมงจึงแสดงว่าไม่มีลักษณะที่น่ากลัวจะเป็นอันตรายต่อทรัพย์สินของบุคคลอื่นแต่เป็นเพราะจำเลยประมาทไม่ควบคุมดูแลให้เพลิงลุกไหม้อยู่ภายในขอบเขตที่จำกัดการกระทำของจำเลยจึงเป็นเรื่องขาดความระมัดระวังจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่นตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 225 หาใช่เป็นกรณีความผิดตาม มาตรา 220 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2129/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาของนิติบุคคลยังคงอยู่ที่เดิม แม้สำนักงานใหญ่จะถูกเพลิงไหม้ การส่งหมายเรียกโดยวิธีประกาศจึงไม่ชอบ
ภูมิลำเนาของนิติบุคคลได้แก่ถิ่นที่สำนักงานแห่งใหญ่ หรือที่ตั้งทำการหรือถิ่นที่ได้เลือกเอาเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการตามข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้งเท่านั้น การที่สำนักงานแห่งใหญ่ของนิติบุคคลจำเลยที่ 1 ถูกเพลิงไหม้จะถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีภูมิลำเนาอยู่ที่เดิมตามข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้งหาได้ไม่ ดังนี้ จะถือว่ากรณีเป็นเรื่องไม่สามารถส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีธรรมดาได้ยังไม่ชอบ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ประกาศ โฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีธรรมดาจึงเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 จะถือว่าจำเลยที่ 1 ได้ทราบประกาศการ ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแล้วโดยผลของกฎหมายไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2090/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อในการจุดไฟเผาพื้นที่ และการไม่ระมัดระวังจนเกิดเพลิงไหม้ลุกลามเสียหาย
แม้ก่อนจะจุดไฟเผาสวนของจำเลย จำเลยได้ถากถางต้นไม้เพื่อกันไฟมิให้ลุกลามติดสวนของผู้อื่น และไฟที่จำเลยจุดมิได้ลุกลามไปติดสวนของผู้เสียหายในทันทีก็ตาม แต่การที่จำเลยมิได้ใช้ความระมัดระวังตรวจตราดูและดับไฟที่จำเลยจุดเผาสวนไว้ก่อนเกิดเหตุ 3-4 วันให้หมด ปล่อยไว้ให้ติดคุขอนไม้จนเป็นเหตุให้ลุกลามไปไหม้ทรัพย์สินของผู้เสียหายจำเลยย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้ทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท และเป็นเหตุให้ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหายจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1479/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างแรงงาน: จำเลยต้องจ่ายสินจ้างแม้ไม่มีงานทำ เหตุเพลิงไหม้ไม่ใช่เหตุขัดขวางการชำระหนี้
โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลย สัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทน โดยโจทก์ต้องทำงานให้แก่จำเลยและจำเลยต้องชำระสินจ้างให้แก่โจทก์ แม้จำเลยอาจไม่มอบงานหรือสั่งให้โจทก์ทำงาน จำเลยก็ต้องจ่ายสินจ้างให้ตลอดเวลาที่จ้างกันจนกว่าจะมีการเลิกสัญญาจ้าง การที่จำเลยหยุดกิจการเพื่อซ่อมแซมโรงงานที่ถูกเพลิงไหม้มิได้เป็นเหตุขัดขวางอย่างใดที่จะทำให้ถึงแก่จำเลยจ่ายสินจ้างไม่ได้ เพราะยังไม่พ้นวิสัยที่จำเลยจะชำระหนี้จ่ายสินจ้างให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2086/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากความประมาทเลินเล่อในการสูบถ่ายน้ำมัน ทำให้เกิดเพลิงไหม้ และความรับผิดของนายจ้างร่วม
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้กระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงในการต่อท่อสูบถ่ายน้ำมันเบนซินจากเรือบรรทุกน้ำมันเข้าคลังน้ำมันของจำเลยที่ 3 ที่ 4 เมื่อเดินเครื่องสูบน้ำมันแล้วเป็นเหตุให้น้ำมันเบนซิน 5,195 ลิตร รั่วไหลตกลงไปในแม่น้ำแผ่กระจายไปบนผิวน้ำถ่านที่เหลือจากการหุงต้มทิ้งลงในแม่น้ำตามปกติทำให้เกิดไฟลุกไหม้น้ำมันเบนซินบนผิวน้ำลุกลามไหม้บ้านเรือนทรัพย์สินของโจทก์อย่างรวดเร็วเป็นผลโดยตรงจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 1 และที่ 2 จำเลยทั้งสองต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ในความเสียหายที่เกิดขึ้น
จำเลยที่ 3 ที่ 4 ดำเนินกิจการคลังน้ำมันร่วมกันโดย ช. ลูกจ้างของจำเลยที่ 4 เป็นผู้จัดการคลังน้ำมันร่วมกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการของจำเลยที่ 3 ถือได้ว่าการกระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 และที่ 4 ผู้เป็นนายจ้างร่วมกัน จำเลยที่ 3 และที่ 4 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1955/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าที่ดินยังคงมีผล แม้จะเกิดเพลิงไหม้อาคารที่ปลูกสร้างบนที่ดินนั้น และจำเลยไม่ได้บอกเลิกสัญญา
แม้อาคารของโจทก์ที่ปลูกสร้างอยู่ในที่ดินที่โจทก์เช่าจากจำเลยจะถูกเพลิงไหม้เสียหายหมดก็ตาม ก็ไม่มีเหตุที่จะทำให้สัญญาเช่าที่ดินระงับสิ้นไป
โจทก์ฟ้องอ้างว่าโจทก์ทำสัญญาเช่าที่ดินจากจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 แล้วจำเลยที่ 2 นำที่ดินที่โจทก์เช่าไปให้จำเลยที่ 3 เช่าอีก ทับที่เช่าโจทก์ดังนี้ แสดงว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิเกี่ยวกับการเช่าของโจทก์แล้ว
of 7