คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เลี้ยงดู

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 38 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 832/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับรองบุตรนอกกฎหมายมีสิทธิได้รับมรดก หากมีการเลี้ยงดูและจดทะเบียนรับรอง
บุตรนอกกฎหมายที่บิดาได้เลี้ยงดูในฐานะบิดากับบุตรโดยลงทะเบียนสำมะโนครัวว่าเป็นบุตรของตนและใช้นามสกุลของตนดังนี้พอฟังได้ว่าบิดาได้รับรองบุตรนอกกฎหมายนั้นเป็นบุตรของตนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627 บุตรนั้นย่อมมีสิทธิได้รับมรดกของบิดาตามมาตรา 1629(1)
ศาลจดรายงานพิจารณาตามคำแถลงของจำเลยในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตรเพื่อขอรับส่วนแบ่งมรดกด้วยโจทก์แถลงไม่คัดค้านแล้ว ดังนี้โจทก์จักกลับมาโต้เถียงในชั้นฎีกาว่าคำแถลงของจำเลยมิใช่เป็นคำร้องสอดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1886/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้เลี้ยงดูบุตรบุญธรรมที่ไม่จดทะเบียนในการขอเป็นผู้พิทักษ์
ผู้ร้องซึ่งเป็นน้า มิใช่บุคคลซึ่งระบุไว้ในมาตรา 29 และการรับบุตรบุญธรรมมิได้จะทะเบียน บัดนี้ผู้ที่เลี้ยงมานั้นได้แยกเรือนอยู่กับภริยาแล้ว ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลสั่งตั้งตนเป็นผู้พิทักษ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 291/2483

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเรียกร้องบุตรคืนหลังมอบให้ผู้อื่นเลี้ยงดู และผลกระทบของการเลิกทาสเกษียรอายุต่อการตีค่าตัวเด็ก
ให้เด็กอายุกว่า 1 ขวบเป็นบุตรบุญธรรมก่อนประมวลแพ่งฯ ถ้าผู้รับเลี้ยงดูโดยสุจจริตและเด็กสมัครอยู่กับผู้เลี้ยงบิดามารดาเติมจะเรียกเด็กคืนไม่ได้ วิธีที่บังคับให้เสียค่าเด็กให้แก่ผู้เลี้ยงและบิดามารดาของเด็กตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ 109 ม.11 นั้น ได้ยกเลิกเสียสิ้นแล้วโดยการเลิกทาสเกษียรอายุ อ้างฎีกาที่ 1416 - 1417/2456

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2483

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของบิดามารดาในการเรียกร้องบุตรคืนจากผู้เลี้ยงดู เมื่อเด็กสมัครใจอยู่ด้วยและกฎหมายยกเลิกการคิดค่าเลี้ยงดู
+เด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบเป็น++ธรรมกอบประมวล++ถ้าผู้รับเลี้ยงดูโดย+และเด็กสมัครอยู่กับ+บิดามารดาเดิมจะ++ไม้ได้+ยบังคับให้เสียค่าเด็ก+ผู้เลี้ยงและบิดามารดาของเด็กตามกฏหมาย+เบ็ดเสร็จบทที่ 109 ม.11 นั้นได้ยกเลิกเสียแล้ว+โดยการเลิกทาสเกษียรอายุ ศาลฏีกา 1416 , 1417 / 2456

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2480

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉุดคร่าอนาจาร: เจตนาเลี้ยงดูเป็นภรรยาไม่เป็นเหตุยกเว้นความผิด
จำเลยฉุดคร่าพาหญิงสาว ไป ถึงแม้จะมีเจตนาทที่จะเลี้ยงดูเป็นภรรยาก็ต้องมีผิดฐานฉุดคร่าอนาจาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 350/2474

