พบผลลัพธ์ทั้งหมด 55 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 354/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกเงินตามเช็ค: ประเด็นผู้ทรงเช็คโดยไม่บริสุทธิ์ และผลของคำพิพากษาคดีอาญา
คำให้การของจำเลยที่ว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยไม่บริสุทธิ์ไม่บริสุทธิ์อย่างไรมิได้แสดงไว้ ถือว่าไม่มีประเด็นที่จำเลยจะนำสืบได้
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 967 และ 989ผู้ทรงเช็คมีสิทธิว่ากล่าวเอาแก่ผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังเรียงตัวหรือรวมกันก็ได้ โดยมิพักต้องดำเนินตามลำดับที่คนเหล่านั้นมาต้องผูกพัน
เมื่อจำเลยแถลงตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลว่าจะขอสืบพยานเพียง 2 ข้อ จำเลยจะขอสืบพยานในประเด็นข้ออื่นนอกจาก 2 ข้อนั้นมิได้
ในคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลย และปรากฏว่าเกี่ยวกับเช็ครายนี้จำเลยถูกศาลพิพากษาลงโทษในข้อหาว่าจำเลยออกเช็คให้โจทก์คดีนี้โดยไม่มีเงินอยู่ในธนาคาร ข้อเท็จจริงในคดีอาญาที่พิพากษาว่าจำเลยยอมให้ผู้อื่นกรอกจำนวนเงินในเช็คและเมื่อผู้นั้นกรอกแล้ว จำเลยก็มิได้คัดค้านประการใด เพียงแต่ขอผัดเรื่อยๆ นั้นย่อมนำมารับฟังในคดีแพ่งว่าจำเลยต้องรับผิดตามเช็คนั้นได้
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 967 และ 989ผู้ทรงเช็คมีสิทธิว่ากล่าวเอาแก่ผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังเรียงตัวหรือรวมกันก็ได้ โดยมิพักต้องดำเนินตามลำดับที่คนเหล่านั้นมาต้องผูกพัน
เมื่อจำเลยแถลงตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลว่าจะขอสืบพยานเพียง 2 ข้อ จำเลยจะขอสืบพยานในประเด็นข้ออื่นนอกจาก 2 ข้อนั้นมิได้
ในคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลย และปรากฏว่าเกี่ยวกับเช็ครายนี้จำเลยถูกศาลพิพากษาลงโทษในข้อหาว่าจำเลยออกเช็คให้โจทก์คดีนี้โดยไม่มีเงินอยู่ในธนาคาร ข้อเท็จจริงในคดีอาญาที่พิพากษาว่าจำเลยยอมให้ผู้อื่นกรอกจำนวนเงินในเช็คและเมื่อผู้นั้นกรอกแล้ว จำเลยก็มิได้คัดค้านประการใด เพียงแต่ขอผัดเรื่อยๆ นั้นย่อมนำมารับฟังในคดีแพ่งว่าจำเลยต้องรับผิดตามเช็คนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1123/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกานี้ตัดสินว่าการข่มขู่เรียกเงินหลังรับเงินไปแล้ว และการขู่ว่าจะทำให้ถูกจำคุก ถือเป็นความผิดฐานกรรโชกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337
ศาลเชื่อว่า จำเลยได้ถูกบันทึกเสียงไว้ถึง 6 ครั้ง ยากที่จะมีใครมาเลียนเสียงที่จำเลยพูดได้เป็นชั่วโมงๆ ไม่ใช่ว่าศาลชั้นต้นจะรับฟังลำพังแต่เทปอัดเสียงของจำเลยมาลงโทษจำเลยก็หาไม่ ศาลเชื่อว่าโจทก์ร่วมได้อัดเสียงจำเลยไว้จริง จึงไม่ขัดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226
โจทก์ไม่ทราบว่ามีเอกสาร ล.1 ที่จำเลยอ้าง เมื่อจำเลยนำมาแสดงชั้นพิจารณา โจทก์เห็นว่าน่าจะเป็นเอกสารปลอม โจทก์ย่อมมีสิทธิขออนุญาตศาลส่งไปให้ตรวจพิสูจน์ได้ตามมาตรา 125 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งประกอบด้วยมาตรา 15 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
จำเลยอ้างสำนวนความของศาลจังหวัดปัตตานีเพื่อแสดงว่าจำเลยมีฐานที่อยู่เพราะจำเลยปฏิบัติงานอยู่ ดังนั้น การที่ศาลจับพิรุธที่ปรากฏได้ในบางสำนวนแล้วไม่เชื่อว่าเป็นความจริงว่าจำเลยได้อยู่ปฏิบัติงานในวันนั้นๆ ก็เป็นอำนาจของศาลที่จะชั่งน้ำหนักคำพยาน หาใช่ทำการพิสูจน์โต้แย้งแทนโจทก์ไม่
จำเลยนำเอกสารมาซักค้านพยานโจทก์ก่อนเวลาที่จำเลยอ้างและนำสืบเพื่อสะดวกแก่การจด ศาลให้จำเลยส่งเอกสารนั้นทั้งหมดโดยศาลจดรายงานไม่ให้โจทก์คัดจนกว่าจำเลยจะอ้าง ก็เห็นได้ชัดว่าไม่เสียความยุติธรรมแต่อย่างใด
