คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เสรีภาพ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 34 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1496/2479

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำของเจ้าพนักงานที่ละเมิดเสรีภาพของบุคคล แม้มีการถอนฟ้อง อัยการก็ดำเนินคดีได้
เจ้าพนักงานตรวจจับฝิ่นไปตรวจกันและจับราษฎรในเวลาค่ำคืนโดยไม่มีหมายและไม่แต่งเครื่องแบบแล้วบังคับราษฎรให้พาไปค้นหาฝิ่นเถื่อนต้องมีผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิศรภาพตาม ม.268 ตอน 3 ความผิดตามกฎหมายอาญา ม.268 ตอน 3 นั้นมิใช่ความผิดต่อส่วนตัวแม้เจ้าทุกข์จะได้ยอมความและถอนคำร้องทุกข์แล้วก็ดีอัยยการก็มีอำนาจดำเนินคดีต่อไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15518/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์, กรรโชกทรัพย์, และความผิดต่อเสรีภาพ: การกระทำผิดฐานชิงทรัพย์และกรรโชกทรัพย์โดยมีองค์ประกอบของการข่มขู่และหน่วงเหนี่ยว
จำเลยกับพวกร่วมกันกระชากตัวโจทก์ร่วมลงจากรถแท็กซี่และรุมทำร้ายโจทก์ร่วม แล้วนำตัวโจทก์ร่วมขึ้นรถกระบะแล่นออกไปยังบ่อปลาแห่งหนึ่งโดยระหว่างที่อยู่ในรถกระบะจำเลยกับพวกทำร้ายร่างกายโจทก์ร่วมตลอดทางโดยใช้ขวดเบียร์และท่อนเหล็กเป็นอาวุธ และจำเลยได้ล้วงเงิน 10,000 บาท ของโจทก์ร่วมไป เมื่อจำเลยกระทำความผิดโดยมีอาวุธในเวลากลางคืนและใช้ยานพาหนะ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา 339 วรรคสอง ประกอบมาตรา 335 (1) (7), 340 ตรี
การที่จำเลยและ น. เรียกร้องเงินจำนวน 23,000 บาท เพื่อแลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัวโจทก์ร่วม โดยจำเลยเชื่อว่าโจทก์ร่วมโกงเงิน น. ย่อมเป็นเพียงความเชื่อของจำเลย หาเป็นเหตุให้โจทก์ร่วมเป็นหนี้ น. ไม่ ดังนั้น เงินจำนวน 23,000 บาท ที่จำเลยเรียกร้องเพื่อแลกกับการปล่อยตัวโจทก์ร่วมจึงเป็นค่าไถ่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดต่อเสรีภาพตามมาตรา 313 วรรคแรก
อนึ่ง เนื่องจากจำเลยจัดให้โจทก์ร่วมได้รับเสรีภาพก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาโดยโจทก์ร่วมมิได้รับอันตรายสาหัสหรือตกอยู่ในภาวะอันใกล้จะเป็นอันตรายต่อชีวิต จึงลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ตามมาตรา 316

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5573/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เสรีภาพในการชุมนุมสงบและการพิสูจน์เจตนาในการกระทำผิดร่วม
การที่ชาวบ้านร่วมชุมนุมและเดินขบวนกันเพราะไม่พอใจที่ทางราชการมีมติให้จัดตั้งกิ่งอำเภอนาทมในที่อื่น ที่ไม่ใช่ตำบลนาทมโดยมีชาวบ้านร่วมกันกว่า 200 คน ไม่ปรากฏว่ามีการร่วมกันวางแผนหรือคบคิดกระทำการในสิ่งผิดกฎหมาย ไม่มีผู้ใดมีอาวุธ จึงต้องถือว่าเป็นการชุมนุมที่เริ่มต้นด้วยความสงบปราศจากอาวุธ อันเป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนโดยชอบที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับให้การรับรองตลอดมา การกระทำความผิดมาเกิดขึ้นในภายหลัง ต้องถือว่าเป็นเจตนาของผู้กระทำความผิดของแต่ละคนแต่ละกลุ่มจะถือเอาเป็นเจตนาร่วมของผู้เข้าชุมนุมทุกคนไม่ได้ ลำพังแต่จำเลยเป็นผู้ร่วมอยู่ในกลุ่มชาวบ้าน 2 กลุ่ม ที่มีคนร้ายบางคนกระทำความผิดก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง หรือพฤติการณ์อันใดที่แสดงการขัดขวางมิให้ ศ. กับพวกนำรถดับเพลิงเข้าไปในบริเวณที่เกิดเหตุเผาสะพาน ยังไม่อาจถือได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับคนร้าย ตาม ป.อ. มาตรา 83 กรณีต้องถือว่าจำเลยที่ 3 ที่ 5 ที่ 7 และที่ 9 มีเสรีภาพในการชุมนุมดังกล่าวตามสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1137/2566