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุฟ้องหย่า: พฤติกรรมอันธพาล, ลักพาตัว และเลี้ยงดูไม่เป็นธรรม
ผัวเมีย
บทที่ 57 - 108
เหตุหย่า คำว่าโจรหมายความเพียงไร ผัวไปฉุดคร่าเขาถูกจำคุก 2 ปี เรียกว่าเป็นโจรลักษณะลักพาบทที่ 1
ฟ้องอย่า เมื่อมีเหตุอย่าขึ้นใหม่ก็ฟ้องได้อีกเสมอหรือยื่นคำร้องเพิ่มเติมก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 778/2473

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาแต่งงานมีเงื่อนไขพิเศษ: การมีภรรยาอื่นมิใช่ผิดสัญญา หากไม่ได้เลี้ยงดู
สัญญาแต่งงาน ผัวเมียทองหมั้นโดยมีเงื่อนไขชายไปได้คนอื่นเปนภรรยาลับจนเกิดบุตร์ ไม่เรียกว่าผิดสัญญาแต่งงาน และไม่เปนข้อรังเกียจด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8877/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพรากผู้เยาว์และการกระทำชำเรา โดยพิจารณาเจตนาในการเลี้ยงดูฉันสามีภริยา
ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายที่ 3 พักอาศัยอยู่กับผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งเป็นย่า แต่เมื่อยังไม่บรรลุนิติภาวะย่อมต้องตกอยู่ใต้อำนาจปกครองดูแลของผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งเป็นบิดาและผู้เสียหายที่ 2
ความผิดฐานพรากผู้เยาว์กระทงแรกนั้น จำเลยโทรศัพท์นัดหมายเด็กหญิง จ. ผู้เสียหายที่ 3 ให้ไปพบแล้วพาผู้เสียหายที่ 3 ไปบ้านจำเลย แล้วกระทำชำเราผู้เสียหายที่ 3 ฟังไม่ได้ว่าผู้เสียหายที่ 3 สมัครใจไปจากผู้เสียหายที่ 1 และผู้เสียหายที่ 2 เอง หลังจากที่จำเลยกระทำชำเราแล้ว จำเลยไปหาผู้เสียหายที่ 2 ผู้เสียหายที่ 2 ต่อว่าจำเลยและเรียกค่าสินสอดจากจำเลย แต่จำเลยไม่มีเงินให้ จากนั้นจำเลยรับผู้เสียหายที่ 3 ไปอยู่ด้วย พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวย่อมเป็นเครื่องชี้เจตนาของจำเลยได้ว่าประสงค์จะเลี้ยงดูผู้เสียหายที่ 3 เป็นภริยา เมื่อจำเลยยังมิได้มีภริยาจึงสามารถที่จะเลี้ยงดูผู้เสียหายที่ 3 ฉันสามีภริยาได้ การกระทำของจำเลยจึงมิใช่เป็นการพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจารตาม ป.อ. มาตรา 317 วรรคสาม แต่เป็นการกระทำที่ล่วงล้ำต่ออำนาจปกครองดูแลของบิดาและย่าผู้เสียหายที่ 3 ถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยปราศจากเหตุอันสมควรพรากผู้เสียหายที่ 3 ซึ่งอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดาหรือผู้ดูแล จึงเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 317 วรรคแรก
ส่วนการกระทำความผิดของจำเลยกระทงที่สองนั้น เมื่อจำเลยได้มาเจรจาสู่ขอผู้เสียหายที่ 3 จากผู้เสียหายที่ 2 แต่จำเลยไม่มีเงินค่าสินสอด ในวันรุ่งขึ้นจำเลยก็ไปรับผู้เสียหายที่ 3 มาอยู่ด้วย กระทั่ง ม. มารับผู้เสียหายที่ 3 กลับไป แสดงว่าจำเลยพาผู้เสียหายที่ 3 ไปเพื่อร่วมอยู่กินฉันสามีภริยา ฟังไม่ได้ว่าจำเลยพรากผู้เสียหายที่ 3 ไปจากบิดาหรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควรเพื่อการอนาจารไม่เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 317
of 4