การที่โจทก์ร่วมจ่ายเงินให้จำเลยรับไปแล้วห้าแสนบาท จำเลยตั้งข้อเรียกร้องเอาเงินค่าวิ่งเต้นให้โจทก์ร่วมจ่ายเพิ่มอีก โดยพูดขู่ด้วยวาจาและลายลักษณ์อักษรว่าถ้าไม่ตกลงจ่ายเงินตามที่จำเลยเรียกร้อง ก็ให้เตรียมตัวเข้าคุก ดังนี้ เป็นการข่มขืนใจให้โจทก์ร่วมยอมจะจ่ายเงินเพิ่มให้อีก จนโจทก์ร่วมผู้ถูกข่มขืนใจยอมจะให้เพิ่มขึ้นตามคำขู่ของจำเลย เพราะเกรงว่าถ้าไม่ยอมทำตามจะต้องได้รับโทษจำคุก ซึ่งเป็นอันตรายต่อเสรีภาพชื่อเสียง ของโจทก์ร่วม เป็นความผิดตามมาตรา 337 (ปัญหาสุดท้ายพิจารณาโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2509)
โจทก์ไม่ทราบว่ามีเอกสาร ล.1 ที่จำเลยอ้าง เมื่อจำเลยนำมาแสดงชั้นพิจารณา โจทก์เห็นว่าน่าจะเป็นเอกสารปลอม โจทก์ย่อมมีสิทธิขออนุญาตศาลส่งไปให้ตรวจพิสูจน์ได้ตามมาตรา 125 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งประกอบด้วยมาตรา 15 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
จำเลยอ้างสำนวนความของศาลจังหวัดปัตตานีเพื่อแสดงว่าจำเลยมีฐานที่อยู่เพราะจำเลยปฏิบัติงานอยู่ ดังนั้น การที่ศาลจับพิรุธที่ปรากฏได้ในบางสำนวนแล้วไม่เชื่อว่าเป็นความจริงว่าจำเลยได้อยู่ปฏิบัติงานในวันนั้นๆ ก็เป็นอำนาจของศาลที่จะชั่งน้ำหนักคำพยาน หาใช่ทำการพิสูจน์โต้แย้งแทนโจทก์ไม่
จำเลยนำเอกสารมาซักค้านพยานโจทก์ก่อนเวลาที่จำเลยอ้างและนำสืบเพื่อสะดวกแก่การจด ศาลให้จำเลยส่งเอกสารนั้นทั้งหมดโดยศาลจดรายงานไม่ให้โจทก์คัดจนกว่าจำเลยจะอ้าง ก็เห็นได้ชัดว่าไม่เสียความยุติธรรมแต่อย่างใด
การที่โจทก์ร่วมจ่ายเงินให้จำเลยรับไปแล้วห้าแสนบาท จำเลยตั้งข้อเรียกร้องเอาเงินค่าวิ่งเต้นให้โจทก์ร่วมจ่ายเพิ่มอีก โดยพูดขู่ด้วยวาจาและลายลักษณ์อักษรว่าถ้าไม่ตกลงจ่ายเงินตามที่จำเลยเรียกร้อง ก็ให้เตรียมตัวเข้าคุก ดังนี้ เป็นการข่มขืนใจให้โจทก์ร่วมยอมจะจ่ายเงินเพิ่มให้อีก จนโจทก์ร่วมผู้ถูกข่มขืนใจยอมจะให้เพิ่มขึ้นตามคำขู่ของจำเลย เพราะเกรงว่าถ้าไม่ยอมทำตามจะต้องได้รับโทษจำคุก ซึ่งเป็นอันตรายต่อเสรีภาพชื่อเสียง ของโจทก์ร่วม เป็นความผิดตามมาตรา 337 (ปัญหาสุดท้ายพิจารณาโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานแสดงตนเท็จ ร่วมกับผู้อื่นเรียกเงินจากผู้เสียหาย โดยอ้างอำนาจหน้าที่
จำเลยที่ 1 เป็ฯเจ้าพนักงานประจำหน่วยสืบสวนกองปราบปราม กรมสรรพสามิต จำเลยที่ 2 เป็ฯพลตำรวจ ส่วนจำเลยที่ 3 เป็นราษฎรร่วมกันกระผิดโดยจำเลยที่ 3 แกล้งกล่าวหาว่าผู้เสียหายมีเฮโรอีนแล้วอ้างตนว่าเป็นตำรวจจับตัวผู้เสียหายไปพบกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 จำเลยที่ 1 บอกผู้เสียหายว่าตนเป็นผู้บังคับหมวดตำรวจ ให้เอาเงินมาให้จำเลย 5,000 บาทแล้วไม่ต้องไปโรงพัก สามีของผู้เสียหายไปหาเงินจำเลยก็คุมตัวผู้เสียหายรออยู่ จนเมื่อหาเงินมาได้และให้จำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยจึงปล่อยตัว ดังนี้ จำเลยที่ 1 และที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 145,337,148 ประกอบกับมาตรา 86 จำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 148 และ 337 แต่การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฏหมายหลายบท ตามมาตรา 90 ให้ใช้บทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษ และถึงแม้จะมิได้ใช้มาตรา 337 เป็นบทลงโทษเช่นนี้ ศาลก็ย่อมพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหายตามที่อัยการโจทก์ขอด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานแสดงตนเท็จ ร่วมกับผู้อื่นข่มขู่เรียกเงินจากประชาชน
จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานประจำหน่วยสืบสวนกองปราบปรามกรมสรรพสามิต จำเลยที่ 2 เป็นพลตำรวจ ส่วนจำเลยที่ 3 เป็นราษฎรร่วมกันกระทำผิด โดยจำเลยที่ 3แกล้งกล่าวหาว่าผู้เสียหายมีเฮโรอีน แล้วอ้างตนว่าเป็นตำรวจจับตัวผู้เสียหายไปพบกับ จำเลยที่ 1 และที่2 จำเลยที่ 1 บอกผู้เสียหายว่าตนเป็นผู้บังคับหมวดตำรวจ ให้เอาเงินมาให้จำเลย 5,000 บาทแล้วไม่ต้องไปโรงพัก สามีของผู้เสียหายไปหาเงินจำเลยก็คุมตัวผู้เสียหายรออยู่ จนเมื่อหาเงินมาได้และให้จำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยจึงปล่อยตัว ดังนี้จำเลยที่ 1 และที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 145,337,148 ประกอบกับมาตรา 86 จำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 148, และ 337 แต่การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามมาตรา 90ให้ใช้บทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษและถึงแม้จะมิได้ใช้มาตรา 337 เป็นบทลงโทษเช่นนี้ ศาลก็ย่อมพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหายตามที่อัยการโจทก์ขอด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1848/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกเงินจากสัญญา TRUST RECEIPT: พิจารณาจากการเรียกค่าขายสินค้า ไม่ใช่เงินทดรอง
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามข้อตกลงในสัญญาใบรับสินค้าเชื่อ(TRUSTRECEIPT) ซึ่งโจทก์มอบอำนาจให้จำเลยไปจัดการขายสินค้า และนำเงินมาชำระให้โจทก์ตามที่กำหนดกันไว้ กรณีเช่นนี้ เป็นการเรียกเงินค่าขายของ ไม่ใช่เรียกเอาค่าที่ได้ออกเงินทดรองไป ตามมาตรา 165(1) อายุความฟ้องร้องจึงมีกำหนด 10 ปี ตามมาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 453-460/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แชร์เปียหวยไม่เป็นการพนัน ฟ้องเรียกเงินได้
การเล่นแชร์เปียหวยไม่เข้าลักษณะของการพนันขันต่อ เพราะไม่มีการแพ้ชนะด้วยวิธีเสี่ยงโชค จึงมีสิทธิฟ้องร้องเรียกเงินกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 394/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสุจริตของผู้ทรงเช็คและการเรียกเงินตามเช็ค ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดชอบ
บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารฮอลันดาโดยสุจริต10,000 บาท ซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายดังนี้ไม่จำต้องกล่าวว่าโจทก์ได้เช็คนั้นจากผู้ใดก็ถือว่ากล่าวข้อความชัดแจ้งดีแล้วหาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
เมื่อโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบและสุจริตแล้ว ก็มีสิทธิโดยชอบที่จะเรียกเงินตามเช็คนั้นจากผู้สั่งจ่ายได้
เมื่อโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบและสุจริตแล้ว ก็มีสิทธิโดยชอบที่จะเรียกเงินตามเช็คนั้นจากผู้สั่งจ่ายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 724/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกล้างสัญญาและการผิดสัญญา ทำให้ผู้ให้กู้มีสิทธิเรียกเงินต้นและดอกเบี้ยทั้งหมดได้
กู้เงิน สัญญาผ่อนชำระเป็นรายเดือนผู้กู้ปฏิเสธสัญญาก่อนครบกำหนดชำระงวดแรกผู้ให้กู้ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ได้ทั้งหมดพร้อมด้วยดอกเบี้ย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ข่มขู่เรียกเงิน ถือเป็นความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 136
ตำรวจไปขู่เข็ญจะจับเขาฐานมีไม้ไว้ในครอบครองเกินกว่า 1 ยก และเรียกเอาเงินจากเขา 200 บาท ผลที่สุดตกลงกันเพียง 75 บาท เมื่อได้เงินจากเขาแล้ว ก็กลับไม่จับกุมต่อไป ดังนี้ เป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริต ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 136.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ข่มขู่เรียกเงินจากประชาชน
ตำรวจไปขู่เข็ญจะจับเขาฐานมีไม้ไว้ในครอบครองเกินกว่า 1ยก และเรียกเอาเงินจากเขา 200 บาท ผลที่สุดตกลงกันเพียง 75 บาทเมื่อได้เงินจากเขาแล้วก็กลับไม่จับกุมต่อไปดังนี้ เป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริต ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 136