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับเผยแพร่ข้อมูลออนไลน์ที่อาจกระทบความมั่นคงฯ แม้ไม่เป็นความผิดโดยตรง
ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 20 บัญญัติว่า "ในกรณีที่มีการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ดังต่อไปนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำร้องพร้อมแสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอำนาจขอให้มีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นออกจากระบบคอมพิวเตอร์ได้ (1) ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ (2) ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่อาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามที่กำหนดไว้ในภาค 2 ลักษณะ 1 หรือลักษณะ 1/1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา" ดังนั้น การพิจารณาว่าข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่แพร่หลายซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่จะขอให้ศาลมีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ได้นั้นอาจเป็นเพียงกรณีที่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามที่กำหนดไว้ในภาค 2 ลักษณะ 1 หรือลักษณะ 1/1 แห่ง ป.อ. ตาม (2) ที่ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์บัญญัติไว้เพียงข้อเดียวก็ได้ โดยไม่จำต้องพิจารณาว่าข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเป็นความผิดต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามที่กำหนดไว้ในภาค 2 ลักษณะ 1 หรือลักษณะ 1/1 แห่ง ป.อ. แล้วหรือไม่ เมื่อผู้คัดค้านเสนอเรื่องการจัดการวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 มีหัวเรื่องระบุว่า วัคซีนพระราชทาน ใครได้ ใครเสีย นำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์ แล้วต่อมามีผู้แสดงความเห็นทางอินเทอร์เน็ตว่า "ธ. ลั่น ยอมติดโควิด ตายดีกว่า ไม่ขอใช้วัคซีนพระราชทาน" "วัคซีนภาษีไพร่ แจกจ่ายในนามเจ้า" "ผลประโยชน์ทับซ้อนนี้จะเพื่อใคร ก็เพื่อคนที่ซื้อหุ้น 100% ของบริษัท S. วัคซีนพระราชทาน" "ในหลวงรัชกาล...ไม่คิดจะออกมาอธิบายหน่อยเหรอครับ เรื่องวัคซีนโควิดในฐานะเจ้าของบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากเงินภาษีของประชาชน ปล่อยให้หน่วยงานของรัฐบาลออกหน้าแทนมันไม่แฟร์นะครับ" "ผูกขาดวัคซีน หาซีนให้เจ้า" แสดงว่าเมื่อมีผู้เห็นถ้อยคำของผู้คัดค้านตามข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวแล้วได้ออกมาแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์พระมหากษัตริย์ว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดหาวัคซีนของรัฐบาล การกระทำของผู้ที่ออกมาแสดงความเห็นดังกล่าวอาจเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามที่กำหนดไว้ในภาค 2 ลักษณะ 1 แห่ง ป.อ. ดังนั้น หากให้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้คัดค้านดังกล่าวแพร่หลายต่อไปอาจทำให้มีผู้ออกมาแสดงความเห็นที่อาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรได้ กรณีจึงมีเหตุให้ระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวโดยไม่จำเป็นต้องพิจารณาว่า ถ้อยคำของผู้คัดค้านตามข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวเป็นการใช้เสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลโดยสุจริตหรือไม่ และเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรืออาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์แล้วหรือไม่
of 4